ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

การจองร่างของภาคฝ่ายต่างๆ และมนุษย์ที่ถูก "ตีตราจอง" เป็นอย่างไร?

สวัสดีครับทุกท่าน ยังมีเรื่องหนึ่งที่บางท่านสงสัย คือ "เรื่องการจองตัว" เอาละ วันนี้ผมจะมาช่วยให้ความกระจ่างแก่ท่านเอง เนื้อหาในวันนี้ จะกล่าวถึง "การถูกจองตัว" ของคนโดยภาคฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายมืดและฝ่ายสว่างล้วนถูกตีตราจองได้เหมือนกัน แต่ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนกัน และคนที่ถูกจองก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปอีกด้วย ซึ่งผมจะกล่าวโดยละเอียดในลำดับต่อไปครับ


"การจองตัว" ของฝ่ายมืดและฝ่ายสว่าง ต่างกันอย่างไร?


บางท่านรู้แต่รู้ไม่หมด รู้ไม่จริง ก็จะเหมารวมเอาว่าการตีตราจองคือ การทำงานของภาคมืดเท่านั้น ซึ่งเป็นการเหมารวมที่ผิด แท้แล้วเมื่อภาคมืดทำการตีตราจอง ภาคสว่างก็ทำการ "หมั้นหมาย" กับร่างสังขารมนุษย์เอาไว้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ด้วย "วิธีการและเงื่อนไข" ที่แตกต่างกัน แล้วมันแตกต่างกันอย่างไรหรือ? กล่าวคือ ภาคมืดจะตีตราจองมนุษย์ที่ทำความผิดบาปแล้วไม่ยอมรับโทษทัณฑ์ เหมือนกับซาตานที่เคยเป็นทูตสวรรค์พอทำความผิดบาปแล้วหนีทัณฑ์สวรรค์ฉะนั้น หรือมนุษย์ที่หมดบุญแล้ว ทว่า ต้องการเสวยบุญต่อจึงร้องขอ เรียกร้องต่อพลังภาคมืดเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ เหล่านี้ จะถูก "ตีตราจอง" โดยฝ่ายมืด โดยพวกเขาจะมีเครื่องตีตราแล้วทำเครื่องหมายติดตัวมนุษย์ผู้นั้นเอาไว้เป็น "สัญลักษณ์" เพื่อที่จะทำการ "ครอบงำร่างสังขาร" ในลำดับต่อไป ส่วนภาคสว่างจะเลือกมนุษย์ที่ "ผ่านการทดสอบ" ของพวกเขา ในแบบที่เขาต้องการ จากนั้นจึงติดต่อกับร่างสังขารด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ร่างสังขาร "ยินยอมร่วมภารกิจ" ก็จะทำการจับจองตัวกันต่อไป เหมือนการหมั้นหมายอย่างนั้น ดังนั้น การถูกจองตัวจึงมีได้ทั้งจากภาคมืดและภาคสว่างจะเหมารวมไปอย่างเดียวไม่ได้



วิถีเหมือนกัน จึงจองตัวกัน เหมือนภาพสะท้อนของกันและกัน


หลักการง่ายๆ ของการ "ตีตราจอง" คือ คนที่มีวิถีชีวิต การกระทำที่ตามรอยกัน ก็จะถูกตีตราจองกันได้ เช่น คนที่มีการกระทำเหมือนภาคสว่าง ก็จะถูกจองตัวโดยภาคสว่าง, คนที่มีการกระทำเหมือนภาคมืด ก็จะถูกจองตัวโดยภาคมืด เอาละ นี่คือ "หลักการพื้นฐาน" ที่ง่ายที่สุดนะ ทีนี้ ทั้งสองภาคส่วน ก็มี "ตัวตน" มากมาย หลากหลาย ใช่ไหม สมมุติว่าคุณกระทำการเพื่อโลกนี้โดยมุ่งเน้นสันติภาพ คุณก็จะถูกจองตัวโดยพลังภาคสว่างที่ทำหน้าที่ด้านสันติภาพ ถ้าคุณกระทำเพื่อโลกนี้โดยมุ่งเน้นการเมืองการปกครอง คุณก็มักจะถูกจองตัวโดยภาคสว่างที่ทำหน้าที่ด้านการเมืองการปกครอง เป็นต้น ง่ายดีไหมละ? ใช่แล้ว มันง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด มันไม่อาจยุ่งเหยิงหรือผิดเพี้ยนไปจากหลักการนี้ได้ เพราะอะไร? เพราะหลังจากการจองตัวแล้ว จะมีการ "ประสานพลังร่วมกัน" ของมนุษย์และตัวตนในอีกมิติที่จับจองตัวมนุษย์นั้นๆ ดังนั้น เขาทั้งสองต้องมีการกระทำมาก่อนเป็นเบื้องต้นที่จะ "ประสานเข้ากันได้" เขาทั้งสองจึงเหมือน "ภาพสะท้อนของกันและกัน" ของสองมิติ ตัวตนหนึ่งอยู่ในมิติของโลกมนุษย์ อีกตัวตนหนึ่งอยู่ในมิติอื่นๆ ก่อนที่จะประสานกันเป็น "ตัวตนหนึ่งเดียว" ได้ ในที่สุด



มนุษย์ที่ถูก "ตีตราจองโดยภาคมืด" จะมีสัญลักษณ์บนตัวบางอย่าง?


ภาคมืด จะตีตราจองมนุษย์ไว้ โดยทำ "สัญลักษณ์บางอย่างบนตัวเขา" ทว่า มันจะเป็นเครื่องหมายเฉพาะของพวกเขาเท่านั้น พวกมืดก็มีหลายกลุ่ม เมื่อพวกเขาตีตราจองแล้ว เขาจะใช้ "สัญลักษณ์" ที่แตกต่างกันเช่น บางกลุ่มใช้สัญลักษณ์เป็น "การแต่งกาย" หรือ "ตุ้มหู" ที่แตกต่างไปจากกลุ่มอื่นๆ หรือบางกลุ่มใช้ "ลายสัก" เป็นการ "ตีตราจอง" ก็ได้ นอกจากนี้ ยังมีการตีตราจองที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถเห็นได้ในอีกมิติหนึ่งด้วย พวกมืดก็มีหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีตราสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้รู้กันได้ว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือมองเห็นกันแล้วก็ดูออกว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ แต่มนุษย์ที่ถูกตีตราจอง ก็ล้วนอยู่ในโลกเดียวกันนี้กับพวกเรา และพวกที่ถูกจองตัวโดยภาคสว่างด้วย ดังนั้น จึงสับสนปนเปกันไปหมด ยากที่จะแยกแยะได้ว่า "ใครที่ถูกภาคไหนตีตราจอง" เมื่อพวกเขาถูกตีตราจองแล้ว พวกเขาจะได้รับ "บัตรเชิญ" ซึ่งไม่มีลักษณะเป็นบัตรเชิญที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรอกนะ มันเป็นแค่อะไรก็ได้ ที่จะเปิดทางให้คนที่ถูกตีตราจอง ได้เข้าไปยัง "โลกของพวกเขา" ที่พวกเขาสร้างขึ้นไว้ ซ้อนซ่อนอยู่ในโลกใบนี้ เช่น คลับบาร์ ที่ไม่ควรจะมี หรือผิดกฏหมาย แต่พวกเขาก็จะได้รับการเปิดทางให้เข้าไปในที่นั้นๆ ได้ อย่างที่ไม่เคยเข้าได้มาก่อน เพื่อให้เกิด "ความยอมรับร่วมกัน" แล้วจึงทำการ "ประสานร่าง" ได้ง่ายยิ่งขึ้น ก็จะจบกระบวนการโดยสมบูรณ์ 



มนุษย์ที่ถูก "ตีตราจองโดยภาคสว่าง" จะมีวิถีชีวิตที่เบี่ยงจากวิถีปุถุชน


ภาคสว่าง จะจองตัวมนุษย์โดยการทำให้เขารู้ตัวก่อน และให้เขายอมรับเอง เลือกเองก่อน ถ้าเขาไม่ยอมรับ ก็จะไม่มีการจองตัว แต่ถ้าเขายอมรับจึงจะมีการจองตัวด้วย "พิธีกรรม" หรืออะไรบางอย่างเหมือนการหมั้นไว้เช่น การทำพิธีบางอย่างอันแสดงถึง "การยอมรับภาคสว่าง" เมื่อมนุษย์ยอมรับแล้ว จึงจะมีการ "เตรียมสังขาร" เช่น สังขารนั้นจะถูกทำให้มีวิถีชีวิตที่เบี่ยงเบนออกไปจากปกติ เช่น ตกงานและต้องไปปฏิบัติธรรม ยาวนาน เพื่อให้สังขารบริสุทธิ์ขึ้น รองรับสภาวะ หรือพลังงานของภาคสว่างได้ นั่นเอง ดังนั้น พวกเขาจะรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างควบคุมชีวิตไม่ให้ออก "นอกกรอบ" ชีวิตจะต้องเดินในกรอบอะไรบางอย่าง? ทำบางสิ่งได้ แต่บางสิ่ง ไม่อาจทำได้เลย เหมือนมีกรอบที่มองไม่เห็น ล้อมตนเอาไว้มีกฏระเบียบที่มองไม่เห็นเยอะแยะ จนรู้สึกอึดอัด ไม่อาจทำอะไร ได้ดั่งใจเหมือนถูกขัดใจ ถูกควบคุม ถูกบังคับ หรือถูกพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นดูแลให้ชีวิตต้องดำเนินไปตามกรอบระเบียบมากมาย แตกต่างจากคนที่ถูกตีตราจองโดยภาคมืด ที่จะได้รับการเปิดทางให้ "ทำผิดได้อย่างเสรี" ในที่ๆ คนเอาโทษไม่ได้ หรือมองไม่เห็น เช่น ในที่ลับ, คลับบาร์ ฯลฯ ต่างๆ เหมือนพวกเขาได้เปิดโลกที่พวกเขารอคอย เป็นโลกมืดที่ทำผิดอะไรก็ได้ตามแบบของแต่ละกลุ่ม บางกลุ่ม ก็เสพยาเสพติด, บางกลุ่มก็ผิดประเวณีบางกลุ่มก็ทำผิดอื่นๆ ฯลฯ นั่นคือ โลกของพวกมืด ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกสว่าง ที่จะเต็มไปด้วยกฏระเบียบ กรอบห้อมล้อม จนทำให้มนุษย์ที่ถูกจองตัว รู้สึก "อึดอัด" บ่อยๆ ทั้งยังต้องฝึกฝนตนอย่างยิ่งยวด และได้รับ แบบทดสอบที่แสนหฤโหดอีกด้วย นี่ละ หนทางที่แตกต่างกันของมืดและสว่าง



การถูกตีตราจองโดยภาคสว่าง ในระดับชั้นที่แตกต่างกันไป?


ภาคสว่างมีหลายระดับชั้น ยิ่งระดับชั้นที่สูงขึ้น ยิ่งมีกฏระเบียบมากขึ้นนอกจากกฏระเบียบในการดำรงชีพแล้ว ยังมี "จรยาบรรณ" ในการทำหน้าที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ทำให้ผู้ที่ยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ก็ยิ่งต้องมีวินัยมากยิ่งขึ้น เคร่งครัดมากยิ่งขึ้นและต้องรู้จักละเว้น ละวาง ในการกระทำบางอย่างมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น การกระทำของท่านก็จะส่งผลกระทบต่อ "วงกว้าง" ได้มากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้น ท่านจึงต้องยิ่งมี "วินัย" มากขึ้นเป็นลำดับไป ซึ่งท่านจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวิถีชีวิตของท่านเปลี่ยนไป และมี "กรอบระเบีบที่มองไม่เห็น" เข้ามาล้อมกรอบชีวิตของท่านมากยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นลำดับ จนท่านเริ่มกลายเป็นเหมือนคนเรื่องมากในสายตาของปุถุชนไป อะไรๆ ก็ไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่ได้ อะไรอย่างนั้นใช่ไหม? ที่ปุถุชนจะรู้สึก เมื่อเขาพยายามมาเกี่ยวข้องกับท่าน นอกจากนี้ "ภาคสว่างจากต่างที่กัน" เช่น จากดวงดาวต่างกัน ก็มี "กฏระเบียบ" ที่ต่างกันไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ จะมีวินัยมากกว่าคนบนโลกเสมอ พวกเขาก็จะ "ดูท่านห่างๆ" ว่าท่านมีแววหรือไม่? ที่จะเป็นเหมือนพวกเขาได้ เหมือน "แมวมอง" อย่างนั้น พอท่านเป็นที่ถูกตาต้องใจของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะเข้ามาจองตัว ทว่า พวกเขาจะรอให้อีกภาคส่วนคือ ฝ่ายตรงข้าม หรือภาคมืด ลงมือทดสอบท่านก่อน กล่าวคือพวกมืดจะเข้ามาอยากจองตัวท่านก่อน เชื้อเชิญท่านก่อน เมื่อท่านไม่มีความต้องการเข้าร่วมกับภาคมืดอย่างแน่วแน่แล้ว ภาคสว่างก็จะเข้ามาทีหลัง นั่นคือ "ท่านสอบผ่านแล้ว" ในสายตาของพวกภาคสว่าง นั่นเอง



การทำลายกระบวนการ "จองตัวของภาคสว่าง" โดยภาคมืด


ซึ่งก็คือ "การสอบตก" ในสายตาของภาคสว่าง นั่นเอง หมายความว่าในระหว่างที่ "มนุษย์เริ่มมีแวว" และสองภาคต่างสนใจมาจองตัวนั้น ก็จะมี "การทดสอบของภาคมืด" เกิดขึ้นก่อน แล้วถ้ามนุษย์ไม่ผ่าน หรือสอบตกในสายตาของภาคสว่าง พวกเขาจะสอบผ่านในสายตาของภาคมืด เช่น การที่มนุษย์กำลังจะเดินทางสู่ภาคสว่างแล้ว แต่มีคนมาเชิญให้ได้รับ "ลาภสักการะ" มนุษย์คนนั้นเลยเอาลาภสักการะ แทนที่จะทำหน้าที่ตรงทางต่อไป เขาเริ่มจะสอบตกแล้วในสายตาของภาคสว่าง ยิ่งไปกว่านั้น "ภาคมืด" จะยัดเยียดให้อะไรมากมายแก่เขา จน "ล้นเกินบุญเสวย" เพื่อทำลายพลังอำนาจด้านสว่างของเขาลงทีละน้อย เผาผลาญบุญของมนุษย์คนนั้นให้ลดลงไปทีละน้อยๆ จนไม่เหลือเลย มนุษย์คนนั้นเสวยจนไม่ทันคิด ไม่ทันรู้ตัว เพราะคิดว่าสิ่งที่ได้ล้วนถูกต้องแล้ว เป็นบุญของเราทั้งสิ้น จนลืมพิจารณาไปว่า แท้จริงแล้ว มันเป็น "หนี้ภาคมืด" ไปตั้งแต่เมื่อไร ก็ไม่รู้ เหมือนคนที่เคยรวย แล้วถูกเพื่อนพาไปเล่นพนัน เพื่อนออกเงินให้เล่นสนุกๆ ก็เลยเล่นซะเพลินมือจนมารู้อีกที "เป็นหนี้จนเกินกว่าที่จะใช้เงินที่ตนมีอยู่ จ่ายได้?" นี่ละ พวกภาคมืด จะทำแบบนี้ เพื่อให้คนที่กำลังจะก้าวสู่ภาคสว่าง ไม่อาจไปสู่ภาคสว่างได้ และต้องกลายเป็นภาคมืดแทน เมื่อมนุษย์หมดพลังบุญแล้ว พวกเขาก็จะหมดแสง และมืดมนลง



สุดท้ายนี้ ทุกอย่างมันเป็น "แบบทดสอบ" นะครับ ผมไม่อาจที่จะเฉลยได้หมด เอาเป็นว่าท่านจะได้รับการทดสอบจากภาคส่วนต่างๆ เมื่อผ่านแล้วในสายตาของภาคส่วนไหน พวกเขาก็จะจองตัวท่านต่อไปเองแหละแล้วแบบทดสอบนี้มันก็หลากหลายเหลือเกิน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านเองทั้งสิ้น มันจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการเดินต่อไปในอนาคตของท่านเอง ตัวตนในภาคส่วนต่างๆ ที่อยู่ในมิติต่างๆ จะรอรับท่านจะจองตัวท่าน และจะประสานร่วมเดินทางไปกับท่านด้วย ไม่ว่าตัวตนที่อยู่ในโลกนี้ หรือนอกโลกออกไป จะเป็นดาวดวงไหนในจักรวาลนี้ก็ตาม เพียงท่าน "กระทำได้" ท่าน "ผ่านแบบทดสอบของเขาได้" พวกเขาจะต้องมาทำหน้าที่ประสานงานร่วมกับท่านต่อไปเอง นะแหละ โดยไม่ต้องแสวงหาพลังของท่านที่เกิดจากการกระทำของท่าน จะสั่นสะเทือนถึงพวกเขาจนพวกเขาจะต้องมาเชื่อมประสานกับท่านและเป็นหนึ่งเดียวกับท่านในที่สุด


ขอให้ท่านมีความแน่วแน่ในการเดินทางที่แสนหลากหลายนี้ สวัสดีครับ ...



16 มิ.ย. 2555


"เสียงจากนิรนาม"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment