ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกตัวตน ดีกว่า การเป็นพระเจ้าเสียอีก?

ที่รัก ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คุณสับสนกันมากเลยคือ เรื่องของการเป็นหนึ่งเดียวกันของคุณและสิ่งศักดิสิทธิ์ เช่น พระเจ้า ก็ดี บางท่านก็คิดว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันคือ เราเป็นเขา หรือมีตัวตนเดียวกัน อันนั้น ยังไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเราคือ พระเจ้า เราตั้งตนเป็นพระเจ้าเสียเอง นี่ไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้องนัก มันเฉียดไปนิดเดียว กล่าวคือ เราทั้งหลาย ทุกๆ คน ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและสิ่งศักดิสิทธิ์ได้ ด้วยการเชื่อมโยง และการเชื่อมโยงนั้นมีอยู่แล้วในธรรมชาติ ดังนั้น เราจึงเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้วตั้งแต่แรกมา ถ้าเราไม่ถูกหลอกให้หลงลืมเสียก่อนนะ ทว่า เราจำเป็นต้องมี "หลายตัวตนที่มีความแตกต่างกัน" เพื่ออะไร? ก็จะได้ทำหน้าที่ที่ต่างกันได้อย่างไรละ? ลองคิดดู ถ้าเราเป็นดังเช่น พระเจ้าแล้ว เราจะเป็นอย่างไร? เราก็จะทำสิ่งที่มนุษย์ทำ ไม่ได้ ดังนั้น ที่รัก มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเป็นเรา คุณต้องเป็นอย่างที่คุณเป็น ตัวตนอย่างที่คุณเป็น ไม่ต้องไปเป็นพระเจ้า หรืออ้างตัวเป็นพระเจ้า คุณก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอยู่แล้ว ด้วยธรรมชาติแห่งการเชื่อมโยงนั้น (ซึ่งมีอยู่แล้ว) ดังนั้น ธรรมชาตินี้จึงต้องมีทั้งพระเจ้าและมนุษย์ เพราะมีหน้าที่ที่ต้องทำต่างกัน ทดแทนกันไม่ได้ ขาดหายไป ก็ไม่ได้ คุณมีความสำคัญไม่ต่างจากพระเจ้าเช่นกัน โดยที่คุณไม่ต้องเป็นตัวตนแห่งพระเจ้าหรืออ้างพระเจ้าว่าเป็นคุณ คุณเป็นหนึ่งเดียวกับท่านอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องสูญเสียตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์นี้ไป ความเป็นมนุษย์นั้นจำเป็น และมีหน้าที่สำคัญที่แม้แต่พระเจ้าก็ทำไม่ได้ด้วย ดังนั้น ท่านจึงส่งคุณมาเกิดเป็นมนุษย์ไงละ


ที่รัก มันคล้ายกันมากในความหมายของคำว่า "เป็นหนึ่งเดียวกัน" แต่ถ้าคุณเข้าใจผิด มันอาจทำให้คุณหลงตัวเองได้ และผลร้ายจะตามมาอีกมากมาย ดังนั้น ผมจึงต้องอธิบายความหมายนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น กล่าวคือ การที่คุณคิดอยู่เสมอว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เลวร้ายอะไร แต่มันมี "เส้นบางๆ" ที่ขีดอยู่ เมื่อคุณล้ำเส้นแล้ว คุณอาจกลายเป็นคนที่หลงตัวเองได้ และเมื่อนั้น คุณจะห่างไกลออกไปจากสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น มันเป็นเหมือนเส้นบางๆ ที่ยากจะบอกได้ว่าคุณจะล้ำเส้นไปเมื่อไร ดังนั้น ผมจึงต้องอธิบายใหม่ โดยใช้คำว่าการเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตนด้วยการเชื่อมโยง มันชัดเจนกว่าการบอกว่า "คุณคือพระเจ้า" โอเค จริงอยู่ว่า เราทุกคนมาจากท่าน และมี "จิต" ที่ไม่ต่างจากท่านเลย แต่พอเราเข้าใจว่าเราเป็นพระเจ้าขึ้นมา ก็จะมี "บางสิ่ง" ทำให้เราถลำออกจากเส้นบางๆ นั้นไป เราจะเริ่มหลงตัวเองมากขึ้น และการสื่อสารจะขาดหาย เพราะความหลงตัวเองของเราเมื่อนั้น แม้คุณจะทำหน้าที่สื่อสารจากพระเจ้า หรือสิ่งศักดิสิทธิ์อื่นๆ อยู่ทว่า มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนไป สัญญาณเดิมขาดหาย สัญญาณใหม่ถูกมาแทนที่ไปแล้ว โดยที่คุณไม่รู้ตัว นั่นหละ ทำให้การสื่อสารฯ ผิดพลาดได้


ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเข้าใจ "ภาวะความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตน" และเข้าใจหน้าที่ที่แตกต่างกันของ "ทุกตัวตน" ว่าทุกตัวตนมีความสำคัญมาก "เท่ากัน" แต่ทำกิจที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง และคุณควรจะภูมิใจในตัวตนของคุณ สิ่งที่คุณเป็นอยู่ และความเป็นมนุษย์ของคุณด้วยไม่ใช่ละทิ้งความเป็นตัวคุณ ความเป็นมนุษย์ เพื่อจะเป็นพระเจ้าเสียเอง? เพราะ "บางสิ่งที่ไม่ใช่" จะเข้ามาแทนที่ระหว่างคุณและพระเจ้าได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องเข้าใจภาวะของความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตนจริงๆ เพราะหากล้ำเส้นบางๆ นั้นไป คุณก็ออกจากขอบเขตแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันฯ นั้นไปแล้ว นั่นคือ คุณต้องเข้าใจ "ความสำคัญที่แตกต่างกันของแต่ละตัวตน" ซึ่งคุณเองก็มีความสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระเจ้าหรือมีตัวตนแห่งพระเจ้า คุณเป็นหนึ่งเดียวกันได้ภายใต้การเชื่อมโยงอยู่แล้ว คุณควรให้ความเคารพทุกตัวตนด้วย ทุกตัวตนล้วนสำคัญ และคุณก็ควรเข้าใจหน้าที่ของพระเจ้า หรือสิ่งศักดิสิทธิ์ ว่ามีหน้าที่เหมือนแสงส่องทางแก่คุณ เมื่อคุณระลึกนึกถึง เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันกับท่าน นั่นคือหน้าที่ของท่าน (ส่องทางให้แก่คุณ) ในขณะที่คุณก็มีหน้าที่ที่สำคัญมากบนโลก ในฐานะมนุษย์ ในตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์นี้ด้วย ซึ่งพระเจ้าไม่อาจกระทำด้วยพระองค์เอง เอาละ พระจิตของเราไม่ต่างกัน จิตของเราก็ไม่ต่างจากจิตของพระเจ้า แต่เรามีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ปรุงต่างกันเพื่อทำหน้าที่ที่ต่างกัน ก็เท่านั้นเอง ดังนั้น เราก็สำคัญไม่ต่างจากพระเจ้าเช่นกัน



อนึ่ง ผมไม่ได้กำลังแยกคุณออกจากพระเจ้านะ อย่างที่ผมเน้นย้ำว่าเราคือหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์ และเป็นตัวแทนของท่านบนโลกเพื่อทำหน้าที่ในฐานะตัวตนแห่งมนุษย์ เพียงแต่กำลังทำให้คุณชัดเจนขึ้น จากความเข้าใจที่พัวพันกันยุ่งเหยิงนั้น ถึงสภาวะที่แท้จริงของ "การเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายตัวตน" ที่ไม่จำเป็นจะต้องนำทุกตัวตนมารวมเป็นหนึ่งตัวตนเดียวกัน มันก็เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว


เพราะ "ธรรมชาติความจริง มันเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว" คุณจึงไม่ต้องเอามันมารวมให้เป็นตัวเดียวกันอีก หน้าที่คุณเพียงเข้าใจในสิ่งนี้และทำหน้าที่ไปอย่างเป็นเอกภาพให้ได้ ก็พอ เพราะการที่ธรรมชาติจัดสรรให้มีหลายตัวตนนั้น เพราะมันมีเหตุผล ความจำเป็น และความสำคัญของมันอยู่แล้วในตัว ที่เราพูดถึงว่าคุณคือหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า ก็เพื่อให้คุณเข้าใจภาวะความเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ ไม่ใช่ให้คุณไปยกตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้า ทำตัวเป็นพระเจ้า ก็หาไม่ เพราะนั่นทำให้คุณไม่ทำหน้าที่ในความเป็นมนุษย์ หรือในตัวตนแห่งมนุษย์ของคุณ!



นั่นคือ การเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อย ที่อาจทำให้เกิดผลเสียขึ้นอย่างมากได้ เอาละ ถ้าคุณปรารถนาเป็นพระเจ้า มันก็อาจจะสามารถเป็นได้ ถ้าคุณสามารถทำได้ ในวันหนึ่งข้างหน้านะ แต่ ณ เวลานี้ คุณควรให้ความสำคัญกับ "ตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์" ของคุณให้มากก่อน เพราะ ณ เวลานี้ นี่คือ "หน้าที่ของคุณ" ไม่เช่นนั้น พระเจ้าคงไม่สร้างมนุษย์ขึ้นมาหรอกจริงไหม? ท่านคงสร้างแต่พระเจ้า ทุกคนก็ถูกสร้างเป็นพระเจ้ากันไปหมดแล้วแต่นี่ไม่ใช่ มันต้องมีเหตุผลสิ ที่เราต้องมาในตัวตนแห่งความเป็นมนุษย์นั้นดังนั้น "จงใช้ความเป็นมนุษย์ของคุณให้คุ้มค่าที่สุด" ก่อนที่คุณจะไปสู่ตัวตนอื่นๆ ที่เหนือและพ้นแล้วจากความเป็นมนุษย์ไป เมื่อใดที่คุณยังมีกิเลสอยู่ ก็ใช้มันซะ ก่อนที่คุณจะไม่มีให้ใช้ เมื่อใดที่คุณยังไม่ใช่พระเจ้า คุณก็ใช้ความไม่ใช่พระเจ้า ทำหน้าที่ของคุณซะ เพราะถ้าหมดโอกาสนี้ไปแล้วคุณจะไม่สามารถทำได้ ย้อนเวลากลับมาทำได้อย่างนี้อีก โอเคไหมครับ?


การแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งศักดิสิทธิ์ เช่น พระเจ้า เป็นสิ่งที่ดีมากแต่เราต้องเข้าใจด้วยว่ามันคืออะไร ทำอย่างไร จะได้ไม่ล้ำเส้นหลงตัวเองไปในที่สุด โอเคละ ผมไม่ได้บอกว่าคุณต่ำกว่าพระเจ้า และล้ำเส้นเพราะทำตัวเป็นพระเจ้านะ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมบอกว่าคุณมีความสำคัญมากๆ เลยเท่ากับพระเจ้านั่นแหละ เพียงแต่อยู่ในหน้าที่ที่แตกต่างกันเท่านั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องเป็นพระเจ้าตอนนี้ เป็นมนุษย์อย่างที่คุณเป็นนี่ละ คุณก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่หลงลืมสัจธรรมข้อนี้ ดังนั้น มันจึงไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่คุณจะต้องแบ่งแยกว่าคุณคือพระเจ้า หรือมีใครไม่ใช่พระเจ้า นี่คือ กลุ่มที่เป็นพระเจ้า นี่คือ กลุ่มที่ไม่ใช่พระเจ้า อะไรสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการให้ท่านเป็นเลย มันคือ การแบ่งแยกเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว เราก็ไม่ควรจะไปแบ่งแยกมันอีก หวังว่าคุณคงเข้าใจคำว่า "ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" กับ"ตัวตนแต่ละตัวตน" นะครับ มันคนละอย่างกัน มันไม่ใช่ทั้งภาวะ "ตัวใครตัวมันเป็นเอกเทศ" และไม่ใช่ทั้ง "เราเป็นตัวนั้นตัวนี้" แต่มันเป็นหนึ่งเดียวกันในแบบที่พ้นแล้วจาก "ตัวตนในมิติที่ต่ำกว่า" ที่คุณเห็นเป็น สังขาร นี้



เรื่องต่อไป คือ เรื่อง "ความรัก" และ "ความสัมพันธ์" ซึ่งพวกคุณแยกมันไม่ออก และทำให้คุณสับสนในตัวเองอย่างมาก เอาละ ผมจะอธิบายให้ง่ายที่สุดนะ "ความรัก" เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ในตัวเอง เป็นกลาง ไม่ใช่แบบใดแบบหนึ่งเลย ไม่ใช่ความรักแบบชาย-หญิง หรือพ่อ-ลูก หรือ เพื่อนพ้อง ฯลฯ มันเป็นกลาง ไม่ใช่อะไรเลย รักได้หมดทุกคน, ทุกเพศ, ทุกวัย, ทุกชาติ, ทุกศาสนา ฯลฯ นั่นคือ "ความรัก" เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คุณอาจจะงงเล็กน้อย เช่น เอ? เรารักเพศเดียวกันหรือเปล่า? เรารักอมนุษย์หรือเปล่า? เรารักผิดธรรมชาติหรือเปล่า? นั่นเพราะคุณกำลัง "ปรุงแต่งความรัก" คุณกำลังใส่ "สัมพันธภาพ" หรือกำลังพันธนาการความรักอยู่ ให้มันอยู่ในแบบนั้นแบบนี้ แบบใดแบบหนึ่ง แทนที่คุณจะให้อิสระภาพแก่ความรัก คือ "เรารัก" ก็แค่นั้นจบ ไม่ต้องไปปรุงแต่ง หรือพันธนากรมันด้วยอะไร ปล่อยให้มันแค่รักก็พอ นั่นแหละ ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ปรุงแต่ง รักแท้ ที่เราต้องการบอก


ต่อไปคือ เรื่อง "ความสัมพันธ์" ซึ่งมันถูก "ห่อหุ้มความรัก" อีกที มันก็เป็นเหมือน "ห่อขนม" แต่ไม่ใช่ขนมเสียหน่อย ดังนั้น คุณต้องเข้าใจมันด้วยว่า "มันแค่ห่อหุ้ม" ไม่ใช่ตัวความรัก เช่น คุณรักใครสักคนแล้วห่อหุ้มมันด้วย "สัมพันธภาพ" แบบ "พ่อ-ลูก" ก็ได้, "พี่-น้อง" ก็ได้ นี่นา แล้วคุณก็อยู๋ร่วมกับเขา อย่างมีความสุขได้ ใช่ไหมละ? ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องไปห่อหุ้มมันด้วยความรักแบบ "คู่รัก" เลย คุณรู้ไหม มีคู่รักหลายคู่มีความรักเกิดขึ้นแล้ว เขาได้แต่งงานกัน มีเครื่องห่อหุ้มเป็นสามีภรรยากัน ทว่า แล้วเป็นไง? 555 ผมไม่ได้หัวเราะเยาะนะ แต่คิดว่าคุณน่าจะเห็นภาพ มันเยอะแยะเลย ฆ่ากันตายก็ยังมีออกบ่อย นั่นแหละ คุณต้องการให้ความรักของคุณ เป็นแบบนั้นหรือ? หรือคุณคิดว่าควรให้คนรักของคุณได้รับอิสรภาพ คุณให้อิสรภาพแห่ความรักของคุณ และช่วยเหลือเขาให้ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดในหน้าที่ที่สำคัญของเขาเองละ



26 พ.ค. 2555


"เสียงจากนิรนาม"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

1 comments:

Unknown said...

Merkur 15c Safety Razor - Barber Pole - Deccasino
Merkur 15C Safety Razor - Merkur https://febcasino.com/review/merit-casino/ - ventureberg.com/ 15C goyangfc.com for Barber Pole is the deccasino perfect introduction to the 출장안마 Merkur Safety Razor.

Post a Comment