ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ตัวตนเชิงซ้อน และระบบพลังงานเชิงซ้อน ในร่างกายมนุษย์ มันมีกี่มิติกันแน่?

สวัสดีครับเพื่อนๆ มีเรื่องมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแบบกันเองๆ ไม่ซีเรียสนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่ฟังแล้วดูยุ่งยากไปหน่อยในมิติที่ต่ำลงแต่ว่าผมจะพยายามทำให้มันง่ายที่สุด เลยก็แล้วกัน มันเหมือนหลักการแพทย์ การผ่าตัดร่างกายมนุษย์นะครับ ทว่า มันเป็นระดับพลังงาน ดังนั้น มันจึงยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งครับ เอาละ ผมจะเปิดโลก "พลังงานในตัวตนเชิงซ้อนของมนุษย์" ให้เพื่อนๆ ดู ก็แล้วกัน ...


มนุษย์แต่ละตัวตนมีระบบพลังงานเชิงซ้อนภายในที่แตกต่างกัน?


อย่างแรกที่ต้องเข้าใจเป็นพื้นฐานคือ ระบบพลังงานระดับ "รูปธรรมชีวิต" ของมนุษย์แต่ละตัวตน ไม่ใช่เชิงเดี่ยว ย้ำนะครับ มันเป็นระบบเชิงซ้อนที่มีหลาย "รูปธรรมชีวิต" ประสานอยู่ร่วมกัน สิ่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ซึ่งไม่ค่อยพบในรูปธรรมชีวิตอื่นๆ นะครับ มันเหมือนภาชนะใหญ่ อันหนึ่งที่รองรับเอา "รูปธรรมชีวิตในระดับพลังงาน" ที่มากกว่า 1 อยู่ร่วมกันในหนึ่งตัวตนเชิงสังขาร ดังนั้น มนุษย์จึงมีลักษณะที่ซับซ้อนและไม่แน่นอนและแต่ละตัวตนก็มีระบบพลังงานที่แตกต่างกันด้วยนะครับ ดังนั้น มนุษย์แต่ละคนจึงมีทั้ง "เปลือกนอกที่เหมือนคนๆ หนึ่ง" และ "ตัวตนที่ซ่อนลึกอยู่ภายในก็อีกแบบหนึ่ง" ทั้งยัง "สับสนและขัดแย้งกันเองภายใน" ได้อีกด้วยครับ ไม่แปลกใช่ไหมครับ? เพราะท่านเป็นมนุษย์คงเคยมีสภาวะแบบนั้นบ้าง ทว่ารูปธรรมชีวิตที่ไม่ได้มีสังขาร เขาไม่เป็นเช่นนี้กันนะครับเขามีความแน่นอนในแบบใดแบบหนึ่ง อย่างที่เขาเป็นอยู่ และจะเปลี่ยนไปเป็นแบบอื่นๆ ไม่ได้ เขาก็จะตาย พ้นไปจากแบบนั้นๆ เลยละครับ นี่ไงความแตกต่างที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยทราบ เอาละ ต่อไป เราจะมาผ่าตัดดูระบบพลังงานภายในของมนุษย์กัน ว่ามีความซับซ้อนอย่างไรบ้างครับ



ระบบพลังงานในขอบเขตของสังขาร และนอกขอบเขตของสังขาร ?


ระบบพลังงานเชิงซ้อนของมนุษย์ถ้าจะใช้ "ขอบเขตของสังขาร" เป็นเครื่องแยกแยะแล้วจะได้ "ระบบพลังงานเชิงซ้อนภายในสังขาร" (In Body Power System : "IBPS") และ "ระบบพลังงานเชิงซ้อนนอกขอบเขตสังขาร" (Out Body Power System : "OBPS") ซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับสังขารนั้นอีกทีแบบหลอมๆ และเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเอาละ ต่อไป ผมก็จะใช้ตัวย่อ นะ คือ IBPS (ภายในฯ) และ OBPS(ภายนอกฯ) เพื่อจะได้ไม่ต้องพิมพ์ยาวซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็แตกต่างไปในแต่ละตัวตน, บุคคลด้วย ทั้งความซับซ้อนและคุณภาพของพลังงานจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ "การเลื่อนระดับ" ของเขาด้วยครับ ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับการกระทำและความคิด, จิตใจของแต่ละตัวตน, บุคคล เป็นสำคัญครับ ซึ่งผมจะได้อธิบายแต่ละส่วนต่อไป



ระบบพลังงานเชิงซ้อนภายในสังขาร (IBPS) ของมนุษย์แต่ละตัวตน


ระบบพลังงานเชิงซ้อนภายในสังขารของมนุษย์แต่ละตัวตน จะมีรูปธรรมชีวิตในระดับพลังงานอย่างน้อย 2 รูปธรรมชีวิต อยู่ร่วมกันเสมอ นอกจากช่วงเวลาที่เขากำลังจะตายเท่านั้น เขาจึงจะเหลือรูปธรรมชีวิตในสังขารเพียง 1 เดียว ซึ่งเราสามารถทำนายได้ว่าเขาจะตายจากรูปธรรมชีวิตซึ่งเราตรวจพบว่าเหลือเพียง 1 นั้น ทว่า เขาอาจจะยืดชีวิตไปได้อีก ถ้าเขามีรูปธรรมชีวิตเพิ่มขึ้นภายในสังขารของเขา เอาละ ในบางท่านก็มีรูปธรรมชีวิตในสังขารมากกว่า 2 รูปธรรมชีวิตได้ แต่ถ้าเขามีมากเกินไป จะส่งผลให้เกิด "ความสับสนและความแปรปรวนภายใน" อย่างมาก เพราะแต่ละรูปธรรมชีวิต มีจิตใจของตนเองที่แตกต่างกันไป ถ้ายิ่งมีมากหลายจิตใจก็จะยิ่งสับสนและแปรปรวนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ปกติแล้ว ผู้ที่มีจิตใจสงบนิ่งมักจะมีรูปธรรมชีวิตในสังขารเพียง 2 รูปธรรมชีวิต แต่ก็มีผู้ที่มีจิตใจสงบนิ่งได้ด้วยการมีรูปธรรมชีวิตมากกว่า 2 รูปธรรมชีวิตก็มีเหมือนกัน เอาละผลจากการที่มนุษย์มีรูปธรรมชีวิตมากกว่า 1 นี้เอง ทำให้มนุษย์มีเปลือกและแก่นที่แตกต่างกันเหมือนเวลาเราคบใครคนหนึ่ง เราจะได้รู้จักเปลือกนอกของเขาก่อน จนกว่าเราจะเข้าถึงแก่นแท้ของเขาได้ ก็จะพบเหมือนมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่งที่แตกต่างจากเปลือกนอกของเขา ซ่อนอยู่ลึกภายในซึงระบบพลังงานเหล่านี้ จะอยู่กันอย่างมีระบบเป็น "ชั้นๆ" จากนอกสุดก็ค่อยๆ เรียงซ้อนกันลึกเข้าไปถึงข้างในสุด แล้วแต่ว่าคนแต่ละคนจะมีกี่ชั้น



ระบบพลังงานเชิงซ้อนภายนอกสังขาร (OBPS) ของมนุษย์แต่ละตัวตน


ระบบพลังงานเชิงซ้อนภายนอกสังขารของมนุษย์แต่ละตัวตน ก็แตกต่างกันไปอีก ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละตัวตน แต่ละช่วงเวลาจะมีการ "เชื่อมโยง" เข้ากับพลังงานแบบใด ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้, ไม่เที่ยง, ไม่แน่นอนเหมือนกับการเชื่อมโยงเข้าสู่ "แหล่งพลังงานที่ต่างกัน" ทำให้สังขารคนได้รับพลังงานจากแหล่งที่ต่างกัน ขับดันให้ทำหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งยังมีความคิด, อารมณ์, ความรู้สึก, ภูมิปัญญา ฯลฯ ที่แตกต่างกันไปอีกด้วยเมื่อสังขารหนึ่งๆ เชื่อมโยงเข้ากับพลังงานภายนอกแล้ว เขาเหมือนถูกห่อหุ้มด้วย "ตัวตนอีกตัวหนึ่ง" ซึ่งยังไม่ใช่ตัวตนแก่นแท้ของเขา เพราะส่วนนี้ "เปลี่ยนแปลงได้ง่าย" ซึ่งส่วนนี้เองที่เชื่อมโยงมนุษย์ ไปสู่มิติที่ต่างกันเช่น ในสังขารที่เชื่อมโยงเข้ากับพลังที่มืดมิด ก็จะเชื่อมโยงเข้าสู่มิติที่มืดมิด แต่ในสังขารซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับพลังที่สว่างไสว ก็จะเชื่อมโยงเข้ากับมิติที่สว่างไสว และมันส่งผลอย่างมาก ต่อการกระทำของมนุษย์ แต่ละคนด้วย นอกจากนี้ การเชื่อมโยงไปสู่มิติต่างๆ ของสังขารมนุษย์แต่ละตัวตนก็ยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงระดับของแต่ละบุคคลได้ด้วย กล่าวคือ มนุษย์ที่มีการเลื่อนระดับได้สูง จะเชื่อมโยงกับมิติที่สูงขึ้นได้ดี กว่ามนุษย์ที่ทำไม่ได้และมนุษย์ที่อยู่ในมิติที่ต่ำก็จะเชื่อมโยงเข้ากับมิติที่ต่ำ ไม่อาจจะเชื่อมโยงเข้ากับมิติที่สูงขึ้นไปได้ ทว่า การเชื่อมโยงนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายจะสูงขึ้นหรือต่ำลง ก็จะขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ แต่ละตัวตนนั่นเอง



การเชื่อมโยงกันของ IBPS และ OBPS ของมนุษย์แต่ละตัวตน


ระบบพลังงานภายในและระบบพลังงานภายนอกของมนุษย์แต่ละคนจะเหมือน "ภาพสะท้อน" ของกันและกัน กล่าวคือ ถ้ารูปธรรมชีวิตภายในของมนุษย์ตัวตนหนึ่งเป็นรูปธรรมชีวิตที่สูงส่ง ก็จะส่งผลให้เขาเชื่อมโยงกับ "ตัวตนในมิติที่สูงขึ้น" ได้ง่าย แต่ถ้ารูปธรรมชีวิตภายในของมนุษย์ตัวตนหนึ่งเป็นรูปธรรมชีวิตที่เสื่อมต่ำ เขาก็จะเชื่อมโยงกับ "ตัวตนในมิติที่ต่ำลง" ได้ง่ายกว่า นั่นคือ มันเหมือนภาพสะท้อนของกันและกันนั่นเองและมันต้องมี "ระดับเท่าๆ กันด้วย" ซึ่งจะสามารถดำรงสภาวะอยู่ได้นานทว่า ก็มีหลายตัวตนที่ไม่เป็นเช่นนั้น กล่าวคือ "ภายในไม่สูง" แต่ก็เชื่อมโยงเข้ากับ "ตัวตนระดับสูง" ได้ แต่พวกเขา ก็จะทำหน้าที่นั้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็จะกลับลงไปเสื่อมต่ำตามความจริงภายในที่เขาเป็นเช่น ในบางท่านที่ถ่ายทอดธรรมระดับสูงเกินกว่าระดับภายในของเขา จะสามารถทำได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อหมดวาระหรือภารกิจจบสิ้นแล้ว จึงจะกลับลงไปอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตรงกับพลังงานภายในที่แท้จริงต่อไปดังนั้น เพื่อนๆ อาจพบบางคนที่ดูเหมือนมีธรรมระดับสูง แต่ตัวตนของเขาก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาถ่ายทอดธรรมระดับสูงได้ก็จริง แต่ตัวตนของเขากลับไม่อาจปฏิบัติได้จริงขนาดนั้น เขาไม่ได้เสแสร้งนะครับแต่เขาต้องทำหน้าที่ชั่วคราวก็เท่านั้นเอง ดังนั้น เมื่อเพื่อนๆ ได้เรียนรู้เรื่องราวนี้แล้ว หวังว่าจะมีความเข้าใจในตัวตนของมนุษย์มากขึ้นว่า ทำไม บางคนเหมือนมีธรรมสูงแต่มีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากธรรมที่เขานำเสนอได้ ไม่แปลกนะครับแค่การทำหน้าที่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อจบสิ้นภารกิจเขาก็จะกลับมาปกติได้ครับ(กลับมามีธรรมในระดับตามจริง จะไม่ดูสูงเกินตัว เกินจริงกว่าที่เขาเป็น)




ประเภทของ IBPS ที่เชื่อมโยงกับ OBPS ของสิ่งศักดิสิทธิ์ได้


มนุษย์ที่สามารถเชื่อมโยงพลังงานเข้ากับพลังของสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบนได้จะเหมือนสิ่งศักดิสิทธิ์บนภาคพื้นดิน เขาจะมีพลังและทำให้คนรู้สึกศรัทธาได้เหมือน "ตัวแทนของสิ่งศักดิสิทธิ์" นั้นๆ เลยทีเดียว คำถามก็คือ อะไรที่ทำให้เขาทำเช่นนั้นได้? คำตอบคือ เขาจะต้องมี IBPS ที่สามารถ จูนติดกับ "สิ่งศักดิสิทธิ์" นั้นๆ ได้ เช่น ถ้าเขาต้องการพลังของพระศรีอาร์ฯ คลุมที่ตัวเขาเพื่อทำหน้าที่เหมือนพระศรีอาร์ฯ บนภาคพื้นดินเขาก็จะต้องมีพลังรองรับในตัวของเขาที่สอดคล้องกับพลังของพระศรีอาร์ฯ นั้นๆ เช่น พลังที่มาจาก "รูปธรรมชีวิต" ที่เคยเป็นสัตว์พาหนะทรงของพระศรีอาร์ฯ เป็นต้นเช่น รูปธรรมชีวิตในระดับพลังงานที่อยู่ในกลุ่ม "เทพนักษัตร" เป็นต้น จึงจะสามารถประสานพลังรับพลังงานจากพระศรีอาร์ฯ ที่อยู่เบื้องบนได้สนิทส่วนในคนที่ไม่มีแบบนี้ก็จะไม่สามารถรับได้ คนที่รับได้และทำหน้าที่ได้นั้นเขาก็จะเหมือนพระศรีอาร์ฯ จริงๆ บนภาคพื้นดินเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่ใช่ตัวจริงนะครับ เขาเป็นเพียง ตัวแทน ในการทำภารกิจบางประการ เท่านั้นเอาละ ยังมีมนุษย์อีกมากมายหลายตัวตนที่ทำหน้าที่เช่นนี้ อย่าเพิ่งไปคิดว่าเขาหลอกลวงละ และอย่าไปหลงศรัทธาเขามากเกินไป แต่ต้องเข้าใจว่า "ตัวแทน" หมายถึงอะไร ไม่ใช่ตัวจริง แต่ก็ทำหน้าที่บางอย่างได้ครับ


สุดท้ายนี้ เรื่องระบบพลังงานเชิงซ้อนในร่างกายมนุษย์แต่ละตัวตนนั้น ยังมีอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกมาก แต่เอาพื้นฐานไว้เท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะครับเพราะในมนุษย์แต่ละตัวตนก็มีระบบพลังงานที่แตกต่างกันอย่างมากไปอีกโดยเฉพาะมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการสูงๆ จะมีระบบพลังงานที่เชื่อมโยงไปสู่มิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะเชื่อมโยงระบบพลังงานภายนอกเข้ากับตัวตนในมิติที่สูงขึ้นได้เรื่อยๆ ดังนั้น พวกเขาจึงเลื่อนระดับไปสู่มิติที่สูงขึ้นได้เรื่อยๆครับ มนุษย์แต่ละตัวตนจึงเหมือนอยู่ในมิติที่สูงต่ำ ไม่เท่ากัน จึงมีวิถีชีวิตที่ยุ่งยากและเรียบง่าย ไม่เหมือนกัน ยิ่งมนุษย์ตัวตนไหนเลื่อนระดับสูงขึ้นไปได้ ก็จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้นแต่ถ้าเสื่อมต่ำลงก็จะมีวิถีชีวิตที่ยุ่งยากนวายมากครับ สิ่งนี้ ไม่ใช่การเลือกกระทำ แต่เป็นผลจากการกระทำก่อนมา ส่งผลให้เป็นเช่นนี้ คือ ไม่ใช่ว่าให้เราไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เราก็ทำได้เพราะการฝึกปฏิบัติให้มันเป็น อย่างนั้น ไม่ใช่ครับ มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุมันอยู่ที่ "ตัวตนภายใน" ของเขาครับ ถ้าตัวตนภายในของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เล่อนระดับไปสู่มิติที่สูงขึ้นได้ วิถีชีวิตของเขาก็จะไม่อาจที่จะเรียบง่ายได้ครับ คือ ยังคงมีแต่ความวุ่นวายซับซ้อนอยู่เช่นเดิม


ขอให้เพื่อนสนุกกับการค้นหาตัวตนภายในและภายนอกต่อไป สวัสดีครับ


15 มิ.ย. 2555


"เสียงจากโดเรม่อน"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment