ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

จงส่งพลังจิตของท่านสู่เครือข่ายตัวตนของท่านเอง บางสิ่งกำลังดึงพลังของท่านไป?

ที่รัก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยากแก่การเข้าใจ ผมพิจารณาอยู่นาน ในที่สุด ก็ต้องแจ้งแก่ท่าน คือ เรื่องของพลังงานของท่าน ซึ่งถูกดึงดูดไปสู่ที่ที่ไม่ควรไป กลายเป็นพลังงานที่ถูกใช้สร้างมิติและโลกต่างๆ ให้แก่บางสิ่ง และทำให้ท่านอ่อนแรงลง หมดลพลังลงไปเรื่อยๆ ยิ่งท่านใช้พลังงานผิดวิธี ท่านยิ่งเหมือนคนที่อ่อนล้า หมดกำลังใจลงไปเรื่อยๆ ทำงานเหมือนคนไม่อยากจะทำ หมดไฟ, หมดพลังใจ แต่ก็ต้องทำไปวันๆ ท่านมีอาการแบบนี้บ้างหรือไม่?


นั่นแหละ ท่านกำลังถูก "ดูดพลัง" พลังจิตของท่านกำลังถูกส่งไปยังที่ๆ หนึ่ง มิติๆ หนึ่ง หรือก็คือ โลกซ้อนมิติ หรือตัวตนตัวอื่น ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเครือข่ายตัวตนของท่าน ผลคือ ท่านแย่ลงหมดแรง หมดกำลังใจไปเรื่อยๆ พลังท่านอ่อนลง เบื่อ ล้า และท้อถอยในที่สุด ในขณะที่มิตินั้นหรือโลกซ้อนมิตินั้น กำลังขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หรือตัวตนที่ดูดพลังงานของท่านไป กลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากำลังเอาเปรียบท่านอยู่พวกเขากำลังใช้พลังงานของท่าน ทำให้ระบบพลังงานในเครือข่ายตัวตนของท่าน อ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เหมือนคนที่ค่อยๆ สิ้นแรงโรยรา ที่รักสถานการณ์แบบนี้ ไม่ได้ดีต่อท่านเลย ท่านควรทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้มากขึ้นได้แล้ว!



สำหรับระดับ "กูรูด้านพลังงาน" อย่างพวกเราแล้ว เราจะไม่มีปัญหาแบบนั้น เพราะเราถูกสอนให้มีหลักการใช้พลังงานที่ดีและปลอดภัยคือการหมุนเวียนพลังงานใน "ระบบเครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ" เข้าและออกประสานกับ "พลังจักรวาล" อย่างสมดุล นั่นหมายความว่า พลังงานจากจักรวาลจะไหลเข้าสู่ "เครือข่ายตัวตน" ของเรา ผ่านตัวตนใดตัวตนหนึ่งก็ได้ ที่เป็น "บัญชรเปิดรับ" (หน้าต่างมิติ) แล้วจึงส่งผ่านไปยังตัวตนตัวอื่นๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน เหมือนการเดินไปของวงจรไฟฟ้าอย่างนั้น ไฟฟ้าจะหมุนเวียนเดินทางไป จากจุดหนึ่งจนทั่วทุกจุด (ทุกตัวตน) ระบบเครือข่ายตัวตนของเราจึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ พลังงานภายในระบบเครือข่ายตัวตนของเราก็ยังสามารถ "แผ่พลังงานออกไปสู่ธรรมชาติโดยรอบ" ได้อีกด้วยโดยจะผ่านทางตัวตนตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ ที่เป็นดั่งบัญชรเปิดรับ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นเราจะเรียกตัวตนนั้นๆ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายตัวตนของเราในฐานะพิเศษนี้ว่า "จักรบัญชร" หรือคนที่เหมือนหน้าต่างผ่านมิติแห่งพลังงาน เพื่อให้มีการ "หมุนเวียนของพลังงาน" เข้าออกอย่างสมดุลและทั่วถึงทำให้ระบบพลังงานของทั้งหมดทั้งเครือข่ายตัวตนของเรา เป็นไปด้วยดีและมีพลังสูงสุดและส่งผลให้งานในภาพรวมของเราทั้งหมดดีขึ้นด้วย ทว่า ยังมีบางตัวตนของเราที่อาจกลายเป็น "จุดรั่ว" ที่ทำให้พลังงานของเรา สูญเสียออกไปจากเครือข่ายตัวตนทั้งหมดของเรา ก็มีได้ เป็นได้ ซึ่งบางครั้งเราจำเป็นที่จะต้องจัดการอะไรบางอย่างกับตัวตนตัวนั้น เพื่ออุดปิดรอยรั่วนั้นเสียก่อนที่จะส่งผลเสียต่อทั้งระบบเครือข่ายตัวตนของเรา นี่คือ หลักการง่ายๆ ที่จะใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดของพวกเราเหล่า "กูรูด้านพลังงาน"


การสูญเสียพลังงานของท่านไปสู่มิติอื่นๆ หรือตัวตนอื่นๆ นอกเครือข่ายตัวตนของท่านเอง ทำให้ท่านตกต่ำลง, ระดับของท่านลดลง และเสื่อมถอยออกจากจุดเดิมที่ท่านเป็นอยู่ได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้หลากหลายวิธีและยากแก่การห้าม มันเหมือนการไหลเวียนและถ่ายเทของพลังงานน่ะแหละ แต่สำหรับกูรูด้านพลังงานแล้วเขามีวิธีจัดการที่ดี ทว่าสำหรับท่านยังต่างจากพวกเขามาก ดังนั้น ท่านอาจสูญเสียพลังงานไปได้อย่างง่ายดาย และเป็นการยากที่จะบอกวิธีป้องกันหรือห้ามไม่ให้สูญเสียไป แม้ว่าจะบอกท่าน 10 วิธี ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากที่พวกเขาจะสรรหามาดูดพลังงานของท่านไป สำหรับนักดูดพลังงานแล้ว พวกเขาเก่งมากทีเดียว ทว่าเมื่อท่านเลื่อนระดับตัวเองสู่ระดับเดียวกับ "กูรูด้านพลังงาน" แล้ว ปัญหาก็หมดไป ดังนั้น เราจะไม่บอก ไม่สอนท่าน ท่านที่ไม่ใช่ ก็คือ ไม่ใช่ นั่นคือท่านต้องใช่ก่อน ท่านต้องเป็นเหมือนอย่างเราก่อน แล้วท่านจะทำได้อย่างเราเอง คือ ท่านจะมีวิธีใช้พลังงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อท่านเข้าสู่ระดับของ "กูรูด้านพลังงาน" ด้วยการ "ยกระดับตัวเอง" ขึ้นไป นั่นคือเลื่อนระดับไปสู่ระดับกูรูด้านพลังงานเมื่อไรท่านก็จะทำได้เองแต่ถ้าเราบอกวิธีท่านตอนนี้ แม้ท่านอาจทำได้บางวิธี ก็มีอีกหลายวิธีที่ท่านทำไม่ได้ หรือป้องกันไม่ได้ และต้องสูญเสียพลังงานออกสู่นอกระบบอยู่ดี


เอาละ ที่รัก ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ให้ท่านยึดมั่นถือมั่นพลังงานเอาไว้เลยตรงกันข้าม เมื่อท่านเลื่อนระดับเข้าสู่ระดับเดียวกับกูรูด้านพลังงานแล้ว ก็จะทราบว่าเราไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นพลังงาน เพราะเรา "ดึงเข้าและถ่ายพลังงานออก" ระหว่างระบบของเราและธรรมชาติ ตลอดเวลา เพราะนี่คือ วิธีที่ดีที่สุดในการบริหารพลังงานองค์รวม เมื่อพลังงานเกิดการหมุนเวียนมันจึงแสดงศักยภาพแห่งความเป็นพลังงานได้สูงสุด เมื่อใดพลังงานหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อนั้นพลังงานก็แสดงศักยภาพได้เพียง "คงภาวะแห่งการรักษาดุลยภาพ" เท่านั้น เป็นพลังนิ่งเพียงเท่านั้น ซึ่งมันไม่หลากหลายและขาดการบริหารและจัดการพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น พวกเราจึงไม่เน้น "พลังงานแห่งความนิ่ง" หรือการทำสมาธิแบบนิ่งอยู่เฉยๆ แต่จะหมุนเวียนพลังงานเข้าออก ระหว่างระบบฯ และธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ



ที่รัก เครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนฯ ของท่าน แต่ละตัวตน เมื่อปรับตัวเองสู่ระดับ "เครือข่าย" ได้แล้ว เขาจะเชื่อมโยงพลังงานของตัวเขาเองเข้ากับตัวตนตัวอื่นๆ เชื่อมโยงถ่ายเทพลังงานไปมาระหว่างตัวตนต่างๆ ได้ในที่สุด จะมี "บางตัวตน" ที่มีหน้าที่พิเศษในระบบเครือข่ายตัวตนนั้นๆ เช่น บางตัวตนเป็น "บัญชรแห่งพลังจักรวาล" บางตัวตนเป็น "บัญชรแห่งพลังมวลชน" (หรือ ก็คือ ตัวตนที่เป็นสาธารณชน เช่น ดารา ซึ่งมีพลังงานถ่ายเทระหว่างเขาและมวลชนได้มากมาย) ตัวตนเหล่านี้ จะมีลักษณะเหมือน "หน้าต่างมิติ" ที่เชื่อมโยงไปสู่มิติต่างๆ กันไปเพื่อเชื่อมระบบตัวตนทั้งหมด เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ในลักษณะที่ต่างกันไปบางตัวตน มีพลังแห่งพุทธะ ตรงสู่นิพพานได้ ผมจะขอเรียกตัวตนนั้นว่า"ชินบัญชร" ก็แล้วกัน หรือก็คือ ตัวตนที่เปิดสู่มิติแห่งความเป็นพุทธะนั่นเอง เช่น ในเครือข่ายตัวตนของ "พระพุทธเจ้าสมณโคดม" แม้ว่าตัวตนแห่งพระพุทธเจ้าสมณโคดม จะนิพพานแล้ว ตัวตนที่นิพพานแล้วจัดเป็น "ชินบัญชร" เท่านั้น แท้แล้วยังมี "ตัวตนอีกหลายตัวตน" ที่ทำหน้าที่ในลักษณะอื่นๆ เปิดเข้าสู่มิติอื่นๆ ลองจินตนาการถึง "บ้านที่มีหน้าต่างอยู่หลายๆ บาน แต่ละบานเปิดไปสู่ทัศนียภาพที่แตกต่างกัน" ดู ตัวตนแต่ละตัวตน ก็ทำหน้าที่เหมือนหน้าต่างเหล่านั้น ที่เปิดสู่ธรรมชาติภายนอกในแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณจะเข้าใจและรู้จัก "เครือข่ายตัวตน" ซึ่งมีอยู่หลายตัวตนนี้ได้ ผ่านหน้าต่างใดหน้าต่างหนึ่ง เมื่อคุณใช้พลังเชื่อมโยงไปสู่ "เครือข่ายตัวตนของเขาทั้งหมด" คุณจะเห็นตัวตนอีกมากมายของเขาในระบบเครือข่ายตัวตนนั้นๆ เหมือนคุณเข้าไปสู่บ้านของเขา นั้นเอง


เรื่องต่อไป เป็นเรื่องหลังจากท่านหรือคนอื่นๆ ที่สูญเสียพลังงานไปแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง? มีได้หลายแบบนะครับ เช่น คนมากมายในบริษัทหนึ่งอาจสูญเสียพลังงานของเขาไปเรื่อยๆ ให้แก่ "มิติแห่งบริษัท" นั้น มันเหมือนโลกในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งทำให้ความเป็นบริษัทนั้น เติบโตขึ้นและมีพลังเหนือมนุษย์ ควบคุมมนุษย์ได้ และมนุษย์จะกลายเป็นเพียงหนูปั่นจักร ปั่นให้สิ่งนั้นเติบโตขึ้น แต่มนุษย์จะสูญเสียพลังชีวิต ธรรมชาติในความเป็นมนุษย์ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพลังในโลกอนาคตของแต่ละคนเสื่อมต่ำลงจนกลายเป็น "สัตว์เดรัจฉานหรือตัวตนที่มืดมน" ก็ได้ทั้งนั้น


หรือบางกรณี พลังงานของคนจำนวนมาก สูญเสียไปสู่ "คนๆ หนึ่ง" ที่มีพลังดึงดูดคนจำนวนมาก เช่น ดารานักร้องที่ขึ้นเวทีใหญ่ๆ เขาก็จะได้รับพลังจิตจากคนจำนวนมากๆ ซึ่งเป็นพลังงานที่มืดดำด้วยกิเลสทั้งสิ้นครับผลคือ เขามีอำนาจ มีพลังมากขึ้น มีอิทธิพลต่อคนมากขึ้น ผู้คนทั้งหลายจะต้องยอมสยบแก่เขา แต่เขาจะมีกิเลสมากขึ้นและมืดมนมากยิ่งขึ้นด้วยจนในที่สุด พลังที่มากมายซึ่งสะสมในตัวเขา มันพุ่งพล่าน และเขาไม่อาจที่จะควบคุมมันได้อีก มันก็จะทำร้ายเขาเอง เหมือนลูกโป่งที่เป่าลมเข้ามากเกินไปนั่นแหละ มันเกินสมดุลของตัวตนตัวนั้นของเขา หากเขาไม่ได้เชื่อมโยงระบบพลังงานเข้ากับตัวตนอื่นๆ เขาก็จะมีปัญหาภายในได้ จนในที่สุดเขาก็ไม่อาจทำหน้าที่ดังเดิมได้อีก ดังนั้น ดารานักร้อง มากมายจึงดังแล้วร่วงในที่สุด เป็นได้เพียง "ดาวหาง" ที่สวยงามบนท้องฟ้า แต่ไม่นาน มันก็ต้องร่วงลงสู่พื้นดิน ไม่อาจสว่างไสวได้ดั่งดวงอาทิตย์ ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ดีเลย 
ดังนั้น การเข้าใจถึง "ระบบพลังงานของเครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ" จึงช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่คุณต้องมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนกับคนอื่นด้วยนะ ไม่ใช่ ทำตัวเองเป็นระบบปิดแบบปัจเจกชน อย่างนั้น ไม่สามารถเชื่อมโยงพลังงานเข้าสู่ระบบเครือข่ายตัวตนได้


เพื่อให้คุณเข้าใจถึง "ระบบเครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ" มากยิ่งขึ้นผมอยากให้คุณลองจินตนาการถึง ตัวคุณเองเหมือนเส้นพลังงานเส้นหนึ่งเป็นช่วงเวลายาวๆ นับเป็น "หนึ่งชาติต่อหนึ่งตัวตน" แล้วมีตัวตนตัวต่อไปในอีกชาติหนึ่งในอนาคตเป็นเหมือนเส้นพลังงานยาวๆ ที่เชื่อมต่อถึงกันไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น คุณจะเห็นตัวตนของคุณนี้ เหมือนเส้นพลังงานยาวๆ เชื่อมต่อถึงกันนะ เอาละ ทีนี้ เส้นนี้ไม่ใช่เส้นตรงทื่อแต่มันจะเดินทางไปจนถึงที่สุดแห่งขอบเขตในการเวียนว่าย และจะไม่เกินจักรวาลนี้ มันจะถูกพลังดึงดูดของดุลยภาพแห่งจักรวาล ให้ค่อยๆ เป็นวิถีโค้ง จนมันค่อยๆ ย้อนกลับมาบรรจบที่จุดเริ่มต้น นึกภาพออกใช่ไหม? ตอนนี้ มันเหมือนวงกลมวงหนึ่ง เท่านั้นเอง ที่มีตัวตนของคุณปัจจุบันนี้ ยืนอยู่ ณ จุดที่เรียกว่า"ปัจจุบัน" หรือ ก็คือ "ปัจจุบันตัวตน" นั่นเอง เอาละ นั่นแค่ "หนึ่งมิติ" นะ คุณมีตัวตนที่มากกว่า 1 มิติอยู่ เหมือนมีอีกเส้นทางเดินหนึ่ง พุ่งออกจากตัวคุณ ให้คุณเลือกเดินได้ เมื่อคุณเดินไปแล้ว คุณจะมีตัวตนและชาติหน้าที่รอคุณอยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนวงกลมอีกวงหนึ่ง ทีนี้ คุณก็ยืนอยู่บนเส้นวงกลมวงนั้นด้วย อันที่จริง มันมีหลายเส้นทางเดินมากเลย นับไม่ถ้วนจนเหมือนคุณอยู่ ณ จุดรวมของเส้นทางรถไฟไม่รู้กี่สาย ที่เดินทางเป็นวงกลม ไปในทิศทางต่างๆ กัน "รอบทิศรอบด้าน" ตอนนี้ คุณเหมือนยืนอยู่บน "ลูกโลกแล้ว" มันก็เป็น "โลกแห่งตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ" ของคุณนั่นเอง ทีนี้ คุณพอนึกภาพออกแล้ว ใช่หรือไม่? เมื่อคุณเสือกเส้นทางเดินหนึ่ง คุณจะมีตัวตนในอนาคตแบบหนึ่งที่รอคุณอยู่เป็นลำดับไปเรื่อยๆ และมันจะวกกลับไปบรรจบที่จุดเริ่มต้น นั่นหมายความว่า มันจะผ่านตัวตนในอดีตของคุณด้วย (อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต แล้วไปอดีตต่ออีกวนไปเรื่อยๆ) คุณพอนึกภาพนี้ออกแล้วใช่ไหม? คุณยืนอยู่บนลูกโลกที่สร้างจากเส้นวงกลมหลายๆ เส้นรวมกัน ข้างหน้าคุณเรียกว่า "โลกอนาคต" ข้างหลังคุณเรียกว่า "โลกอดีต" แต่ ณ จุดที่คุณยืนอยู่ก็คือ ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้ก็คือ"ตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ" ของคุณ นั่นเอง พอจะจินตนาการได้ไหมครับ?



และด้วยเหตุนี้เอง "ตัวตน ณ ปัจจุบันของคุณ" จึงเป็นตัวตนในอดีตสำหรับบางตัวตน และเป็นตัวตนในอนาคต สำหรับบางตัวตนด้วย คือจะมีคนที่เดินตามรอยคุณ และกลายเป็นเหมือนคนในอนาคต ก็มีหรือคนที่คุณกำลังเดินตามรอยเขา และจะกลายเป็นเขาในอนาคต ก็มีได้เช่นกัน และด้วยเหตุนี้ คุณจึงเป็นทั้ง อดีต และ ปัจจุบัน และ อนาคตเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ตัวตนอื่นๆ ในเครือข่ายเดียวกัน เข้าใจไหม?


เอาง่ายๆ อย่างนี้ คุณ ณ ปัจจุบัน ก็คือ อนาคตของตัวคุณเองเมื่ออายุน้อยกว่านี้ และคุณ ณ ปัจจุบัน ก็คือ อดีตของตัวคุณเองเมื่ออายุมากกว่านี้ นั่นเอง ดังนั้น คุณจึงเป็นทั้ง อดีต, ปัจจุบัน และอนาคต บริบูรณ์อยู่แล้ว ณ ตัวตนปัจจุบันนั้นๆ ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบหลากมิติ หรือก็คือ "ความบริบูรณ์พร้อม" อยู่แล้ว ในทุกสรรพสิ่งของตัวมันเอง มันถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์อยู่แล้วในทุกมิติ แล้วแต่จะมอง คุณมองมิติไหน ก็จะพบในมิตินั้นๆ พอเข้าใจใช่ไหม? และด้วยเหตุนี้เอง คุณจึงมี"ตัวตนในอนาคต" และ "ตัวตนในอดีต" ที่คุณสามารถพบปะและเห็นเขาได้ เขามีตัวตนเหมือนคุณ เป็นมนุษย์บนโลกนี่แหละ แต่เขาคืออดีตและอนาคตของคุณเอง เมื่อคุณต้องการเห็นอดีต หรืออนาคตของคุณก็สามารถเดินทางไปพบเขาได้ เขาก็คือ ตัวตนหนึ่งในระบบเครือข่ายของคุณ และคุณสามารถแนะนำให้ช่วยเหลือเขาได้ เพราะคุณรู้แล้วว่าเขามีอนาคตหรืออดีตอย่างไร เหมือนคุณเดินทางย้อนเวลาจากอนาคตไปสู่คนในอดีตซึ่งก็คือ ตัวคุณเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ มีอยู่ และรอคุณอยู่ เพียงแต่คุณจะระลึกได้หรือไม่? หรือสามารถประสานงาน ช่วยเหลือเขาได้หรือไม่?



และต่อไปนี้ คือ "เคล็ดลับ" ในการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบเครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติของคุณนั้น ทำอย่างไร จึงจะหมุนเวียนพลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ อย่างแรก ให้คุณจินตนาการว่าคุณ ซึ่งได้ผ่านการเลื่อนระดับ จนมีพลังแห่งความสว่างไสวเต็มเปี่ยมแล้ว พร้อมเผื่อแผ่ให้คนอื่นๆ ในเครือข่ายของคุณแล้ว คุณจะเหมือน "หลอดไฟ" หรือ "เทียนไข" ที่ส่องสว่างอยู่ก็ได้ ประจำ ณ จุดๆ หนึ่ง บน "โลกแห่งตัวตนของคุณเอง" อย่างที่ผมให้คุณลองจินตนาการไปแล้ว ให้คุณนึกถึงเหมือนว่าคุณมีพลังไฟฟ้าสว่างไสว มหาศาล ค่อยๆ ส่งพลังของคุณนั้น ไปตามเส้นทางเดินที่เป็นวงกลมเหล่านั้น ที่พุ่งออกจากตัวคุณทีละเส้นๆ แผ่ออกรอบตัวคุณทุกทิศทางนั้น เชื่อมโยงไปสู่ตัวตนทั้งหมดทั้งมวลของคุณนั้น ราวกับไฟฟ้าที่ไหลไปตามระบบ หรือแผงวงจรไฟฟ้าอย่างนั้น จนโลกแห่งตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติของคุณ ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากคุณทั้งหมด แล้วโลกใบนั้น จึงสว่างไสวทั้งโลก ดั่ง "ดวงอาทิตย์" ทีเดียว นั่นแหละ วิธีใช้พลังงานที่ดีที่สุดของระบบเครือข่ายตัวตนเชิงซ้อนหลากมิติ สำหรับวันนี้ ผมคิดว่าค่อนข้างยากไปสักนิด แต่ก็ค่อยๆ ลองดูนะครับ สิ่งสำคัญคือ "การเลื่อนระดับ" เพราะเมื่อใดที่คุณเลื่อนระดับถึงระดับนี้ได้เมื่อไร คุณจะสามารถทำได้เองนั่นแหละครับ ผมอธิบายมายืดยาวมากแล้ว วันนี้ ขอลาก่อนนะครับ บาย


24 พ.ค. 2555


"เสียงจากกูรูด้านพลังงาน"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment