ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

"จุดรับพลังจักรวาล" คือ จุดศูนย์กลางแห่งความเจริญของโลก นั่นเอง

ลูกเอ๋ย โลกนี้ได้รับพลังจักรวาลอยู่ตลอดแต่ไม่สม่ำเสมอเท่ากันทั่วทุกพื้นที่นะลูกนะมันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆ มากมาย โดยมีปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ "ตัวรับพลังงานจักรวาล" ซึ่งจะมีลักษณะเป็นพีรามิดใสเป็นพลังงานเชิงซ้อนที่อยู่ในสังขารของมนุษย์คนหนึ่ง ที่สามารถเลื่อนระดับไปได้เขาจึงกลายเป็น "ศูนย์กลางพลังจักรวาล" ซึ่งรับพลังจากจักรวาลแล้วกระจายออกไปโดยรอบ ทำให้เกิดความเจริญขึ้น กลายเป็น "จุดศูนย์กลางของความเจริญของโลก" ขึ้น เอาละ เรื่องแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า บนโลก ณ จุดต่างๆ กันของโลกใบนี้ และมีการเคลื่อนย้ายจุดรับพลังจักรวาลนี้เรื่อยๆ อันส่งผลกระทบต่อการเจริญของประเทศต่างๆ มากมาย สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก นะลูกนะ เอาละวันนี้ เรามาศึกษาเรื่องนี้กัน ให้มากขึ้น นะลูกนะ


ลูกเอ๋ย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นเสมอ เมื่อมีกระบวนการ "รับพลังงานจักรวาล" แบบนี้ขึ้น มีผลมากทั้งทางโลกและทางธรรมทีเดียว ทำให้เกิด "วิทยาการใหม่ๆ ของโลก" และนำไปสู่การยกระดับของประเทศหรือทั้งโลกได้ทีเดียว และขณะนี้ มันได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นลูกจะได้รับ "พลังงานจักรวาล" พร้อม "แบบทดสอบสุดท้าทาย" ที่ลูกอาจจะรู้สึกว่ามันโหดร้ายต่อลูกมาก ทว่า นี่เป็นอาการปกติของการไปสู่การเลื่อนระดับ นะลูกนะ ลูกจะได้รับการทดสอบที่แสนท้าทายมากราวกับต้อง "ตายจากภายใน" เลยทีเดียว คือ ลูกจะรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น แล้วยังต้อง "ยืนหยัดเดินหน้าต่อไป" แต่ถ้าลูกกำเนิดใหม่ได้อย่างงดงาม ลูกสว่างไสว ลูกจะกลายเป็นเหมือนคนใหม่ ที่สดใส เหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ เอาละ อย่าตกใจมากเกินไป ถ้าลูกกำลังอยู่ในกระบวนการนั้น มันไม่ยากเกินไปถ้าลูก "กำเนิดใหม่ได้" คือ สิ่งเดิมตายไป สิ่งใหม่เกิดขึ้นแทนที่ ก็จะผ่านไปได้ด้วยดี เหมือนการคลอดบุตร นะลูกนะ ครั้งแรก มันยากและมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ครั้งต่อๆ ไปมันจะง่ายขึ้นมาก ที่สำคัญ ลูกอย่าฝืนปล่อยตามธรรมชาติ ให้มันดับสิ้นไปง่ายๆ มันก็จะเกิดใหม่ได้ง่ายๆ เหมือนกัน ถ้าลูกฝืนมาก มันจะตายแล้วเกิดใหม่ได้ยาก และลูกจะทรมานมากนะลูกนะ เอาละ บางคนอาจรู้สึก "หนัก" รู้สึกว่ามันหนักอึ้งมากๆ เลย ที่จะถูกทดสอบด้วยแบบทดสอบที่แสนจะท้าทายเช่นนี้ เพราะมันจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง "โครงสร้างพลังงานในระดับจิตวิญญาณ" ของลูกเลยทีเดียว มันเป็นยิ่งกว่าการผ่าตัดใหญ่ในระดับจิตวิญญาณ ทำให้ลูกรู้สึกแย่มากๆ ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนไข้ที่ต้องได้รับการผ่าตัดใหญ่ฉะนั้น ทว่าทำใจดีๆ ไว้นะลูกนะ ปล่อยตามธรรมชาติ แล้วมันจะผ่านไป ไม่นานนัก 


เอาละ ลูกลองดูการยกระดับของบางประเทศ เป็นตัวอย่างนะลูกนะ เช่น ในประเทศญี่ปุ่น ยุคเปลี่ยนแปลงจากยุคเก่า มาสู่ยุคใหม่ ลูกคิดว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรกันบ้าง? ลูกเอ๋ย ผู้หญิงบางคนต้องเป็นโสเภณี รับแขกทหารต่างชาติ ผู้ชายบางคนตายในสงครามอย่างไร้ค่า ไม่มีคนรู้จัก และบ้างก็ต้องตายอย่างทรมาน อดอยากหิวโหย เอาละ แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้ใช่ไหม? แล้วยุคสมัยที่ดีกว่า สว่างไสวกว่าก็เกิดขึ้นใช่ไหม? ขณะที่บางประเทศก็มีประวัติศาสตร์ที่แสนรันทด เพียงเพราะ "ปรับตัวตามไม่ทัน" ก้าวไม่ทัน หรือ ปฏิรูปประเทศไม่ทันเพื่อนบ้าน ลูกคงทราบดีแล้วนะในครั้งหนึ่ง ประเทศจีนและเกาหลี ต้องสูญสิ้นราชวงศ์เมื่อการปฏิรูปของประเทศญี่ปุ่นประสบผลสำเร็จ เอาละ มันเป็นอดีตที่ขืนขมของบางท่าน ที่จำต้องผ่าน "ยุคแห่งความมืดมน" ไปก่อนที่จะเข้าสู่ "ยุคแห่งความสว่างไสว" มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งนะลูกนะ ซึ่งสิ่งนี้ มันจะไม่ยุ่งยากอย่างที่เป็นนั้นเลย ถ้าลูกรู้จัก "การกำเนิดใหม่" และทำมันได้อย่างดี ลูกก็จะผ่านมันไปได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะนี่คือ "การตายจากภายใน" หรือ"การตายทางจิตวิญญาณ" ดังนั้น ลูกจึงรู้สึกว่าได้รับแรงกดดันทางใจมาก หรือต้องทุกข์ใจราวกับจะตายทั้งเป็น นั่นแหละ มันกำลังจะตายในแล้ว ปล่อยตามธรรมชาตินะลูกนะ ให้มันตายจากภายใน แล้วกระบวนการจะจบลงได้ แต่ถ้าลูกฝืนมากๆ มันจะไม่จบง่ายๆ มันจะยืดเยื้อ และทำให้ลูกทุกข์อยู่นาน เอาละ ยังมีพลังงานบางอย่างที่ช่วยให้เกิดใหม่ได้ง่ายขึ้นด้วย คือ การทำให้เกิดการสลายจากภายในแล้วเกิดใหม่ ก็จะทำให้เกิดการ "กำเนิดใหม่" ได้ง่ายขึ้น ถ้าลูกค้นพบแล้วก็จงใช้มัน


ลูกเอ๋ย ลูกไม่ใช่เด็กแบเบาะที่ต้องให้พ่อแม่ประคบประหงม อีกต่อไปแล้วลูกเดินได้ด้วยขาของตนเอง ลูกไม่ต้องรอคอยให้พ่อแม่ประคองอีกต่อไปแล้ว ลูกไม่ใช่เด็กน้อยที่อ่อนแอ ที่ต้องรอคอยคำปลอบประโลมของพ่อแม่อีกต่อไป ลูกเติบโตมากพอแล้วที่จะค้นพบสัจธรรมความจริงของโลกใบนี้ด้วยประสบการณ์จริงของลูกเอง ดังนั้น จึงไม่มีคำพูดสวยหรูประโลมใจที่จะคอยป้อนให้ลูก เหมือนพ่อแม่ที่ป้อนนมลูกอีกแล้ว นะลูกนะ ต่อไปนี้ มันจะเป็น "ความจริงของชีวิต" ที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ เพื่อการยกระดับของลูกเอง ดังนั้น ลูกอาจจะรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้าย ถูกรังแกและถูกบีบคั้นอย่างหนัก เอาละ อย่าทำตัวอ่อนแอนะลูกนะ มันหมดเวลานั้นไปแล้ว ลูกจะต้องยืนหยัดขึ้นอย่างกล้าหาญไม่ต่างจาก "นักรบในสมรภูมิ" จงจำไว้ว่าลูกกำลังอยู่ใน "สมรภูมิรบ" เสมอ ลูกจะต้องเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่อาจถอยหลังหนีได้อีก เลิกเป็น "เด็กขี้แย" ได้แล้วและยืดอกขึ้น เข้มแข็ง เหมือนอย่างนักรบ แล้วลูกจะผ่านมันไปได้ด้วยดี


เอาละ เพื่อช่วยให้ลูก "กำเนิดใหม่" ได้ง่ายขึ้น จะขอยกตัวอย่างพลังงานที่ช่วยในกระบวนการกำเนิดใหม่นี้ ลูกสามารถกำเนิดใหม่ได้ด้วยพลังธาตุพื้นฐานทั้ง 4 เช่น การใช้พลังธาตุไฟ เผาผลาญจากภายในจนตายแล้วเกิดใหม่จากภายใน ซึ่งลูกจะรู้สึกร้อนมากถึงมากที่สุด แล้วแทบจะทนไม่ไหว จนสิ้นกระบวนการ ก็จะกำเนิดใหม่ได้ หรือการใช้พลังธาตุน้ำ สลายจากภายใน ลูกจะรู้สึกเหมือนจิตใจแทบสลาย ละลายจากภายใน ถูกกระทำให้ต้องเสียน้ำตามากมาย จนแทบใจสลาย ก็ปล่อยไปเลยลูก อย่าฝืนมัน ให้มันถึงที่สุดจนเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ไปเลย นั่นแหละ มันกำลังจะช่วยให้ลูกกำเนิดใหม่ นั่นเอง เอาละ นอกจากพลังธาตุพื้นฐานทั้ง 4 แล้ว (ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ) ยังมีพลังงานอีกหลายชนิด ที่สามารถช่วยให้กำเนิดใหม่ได้ เช่น พลังคลื่นเสียงบางชนิด ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับจิตวิญญาณจนจิตวิญญาณสลาย เปลี่ยนคลายรูปร่าง จนกำเนิดใหม่ได้เลยทีเดียวหรือพลังงานหมุนวนบางชนิด ที่จะทำให้เกิดการวิวัฒนาการแบบเร่งรัดทำให้ลูกเหมือนคนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และแก่จากภายใน จนตายในที่สุด ซึ่งบางครั้ง ทำให้ลูกมีจิตใจเหมือนผู้อาวุโสได้แม้ว่าสังขารของลูกจะมีอายุไม่มากก็ตาม แต่เมื่อผ่านการกำเนิดใหม่ไปแล้ว ลูกอาจจะกลับมาเหมือนเด็กอีกครั้งหนึ่งได้ เอาละ ยังมีพลังงานอีกมากมายที่ช่วยให้ลูกกำเนิดใหม่ได้ง่าย หรือเร็วขึ้น ไม่ต้องถูกบีบคั้นหรือทรมานนานเกินไป แต่จะไม่ขออธิบายในนี้ทั้งหมด ลูกจะสามารถ "ค้นพบ" มันได้เองจากที่ต่างๆ ซึ่งเราได้วางแผนเตรียมคนที่จะให้สิ่งนั้นแก่ลูกเอาไว้แล้ว ถ้าลูกได้พบมันจงทดลองและใช้มันให้ถึงที่สุด เหมือนลูกได้ตายในกระบวนการนั้นไปเลยไม่ต้องไปจมแช่อยู่กับมัน แต่จงใช้มันเพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งการกระทำนะลูกนะ แล้วลูกจะสว่างไสวขึ้น เกิดปัญญาขึ้น พ้นทุกข์ที่ลูกเคยเป็นอยู่ ได้


เอาละ ยังมีเคล็ดลับที่ง่ายและช่วยให้ลูก "กำเนิดใหม่" ได้ง่ายที่สุดอยู่โดยลูกไม่ต้องทนทุกข์ทรมานนาน นะลูกนะ นั่นคือ "พลังงานจักรวาล" หรือพลังงานจากตัวตนในมิติที่สูงขึ้น ซึ่งพวกเขารอคอยที่จะช่วยให้ลูกกำเนิดใหม่อยู่เสมอ การช่วยเหลือของพวกเขา จะทำให้ลูกผ่านกระบวนการกำเนิดใหม่นี้ไปได้ง่ายขึ้น พวกเขาก็ไม่ต่างจากหมอทำคลอดเลยละเอาละ มันไม่ยาก ถ้าลูกเข้าใจคำว่า "ศรัทธาอย่างสุดซึ้งถึงจิตวิญญาณ" ลูกเคยรักใจมากๆ เหมือนกับคลั่งไคล้จนแทบใจสลายเลยไหม? เช่น ลูกบางคนชอบดารา และคลั่งไคล้มากๆ นั่นแหละ มันเหมือนอย่างนั้นเลยแต่ลูกต้องเปลี่ยนวิถีเท่านั้นเอง ลูกต้อง "เล็งเป้า" ไปยัง "ตัวตน ในมิติที่สูงขึ้น" หรือก็คือ "สิ่งศักดิสิทธิ์" หนึ่งใดที่ลูกมีศรัทธา แล้วเข้าสู่ภาวะแห่งความศรัทธาอย่างสุดซึ้ง เช่น เมื่อลูกได้อ่านหรือได้รู้เรื่องราวการบำเพ็ญของท่านเหล่านั้น ลูกเกิดความประทับใจมากๆ ศรัทธามากๆ จนใจสลายลูกจะได้รับพลังจนกำเนิดใหม่ได้อย่างง่ายดายเลยนะลูกนะ วิธีนี้ จะไม่มีการทรมาน ลูกเพียงใช้แค่ "ความรักและศรัทธา" ในระดับ "ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ" เหมือนคนที่คลั่งไคล้ดารา เห็นดาราแล้วแทบคลั่งแทบเป็นลมอย่างนั้นเลยนะลูกนะ เพียงแต่ย้ายจากดารา มาเป็น "สิ่งศักดิสิทธิ์" ก็แค่นั้นเอง จะเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ในศาสนาอะไร ก็ได้นะลูกนะ ได้ทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ "ของปลอม" ก็ใช้ได้หมดนะ เอาละ ลูกจำต้องระลึกถึงสิ่งดีงามและมีจิตใจที่พุ่งตรงต่อ "เบื้องบน" เอาไว้ ไม่ใช่สิ่งใดๆ ที่อยู่เบื้องล่าง นะลูกนะ


อีกแหล่งหนึ่งคือ "ศูนย์กลางพลังจักรวาลบนโลก" ซึ่งก็คือ "มนุษย์" คนหนึ่ง ที่จะมี "พีรามิดใสศักดิสิทธิ์" ภายในสังขารของเขาเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นสิ่งที่อยู่ในระดับพลังงาน นะลูกนะ ตัวเขาจะเป็น "ศูนย์กลางของพลังจักรวาลที่จะกระจายไปทั่วโลก" เขาจะรับพลังจากจักรวาลได้มากเลยทีเดียว พลังนี้เป็นพลังเดียวกับพลังของสิ่งศักดิสิทธิ์ หรือตัวตนในมิติที่สูงขึ้น นะลูกนะ เมื่อลูกค้นพบแล้ว จงระลึกถึงเขา แล้วมีศรัทธาที่ไม่ต่างจากสิ่งศักดิสิทธิ์ โดยลูกไม่ต้องรู้ว่าเขาเป็นคร ไม่จำเป็นต้องพบสังขารของเขา เหมือนกับการที่ลูกเล็งเป้าไปยังสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบน นั่นแหละ ไม่ต่างกันเลย เพียงแต่ลูกเล็งสมาธิ รวมจิตที่มีพลังศรัทธาไปยังเขาเท่านั้น ให้สุดจิตสุดใจ เหมือนวิญญาณจะสลายไปเลย ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นถือมั่นเขาตลอดไปนะ ลูกเพียงแค่เชื่อมต่อเขารับพลังจักรวาลต่อจากเขา แล้วใช้พลังจักรวาลนั้นในการ "กำเนิดใหม่" ก็เท่านั้นเอง มันไม่ใช่การหลง การยึดติด หรือการผูกมัดตัวเองอยู่กับเขาแต่มันคือ "การเปิดรับพลังงาน" แล้วใช้พลังงานนั้นในการ "สลายภายใน เพื่อให้กำเนิดใหม่" ในชั่วขณะหนึ่ง เท่านั้นเอง แบบนี้ ลูกก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานภายในตัวเองมาก (แบบใช้พลังธาตุ จะต้องใช้พลังของตนเอง) คล้ายกับการศรัทธาสิ่งศักดิสิทธิ์นั่นแหละ แต่จะดีกว่าตรงที่เขาอยู่ "ภาคพื้นดิน" สิ่งกีดขวางระหว่างเขาและลูกจะน้อยกว่า ระหว่างลูกและตัวตนในมิติที่สูงขึ้น เอาละ ลูกจะใช้วิธีใดก็ได้ ขอเพียง กำเนิดใหม่ได้ ก็พอ แล้วแบบทดสอบที่ท้าทายและบีบคั้นลูก ก็จะจบลงโดยง่ายดาย


สุดท้ายนี้ หวังว่าลูกคงเห็นความสำคัญของกระบวนการกำเนิดใหม่นี้เป็นอย่างดี เพราะมันคือ "รากเหง้า" ที่สำคัญของทุกๆ อย่าง ที่จะนำไปสู่การเลื่อนระดับของตนเอง, ประเทศ และโลกต่อไป มันเป็นสิ่งที่ลูกควรจะทำ ควรจะผ่านให้ได้ ครั้งแรก มันยากและท้าทายอย่างยิ่งลูกอาจจะรู้สึกแย่มากๆ เหมือนกำลังจะตายทั้งเป็น อย่างนั้น เอาละมันจะไม่แย่ขนาดนั้น ถ้าลูกเข้าใจวิธีการกำเนิดใหม่ และสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่ถ้าลูกยังไม่ได้กำเนิดใหม่ได้จริง ลูกก็จะเหมือนอยู่ใน Matrix แห่งการถูกบีบคั้นต่อไป ลูกก็จะทรมานเหมือนจะตายทั้งเป็นให้ได้ เพราะลูกจะต้องตายแล้วเกิดใหม่จากภายใน ในระดับพลังงาน หรือในระดับ "จิตวิญญาณ" นั่นเอง ดังนั้น กระบวนการนี้จึงกระทบโดยตรงต่อ "จิตใจ" ของลูกอย่างมาก เอาละ ง่าย หรือยาก, ยืดเยื้อ หรือรัดสั้นมันก็ขึ้นอยู่กับ "ตัวของลูก" เองแล้ว หวังว่าลูกจะผ่านมันไปได้ด้วยดีนะ

ขอพลังแห่งสิ่งศักดิสิทธิ์ จงนำพาลูกไปสู่การกำเนิดใหม่ที่งดงาม สวัสดี!



7 มิ.ย. 2555


"เสียงจากสุริยเทพ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment