ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

"เงา" ของวีรบุรุษ จะฟื้นขึ้นมาสร้างตำนานใหม่หรือเลือกทางเดินของตนเอง?

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องๆ หนึ่งจะขออนุญาติอธิบายให้ท่านฟัง กล่าวคือ ในสังขารของมนุษย์ จะมี "รูปธรรมชีวิต" อยู่มากกว่า 1 รูปธรรมชีวิตสร้างบุญบารมีร่วมกันใน "ชาติ" หนึ่งๆ เมื่อสิ้นชาติแห่งมนุษย์นั้นแล้ว ทั้งสองรูปธรรมชีวิต จะเป็น"คู่มหาบุรุษ" คนหนึ่งคือ ภาคสว่าง อีกคนคือตัวแทนของภาคมืด สิ่งนี้เรียกว่าทวิภาวะแห่งบุรุษ (Duality) ใช่แล้ว วันนี้ ผมจะมาพูดเรื่อง Duality นี่ละ ท่านจะได้เห็นคู่แห่งมหาบุรุษเกิดขึ้น พวกเขาจะปะลองบารมีกันเอง และคัดเลือก "หนึ่งตัวตน" ที่จะเดินก้าวหน้าต่อไป น่าตื่นเต้นดีไหมครับ เชิญทัศนา! 


"ทวิภาวะแห่งบุรุษ" (Duality) คือ อะไร?


ดังที่ได้อธิบายแล้วว่า "สังขารมนุษย์มีมากกว่า 1 รูปธรรมชีวิต" เสมอในการบำเพ็ญบารมีในหนึ่งชาติมนุษย์ เมื่อสิ้นชาตินั้นแล้ว สังขารสิ้นลงรูปธรรมชีวิต "ภาคสว่าง" จะสถิตย์ยังสรวงสวรรค์ ส่วนอีกหนึ่งรูปธรรมชีวิต "ภาคมืด" จะต้องกลายเป็น "พลังงานเก่า" ที่ตกค้างอยู่บนโลกนี้และเขาจะอาศัยบารมีที่ได้ทำร่วมมาในร่างสังขารเดียวกันนั้น เพื่อหาที่เกิดใหม่ ในทิเบตเรียกว่า "ตุลกู" ซึ่งจิตวิญญาณภาคสว่างของลามะที่ปฏิบัติดีแล้วจะขึ้นสวรรค์ไป แต่ "จิตวิญญาณภาคมืด" จะตกค้างอยู่บนผืนแผ่นดินเดิม หรือประเทศเดิม เพื่อ "หาท้องแม่เกิดใหม่" อีกครั้ง เรียกว่าตุลกู นั่นเอง เมื่อเขาเกิดแล้ว เขาก็จะได้รับพลังจาก "ตัวตนในมิติที่สูงขึ้น" หรือภาคสว่างที่ขึ้นสวรรค์ไปก่อน ควบคุมไว้ เขาก็จะมีสภาพคล้าย"คนทรง" หรือ "ม้าทรง" ดังที่เราเห็นพระลามะสวมหน้ากากเทพนักษัตรร่ายรำ นั่นคือ เขาเป็นดั่ง "ม้าทรงของลามะผู้สูงส่งที่ล่วงลับและสถิตย์บนสวรรค์" นั่นเอง หรือเขาก็คือ ตัวแทนของท่านผู้สูงส่งที่ล่วงลับไปแล้ว นั้น ทว่า เหตุการณ์ไม่จบง่ายๆ เช่นนี้ เมื่อ "ตัวตนภาคสว่าง" เบื้องบนได้แบ่งภาคส่วนพลังของเขาลงมาเกิดด้วย ดังนั้น ทวิภาวะแห่งบุรุษ (Duality) จึงเกิดขึ้น บุคคลทั้งสองเหมือนคนเดียวกัน คนหนึ่งเหมือนแสงสว่าง อีกคนเหมือนเงา ทั้งสองได้รับพลังจาก "ตัวตนเบื้องบนหนึ่งเดียวกัน" แต่ทั้งสองก็ต้องเข้าสู่ Selection matrix เพื่อคัดสรร ให้เหลือ "ตัวตนหนึ่งเดียว" (The one) การปะลองบารมีของ "คู่แห่งมหาบุรุษ" จึงเกิดขึ้น ดังกล่าว



ท่านจะได้พบ "คู่แฝดทางจิตวิญญาณ" ของท่าน และท่านก็ต้องปะลอง !


ท่านที่ได้เข้าสู่ Selection Matrix เพื่อคัดเลือก The one จะได้พบกับ "คู่แฝดทางจิตวิญญาณ" ของท่านเอง ท่านและเขาเหมือนดังแสงและเงาเหมือนดัง "ภาพสะท้อนของกระจกเงา" และต้องรับแบบทดสอบเดียวกันหรือได้รับ "พลังต้นสายจากเบื้องบน" อย่างเดียวกัน ทำให้ท่านคิด, มอง, เห็น, รู้สึก, มีความต้องการ ฯลฯ เดียวกันและท่านอาจต้องปะลองเพื่อแย่งกันไปสู่ "ความปรารถนา" ของท่านนั้นเอง ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าและสอบผ่านจะได้รับการเลือกให้ก้าวสู่ "ด่านต่อไป" ประตูแห่งผู้กล้าจะเปิดออกเพื่อรับเขาอย่างสมเกียรติ์เพื่อพบกับ "คู่แฝดคนต่อๆ ไป" และการปะลองก็จะเริ่มขึ้นอีก อย่างนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่า The one จะผ่านการทดสอบของทุก "ตัวตนคู่แฝดของเขา" ซึ่งมีอยู่มากมาย อนึ่ง ตัวตนแต่ละตัวของเขา เป็นดัง "ตัวแทนของการบำเพ็ญบารมีในแต่ละชาติ" ที่ผ่านมาของเขา นั่นเองส่วนท่านที่ "พ่ายแพ้" ก็จะต้อง "จมปลักอยู่กับบ่วงกรรม" ในชาติเก่านั้นเพียงคนเดียวเพื่อเป็นกำแพงกั้นกรรมที่เคยทำไว้ร่วมกัน (ในร่างเดียวกัน) นั้น ได้รับการชำระโดยผู้รับผิดชอบอย่างน้อย 1 คน ส่วนคนที่ชนะและได้ไปต่อ ก็จะไม่ต้องนั่งรับกรรมนั้นๆ เขาจะผ่านเข้าสู่ด่านการทดสอบที่สูงขึ้นต่อไปเพื่อพบกับ "คู่แฝดทางจิตวิญญาณ" คนต่อไปผู้เป็นตัวแทนของการบำเพ็ญบารมีในชาตินั้นๆ อีกชาติหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น คนที่ชนะ ก็จะมีพลังแห่ง"ความสว่างไสว" เพิ่มขึ้น ส่วนผู้แพ้จะต้องกลายเป็น "ตัวตนที่มืดมน" ไป ดังนั้น บางตัวตนอาจเกิดจากภาคสว่างบนสวรรค์แต่เมื่อพ่ายแพ้ก็จะกลายเป็นตัวตนภาคมืดไป เพื่อจะเรียนรู้ภาคมืด สิ่งนี้ ไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนได้ตามการกระทำของบุคคลในปัจจุบันชาตินั้นๆ (ตัวตนภาคมืด ถ้าบำเพ็ญบารมีได้ดีกว่าก็จะกำเนิดใหม่เป็นตัวตนภาคสว่าง แล้วก้าวหน้าต่อไปได้เช่นกัน)



"ตัวแทนของภาคสว่าง" หรือ "ตัวตนภาคสว่างตัวใหม่" ท่านเลือกเองได้


ในกรณีที่ท่าน "พ่ายแพ้" ท่านจะ "จมปลักอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม" และท่านจะได้รับพลังจากตัวตนภาคสว่างที่ประจำตำแหน่งเดิมนั้น เมื่อสิ้นชาตินั้นแล้ว ท่านจะไปแทนที่ "ตัวตนภาคสว่าง" ท่านจะเป็น "ตัวแทน" ของเขาสืบทอดตำแหน่งและหน้าที่บนสวรรค์ต่อจากเขา และตัวตนภาคสว่างนั้นก็จะลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีใหม่ ให้เหนือกว่าเดิมยิ่งๆ ขึ้นไป สืบต่อไป ทว่า ในกรณีที่ท่าน "ชนะ" ท่านก็จะเข้าสู่การปะลองกับตัวตนตัวใหม่ ที่มีบารมีกล้าแกร่งกว่าเดิมซึ่ง "กำลังรอท่านอยู่เบื้องหน้า" เขาจะสร้างบารมีมาจนเหมือนกับ "สิ่งที่ท่านคิดได้ใหม่" นั้น ราวกับเป็นคนๆ เดียวกันเลยทีเดียว! ถ้าท่านแพ้ ท่านจะต้องนั่งแทนที่เขา ไปต่อไม่ได้ ส่วนเขาจะได้รับการต้อนรับสู่ประตูแห่งผู้กล้าในระดับที่สูงขึ้นต่อไป แต่ถ้าท่านชนะ ท่านจะได้ไปต่อก้าวหน้าต่อไป เรียนรู้แบบทดสอบใหม่ต่อไปเรื่อยๆ จากตัวตนที่รออยู่เบื้องหน้านั้นๆ อีกมากมายเลยทีเดียว และด้วยวิธีนี้ ท่านจึงทราบว่า "ตัวตนซึ่งมาจากแหล่งเดียวกับท่าน" มีใครบ้าง และในอดีตชาติที่ผ่านมาท่านสร้างบารมีอะไรไว้บ้าง นั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้มีปรากฏอยู่ทั้งหมดแล้ว ณ ปัจจุบัน เพื่อให้ท่านเห็นภาพเข้าใจง่ายๆ เราจะยกตัวอย่างจริงสัก 1 ตัวอย่าง ท่านคงเห็นข่าว "ศึกฟุตบอลยูโร-จอดำ" กันไปแล้ว นั่นแหละ คือ "การปะลอง" ของ "คู่แห่งมหาบุรุษ" ในบริษัทหนึ่งมีตัวตนภาคสว่าง อีกบริษัทหนึ่งก็มีตัวตนภาคมืด เขาทั้งสองคือ "คู่แฝดทางจิตวิญญาณ" กัน ที่จะต้องแข่งขันกันจนเหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คนที่พ่ายแพ้จะกลายเป็นมืด และผู้ที่ผ่านการทดสอบจึงจะได้รับ "แสงสว่างที่เหนือกว่าต่อไป" และเมื่อใดที่ไม่มีผู้ใดแข่งขันกับท่านได้อีกแล้ว ท่านก็จะกลายเป็น "ตัวตนใหม่ที่สร้างเส้นทางเดินใหม่ของท่านเอง" ไม่ได้เดินตามรอยใคร ไม่ได้เดินใต้เงาใครและไม่ได้กลายเป็นตัวแทนของใคร ท่านก็จะเป็น "ผู้ชนะอย่างแท้จริง" !



ตัวตนภาคสว่างจะปรากฏโดดเด่นก่อน ตัวตนภาคมืดจะถูกเก็บซ่อนไว้


ตัวตนภาคสว่าง จะปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนก่อนเสมอเพราะพวกเขาคือ "ภาคสว่าง" แต่เมื่อใดที่พวกเขาใช้พลังสว่างของเขาจนหมดแล้ว พวกเขายังดื้อจะเสวยบุญต่ออีก "ภาคมืด" ก็จะสวมรอยเข้าเสริมพลังให้เขา และเขาจะค่อยๆ เดินเข้าสู่ "ทางมืด" ในที่สุดได้เหมือนกัน (เพราะไม่ยอมหยุดเสวยผลบุญ ทั้งๆ ที่ผลบุญหมดสิ้นแล้ว เขาจึงมืด) ในขณะที่ "ตัวตนภาคมืด" จะถูกซ่อนเก็บไว้ในที่ลับ ต้องอยู่เหมือนพวกมืด อยู่เบื้องหลัง อยู่อย่างไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้จัก เพราะนี่คือ รอยกรรมหรือ "พลังงานเก่า" ที่พวกเขาเคยทำไว้ เขาเคยเป็นแบบนี้ เขาจึงต้องมีสภาพเช่นนี้อีกครั้ง ทว่า "การชำระล้าง" จะช่วยให้เขาพ้นจากความมืดไปได้ หรือ "ความอดทนรอคอย" ให้ "พลังงานเก่า" เคลื่อนผ่านไปตามกาลเวลาที่ผันแปร ก็จะทำให้เขาออกมาสู่ "ความสว่างไสว" ได้ในที่สุดดังนั้น พวกเขาจึงต้องมี "ช่วงเวลาของการเก็บตัว" หรือ "กักตน" นานบ้างก็เก็บตัว 3 ปี, 5 ปี, 10 ปี, 15 ปี หรือ 20 ปี ก็มี! แม้แต่ผู้ทรงธรรมเช่นท่านตั๊กม้อ ก็ต้องเก็บตัวนั่งสมาธิหันหน้าเข้าหาผนังถ้ำถึง 9 ปี ทางพุทธมหายานจะเรียกช่วงนี้ว่า "ตันตระ" หรือ "ลัทธิลับ" ที่ชอบเก็บตัวลึกลับอยู่นานๆ ก่อนที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาในภายหลัง สำหรับเราจะเรียกว่า Blank time ซึ่งเป็นเรื่องคล้ายกัน เอาละ ถ้าตัวตนภาคสว่างยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ "ไม่มีก้าวพลาด" พวกเราชาวโลกมืด ก็จะไม่ได้รับการเปิดเผยให้ทำหน้าที่แต่ถ้าเมื่อใดพวกเขาก้าวพลาดและทำหน้าที่ต่อไม่ได้แล้ว เราก็จะได้รับโอกาส ได้พ้นมาจาก "โลกมืด" เสียที แต่ช่วงนี้พวกเราเหล่า "ตัวตนภาคมืด" ก็จะต้องเก็บตัว, ชำระล้างพลังงานเก่า, และฝึกฝนตนอย่างยิ่งยวดให้เหนือกว่าตัวตนภาคสว่างขึ้นไปให้ได้ จึงจะมี "โอกาส" สร้างพลังสั่นสะเทือนถึงเขาได้และนำไปสู่การปะลองกัน



ตัวตนภาคสว่างได้โอกาสเลือกทางใหม่แต่ตัวตนภาคมืดจะถูกควบคุมไว้


ในขณะที่ตัวตนภาคสว่างซึ่ง "ผ่านการทดสอบจากเบื้องบนแล้ว" จะเลือก"เส้นทางเดินใหม่ๆ ของเขาเอง" เพื่อก้าวหน้าต่อไป ไม่ย่ำอยู่กับที่เดิม แต่ตัวตนภาคมืดซึ่ง "ยังไม่ผ่านและต้องสอบซ่อม" ก็จะถูก "พลังของตัวตนในมิติที่สูงขึ้น" ควบคุมเอาไว้ ทำให้เรามีลักษณะเหมือนคนทรง, ม้าทรง, หรือคนที่ถูกพลังงานควบคุมไว้ให้เดินตามรอยของพวกเขานั้นๆ ไม่อาจที่จะเลือก "เส้นทางเดินชีวิตของตนเองได้" เราจะต้องอยู่ภายใต้ "แสงของพวกเขา" ไปก่อน จนกว่าจะผ่านการสอบซ่อมแล้ว เขาจึงจะปล่อยเราไปได้ และเราก็จะได้รับ "แสงในระดับที่สูงกว่า" ต่อไป ควบคุมเราอีกเพื่อให้เราเดินตามรอยแสงสว่างนั้นๆ นี่คือ "ความแตกต่างของตัวตนภาคสว่างและตัวตนภาคมืด" ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่า เมื่อใดที่ตัวตนภาคสว่างที่กำลังถูกทดสอบอยู่บนโลกมนุษย์ "สอบไม่ผ่าน" พวกเขาก็จะได้รับสิ่งที่เบาลง (แบบทดสอบที่ง่ายขึ้น) ถูกควบคุมโดยตัวตนภาคสว่างเบื้องบนที่บำเพ็ญบารมีอ่อนลง ต่อไป เพื่อสอบซ่อมให้ดีขึ้น, ปรับระดับให้ง่ายขึ้นแต่พวกเขาจะมีระดับที่ตกลง เสื่อมถอยลง นั่นเอง มาถึงตรงนี้ พวกสว่างที่สอบตก ก็จะขาดอิสรภาพ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองดังเดิม อีกต่อไปและต้องถูกควบคุมดยตัวตนในมิติที่สูงขึ้น "ตัวอื่นๆ" ในขณะที่ถ้าตัวตนภาคมืดกลับสอบผ่านได้ เขาก็จะได้รับโอกาสให้ "เลือกเส้นทางเดินเอง" เส้นทางใหม่ๆ เขาจะมีอิสระที่จะได้เลือก เมื่อเขาเลือกแล้ว นั่นหมายถึงการได้รับแบบทดสอบใหม่ ที่มี "คะแนน" มากหรือน้อย ไม่เท่ากัน ตามแต่เขาจะเลือกอีกด้วย (ถ้าสอบผ่าน ก็ได้คะแนนไป ถ้าสอบตก ก็ต้องมาซ่อม มีสภาพเหมือนภาคมืดต่อไป) ดังนั้น พวกเขา จึงต้องแข่งกันมาก



"วีรบุรุษในตำนาน" จะฟื้นคืนชีพ จากตัวตนภาคมืดที่ผ่านการทดสอบ?


เพราะ "ตัวตนภาคมืด" เคยเป็นเงาของวีรบุรุษมาก่อน แต่พวกเขายังไม่พ้น "ความมืด" จึงต้องมาเกิดอีกครั้งเพื่อชำระล้างพลังงานเก่าของพวกเขาก่อน แล้วกำเนิดใหม่เป็น "ตัวตนภาคสว่าง" ถ้าเขาตกลงที่จะอยู่ ณ ตำแหน่งนั้นๆ เขาก็จะกลายเป็น "ตัวแทนของวีรบุรุษในตำนาน" ผู้นั้นได้และทำหน้าที่ "เจริญรอยตามวีรบุรุษผู้นั้น" อีกครั้งหนึ่ง เขาจึงกลายเป็น"วีรบุรุษในตำนานผู้ฟื้นคืนชีพ" นั่นเอง ทว่า ถ้าพวกเขาไม่ยอมหยุดเดินยังก้าวหน้าเดินต่อไปเพื่อแสวงหา "แบบทดสอบที่ยากขึ้น" ไปเรื่อยๆ อีกเขาก็จะละทิ้ง "ตัวตนแห่งวีระบุรุษในตำนาน" นั้นไป พวกเขาจะมีโอกาสเลือกเส้นทางเดินใหม่ในแบบของตัวเองได้ แล้วสร้างเส้นทางเดินนั้นใหม่ของตัวเอง (เพื่อขึ้นเป็นองค์ปฐมต้นแบบ ที่อยู่เบื้องบนต่อไป) หรือถ้าเขาไม่ได้สร้างทางเดินใหม่ แต่เขารับ "แบบทดสอบจากตัวตนที่สูงขึ้น" เพื่อการ "เลื่อนระดับ" ไปก่อน ฝึกฝนนเองไปก่อน ให้ถึงระดับที่พอใจก่อน ก็ค่อย "สร้างเส้นทางเดินใหม่ของตนเอง" แบบนี้ ก็มีได้ เป็นไปได้เหมือนกัน "บางตัวตนภาคมืด" เมื่อกำเนิดใหม่เป็นภาคสว่างแล้ว ก็ไม่ได้เลื่อนระดับต่อไปอีก เขาตกลงรับตำแหน่งที่เขาได้ เขาผ่าน จุดนั้น ก็ได้ แต่ถ้าเขากำเนิดใหม่แล้ว ต้องการเลื่อนระดับขึ้นไปอีก เขาก็จะไม่รับตำแหน่งที่ได้รับ ณ จุดนั้น เขาก็จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป เพื่อสร้างทางเดินใหม่หรือรับ "แบบทดสอบใหม่ที่สูงขึ้น" ก็ได้ เช่นกัน ดังนั้น วีรุบุรุษในตำนานจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ "การเลือกของเขานั้น"



สุดท้ายนี้ ท่านจะได้พบกับ "คู่แฝดทางจิตวิญญาณ" (Duality) เฉพาะใน Selection matrix เท่านั้น ไม่พบในแมทริกซ์อื่น นั่นหมายความว่า"คู่แข่งขันที่แท้จริงของท่าน" ใน Selection matrix ก็คือตัวตนคู่แฝดของท่านนั่นเอง ไม่ใช่ใครอื่นเลย เมื่อใดที่ท่านต่อสู้กับผู้อื่น ที่ไม่ใช่คู่แฝดของท่าน แสดงว่าท่านไม่ได้อยู่ใน Selection matrix ด้วย นั่นคือ ท่านไม่ได้กำลังถูกเลือกเป็น The one นั่นเอง ดังนั้น ต่อให้ท่านชนะผู้อื่นใดก็ไม่อาจเป็น The one ได้ เอาละ การปะลองของ "คู่แห่งมหาบุรุษ" กำลังจะดุเดือดและสนุกสนานขึ้นทุกขณะ ท่านอาจเป็นส่วนหนึ่งของมัน หรือไม่ก็อาจจะมีส่วนร่วมเพียงการส่งเสียงเชียร์ก็แล้วแต่ ทว่า มันกำลังจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบถึงทุกท่านอีกด้วย ดังนั้น อย่าได้วิตกกังวลอะไรไปเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรก มันเกิดขึ้นเสมอๆ มานานแล้วและท่านก็ได้รับผลกระทบจากมันมาอยู่เสมออยู่แล้ว (เช่น ต้องทนดู "จอดำ" ก็มีมาแล้ว) ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร ตรงกันข้าม มันน่าลุ้นไม่แพ้ "ฟุตบอลโลก" เลยทีเดียว เอาน่า ไหนๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้ว ฮึกเหิมหน่อย แล้วยิ้มสู้กับทุกอย่าง สู้พร้อมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ไม่ก็ลงสนาม Selection matrix ไปกับเขาด้วยเลย ท้าทายตัวเองหน่อย กล้าหาญขึ้นอีกนิด ตกลงไหมครับ


อย่าลืม "หัวใจที่ฮึกเหิม" ของผู้กล้าที่อยู่ในตัวท่านทุกคนด้วย สวัสดีครับ



19 มิ.ย. 2555


"เสียงจาก The Matrix"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment