ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

พลังงานลี้ลับมากมายในจักรวาล ท่านจะนำมาใช้ได้อย่างไร?

สวัสดีครับ วันนี้ผมเอาเรื่องเกร็ด เล็กๆ เป็นเคล็ดไม่ลับ ของการใช้ พลังงานที่มาจากแหล่งต่างๆ ของ จักรวาลนะครับ เราลองมาค้นหา และลองฝึกนำไปใช้ประโยชน์ ดู กันบ้างนะครับ ...


พลังงานที่ลี้ลับอยู่ในจักรวาลมีมากมาย และนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่างกัน


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ ในจักรวาลนี้ยังมีพลังงานลี้ลับที่มีคุณสมบัติ แตกต่างกันอยู่มากมาย ซึ่งเราสามารถค้นคว้า, ทดลองใช้, และนำมาใช้ ประโยชน์ในชีวิตจริงด้านต่างๆ ได้มากมาย ทว่า ปกติแล้วมนุษย์จะเคยชิน กับการใช้อะไร ก็จะใช้สิ่งนั้นอยู่เรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนเคยใช้เงินแก้ ปัญหาชีวิตด้านต่างๆ มีปัญหาชีวิตอะไรนิดหน่อยก็ใช้เงิน ปัญหา ก็จบแล้ว ผลคือ ทำให้คนเคยตัวนะครับ เขาจะหลงลืมที่จะค้นคว้าหาเครื่องมือใหม่ๆ เพราะเคยชินกับการใช้เงินแก้ปัญหาชีวิตมากเกินไป เขาก็จะอ่อนแอลง มี ความชำนาญในการใช้เงินอย่างเดียว แต่ขาดประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะ ใช้ "พลังงานต่างๆ ในจักรวาล" ครับ ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุด ที่จำทำให้ท่าน กระตุ้นศักยภาพของตัวเองในการใช้พลังงานจากจักรวาลได้ ก็คือ การที่ ท่านได้กลับไปสู่ภาวะที่ต้อง "พึ่งพาตัวเอง" แทนที่จะพึ่งพาเครื่องอำนวย ความสะดวกต่างๆ และเมื่อนั้นท่านจะเริ่มค้นหาและใช้พลังงานที่แตกต่าง ไปจากเดิมได้ การเรียนรู้, การทดลอง, การใช้พลังงานจักรวาล จึงเริ่มขึ้น


พลังงานจักรวาล ที่มีหลากหลายชนิดนั้น ล้วนแต่เป็นพลังงานอิสระทั้งนั้น


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ พลังงานจักรวาล ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตน ที่ ใครจะมายึดมั่นถือมั่นเป็นของตนได้เหมือนแสงอาทิตย์ที่แผ่ออกมาไพศาล เป็นสาธารณะ เป็นสากล ไม่อาจยึดเป็นของใครคนใดคนหนึ่งได้ ดังนั้น จึง เป็นพลังงานอิสระ (Free energy) ที่เราสามารถเข้าถึง แหล่งพลังงาน และสามารถนำมาใช้ได้เหมือนกัน ไม่ต่างกัน ทุกคนมีความเท่าเทียมกันใน การเข้าถึงแหล่งพลังงานเหล่านี้ ทว่า แต่ละคนจะสามารถเรียนรู้และนำสิ่ง เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร? ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านเองแล้ว เพราะ พลังงานเหล่านี้ เมื่อมีคนนำมาใช้ ก็เหมือนการขุดบ่อน้ำมันหรือการทำท่อ ทำทางน้ำไหล พลังงานจะไหลเข้ามาเรื่อยๆ จากแหล่งพลังงานใหญ่ ไม่ สิ้นสุด เท่าที่ท่อหรือทางน้ำ ไม่ตีบตันไปเสียก่อน คนท่นำพลังงานไปใช้ใน ทางที่ดี ก็จะดำรงอยู่ได้นาน คนที่นำพลังงานไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก็อาจจะ ต้านทานพลังงานที่ไม่ดี ได้ไม่นาน และนอกจากนี้ พลังงานเหล่านี้ ยังจะ จูนเข้ากับคนที่มีความคล้ายคลึงกับแหล่งพลังงานมากกว่าคนที่แตกต่าง ไปจากแหล่งพลังงานนั้นๆ ดังนั้น ทางไหลแห่งพลังงาน นี้ จึงสามารถจะ เปลี่ยนแปลงได้ ไม่เที่ยง เช่น เดิมไหลมายัง นาย ก. อาจเปลี่ยนไปสู่ตัว นาย ข. ได้มากขึ้น ก็ได้ ถ้านาย ข. มีลักษณะคล้ายแหล่งพลังงานมาก กว่านาย ก. เช่น พลังภาคสว่าง จะไหลเข้าสู่คนที่มีใจเป็นธรรมมากกว่า คนที่มีใจเป็นอธรรม (เนื่องจาก พลังภาคสว่างจะสอดคล้องกับสัจธรรม)


เทคนิกการใช้พลังงานภายในและพลังงานภายนอก อย่างเหมาะสม


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ เทคนิกในการใช้พลังงานภายในและพลัง งานภายนอกที่เหมาะสม ทั้งนี้ พลังงานภายในหมายถึง พลังงานใน กลุ่มพลังชีพ (ออร่า) ที่คอยดูแลและทำหน้าที่หล่อเลี้ยงร่างกายและ พลังงานภายนอก หมายถึง พลังงานอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกร่างกาย เช่น พลังงานจักรวาล เป็นต้น ในที่นี้ ผมแนะนำให้ใช้พลังงานภายในเพื่อ การดำรงชีพ, รักษาดุลยภาพภายใน และการหล่อเลี้ยงชีพตามปกติ ไม่ควรดึงพลังงานภายในออกมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านอื่นมากเกินไป แม้ว่าการฝึกดึงพลังงานภายใน กระตุ้นพลังงานภายในออกมาใช้ให้ มาก จะช่วยในการเพิ่มพูนพลังงานภายใน ได้อีกแบบหนึ่ง ก็ตาม แต่ พลังงานภายใน ที่เปลี่ยนแปลง (ถูกดึงออกมาใช้) บ่อยๆ อาจส่งผล กระทบต่อระบบภายในหรือองค์ประกอบอื่นๆ ของความมีชีวิตของคน ก็ได้ ทั้งที่ เราสามารถใช้พลังงานภายนอก ที่เชื่อมโยงมายังร่างกาย ของเราในการทำกิจอื่นๆ ได้มากมาย ดังนั้น เราจึงควรสงวนพลังงาน ภายในกลุ่ม "พลังชีพ" เอาไว้หล่อเลี้ยง, รักษาสมดุลฯ ของชีวิตด้วย


เทคนิกการใช้พลังงานหยาบและพลังงานละเอียด อย่างเหมาะสม


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ พลังงานยังสามารถแบ่งออกได้เป็นพลัง งานหยาบ และพลังงานละเอียดได้ด้วย โดยพลังงานหยาบจะเป็น พลังงานกลุ่มที่มีมลภาวะสูงกว่าพลังงานละเอียด แต่สามารถเข้า ถึงและนำมาใช้ได้ง่ายกว่า ในบางท่านจะฝึก "แผ่พลังงานหยาบ" ออกไปนอกร่างกาย เพื่อรับพลังงานที่ละเอียดกว่าจาก "จักรวาล" เข้ามาแทนที่ซึ่งเรียกว่าเป็นการ "ชำระล้างหรือซักฟอกระบบพลัง งานภายใน" ของเขา นั่นเอง ทำให้พลังงานของเขาละเอียดลงไป เรื่อยๆ จากการไหลเวียนเอาพลังงานหยาบออกไป แล้วนำเข้าพลัง งานที่ละเอียดจากจักรวาลมาแทนที่ ในขณะที่บางท่านกลับแผ่เอา พลังงานละเอียดจากภายในของตนออกมา แล้วรับพลังงานหยาบ ที่อยู่รอบตัวเข้าไปแทนที่ เพื่ออะไร? ก็เพื่อซักฟอกสิ่งแวดล้อมภาย นอก นั่นเอง ในกรณีนี้เขาจึงทำตัวเหมือนดังต้นโพธิ์หรือต้นไม้ที่ซัก ฟอกอากาศโดยรอบให้เป็นอากาศที่ดีขึ้น ใสบริสุทธิ์ขึ้นให้ได้นั่นเอง ทั้งนี้ การหมุนเวียนพลังงานหยาบและละเอียดของแต่ละคน จะแล้ว แต่ความเหมาะสมที่ต่างกันไป ดังที่กล่าวแล้วว่า บางท่านเหมาะสม ที่จะรับพลังงานละเอียดแล้วถ่ายพลังงานหยาบออกไป แต่บางท่าน กลับเหมาะสมแบบตรงข้าม ก็คือ เหมาะสมที่จะรับพลังหยาบเข้าไป แล้วถ่ายเทพลังงานละเอียดออกมาแทน ซึ่งท่านก็ควรทดสอบดูเอง ว่าตัวของท่านนี้ เหมาะสมกับการหมุนเวียนพลังงานในลักษณะใด?


ท่านจะแยกแยะชนิดของพลังงาน เพื่อนำมาใช้อย่างเหมาะสมได้ยังไง?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ เทคนิกในการแยกแยะชนิดของพลังงาน แต่ละ อย่างที่ท่านได้รับ หรือจูนเข้ามาที่ตัวของท่าน อย่างแรกคือ ถ้าท่านมีสิ่ง อำนวยความสะดวก ก็อาจจะใช้เครื่องมือนั้นช่วยในการศึกษาค้นคว้าได้ ทว่า ถ้าท่านไม่มี ท่านอาจจำเป็นต้องพัฒนา "อวัยวะรับรู้" ของท่านเอง เพื่อที่จะได้ใช้สิ่งที่ท่านมีนี้ เป็นเครื่องมือในการศึกษาพลังงานชนิดต่างๆ เช่น การพัฒนาอวัยวะรับสัมผัสพิเศษ หูทิพย์, ตาทิพย์, จิตสัมผัส เป็นต้น ซึ่งแต่ละท่านเมื่อผ่านการพัฒนาแล้ว ก็อาจจะมีความสามารถในการรับรู้ ที่เพิ่มขึ้นได้ หรือแตกต่างกันไป เช่น บางท่านอาจชำนาญการใช้ตาทิพย์ แต่บางท่านอาจชำนาญในการใช้หูทิพย์ หรืออื่นๆ ต่อไปคือ การแยกแยะ พลังงานจักรวาลที่จูนเข้ามาในตัวของท่าน ซึ่งบางครั้ง ท่านไม่อาจทราบ ได้ทั้งหมด ในกรณีที่ท่านมีข้อมูลเก่า เช่น บันทึกการใช้พลังงานชนิดต่าง กัน แล้วให้ผลเป็นเช่นไร? ชัดเจน เช่น ท่านอาจมีข้อมูลทราบว่าพลังงาน ภาคสว่าง จะมีลักษณะสว่างไสว และตรงต่อสัจธรรมความจริง ไม่น้อมสู่ กิเลส ไม่ตามใจกิเลสตัวเองแต่จะตรงต่อความจริงเสมอเมื่อใช้แล้วทำให้ มีปัญญาเข้าใจโลก, เข้าใจคน, เข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น แต่มีข้อควรระวัง คือ พลังงานที่ตรงกันข้าม เช่น พลังงานภาคมืด, พลังงานกลุ่มเยือกเย็น ที่จะเข้ามาทดสอบ, เข้าแทรก, เข้ามาปรับสมดุลได้ อย่างนี้ ท่านมีข้อมูล แล้ว ท่านก็สามารถพัฒนาภูมิปัญญาต่อไปได้ แต่ถ้าท่านค้นพบพลังงาน ชนิดใหม่ๆ ที่ยังไม่มีบันทึกหรือข้อมูลใดเลย ท่านก็อาจจะต้องเริ่มต้นเป็น ผู้บันทึกและศึกษาค้นคว้าพลังงานชนิดนั้นๆ ด้วยตัวของท่านเองก็ได้ครับ


การ "รับช่วงต่อพลังงาน" จากคนอื่น และการ "รับพลังงานโดยตรง"


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ท่านสามารถรับพลังงานได้ทั้งสองวิธี คือ จะ รับช่วงต่อพลังงานจากสังขารมนุษย์ร่างอื่นก็ได้ หรือท่านอาจจะรับโดย ตรงจากแหล่งพลังงานต้นเลย ก็ได้ ซึ่งทั้งสองวิธีมีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่ แตกต่างกัน เช่น การรับช่วงต่อพลังงานจากคนจะทำให้ท่านได้รับข้อมูล จากคนที่ใช้พลังงานชนิดนั้นๆ มาก่อนท่าน แต่บางครั้งเขาอาจให้ข้อมูล แก่ท่านไม่ครบถ้วน เช่น อาจบอกท่านว่ามีฤทธิ์ดี แต่ไม่บอกว่าพลังงานนี้ อาจส่งผลลบต่อตัวเองอย่างไรบ้าง เป็นต้น ดังนั้น ท่านควรจะศึกษาให้ดี ก่อนที่จะ "รับช่วงต่อพลังงานจากใคร" แต่ถ้าท่านรับพลังงานจากแหล่ง พลังงานโดยตรง ท่านก็ต้องเริ่มต้น ค้นคว้า, ทดลอง, เรียนรู้ ฯลฯ ด้วยตัว ของท่านเอง ซึ่งอาจเป็นการเริ่มต้นจาก 0 จากที่ไม่มีครูบาอาจารย์หรือผู้ ช่วยให้คำแนะนำเลย และท่านอาจต้องลองผิด ลองถูกอยู่หลายครั้ง หรือ นานทีเดียว กว่าจะเข้าที่ได้และเข้าใจทั้งยังสามารถใช้พลังงานนั้นๆ ได้ดี ดังนั้น ท่านจึงควรพิจารณาดูให้ดีๆ ว่าการรับช่วงต่อพลังงานจากผู้อื่นกับ การรับพลังงานโดยตรงจากแหล่งพลังงาน แบบไหนที่เหมาะสมกับท่าน?


การพัฒนาคุณภาพของพลังงาน ที่ท่านได้รับจากแหล่งพลังงานต่างๆ


สุดท้ายที่ท่านควรทราบ คือ การพัฒนาพลังงานที่ท่านได้รับจากแหล่ง ต่างๆ เพื่อทำให้พลังงานนั้นเป็นพลังงานที่ดี, ที่มีมลภาวะน้อย, ส่งผล กระทบน้อยต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งท่านสามารถทำได้ สามารถพัฒนา ได้ด้วยตัวของท่านเอง คือ การซักฟอกพลังงาน ทำให้พลังงานเหล่านี้ ใสบริสุทธิ์ขึ้น, สะอาดขึ้น, ละเอียดยิ่งขึ้น และเข้าใกล้ภาวะนิพพานได้ มากขึ้นด้วย ซึ่งพลังงานเหล่านี้เป็นพลังงานที่ดี สะอาด ปลอดภัย ไม่มี ปัญหาและผลกระทบด้านลบ กลับมาสู่ผู้ใช้มากเกินไป แต่ด้วยความที่ มันละเอียดเกินไป มันจึงได้ผลช้าหรือน้อยกว่าพลังงานที่มีความหยาบ มากกว่า และไม่เป็นที่นิยมในการใช้อย่างแพร่หลายมากนัก ทว่า ถ้าผู้ ใช้สามารถพัฒนาการใช้ และพัฒนาคุณภาพของพลังงานเหล่านั้นได้ ก็จะส่งผลดีต่อตัวผู้ใช้เอง และยังส่งผลดีต่อคนอื่นรอบตัวของท่านด้วย


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล จงปลุกพลังดั้งเดิมให้ท่าน สวัสดี


3 ก.ย. 2555

"เสียงจากกูรูด้านพลังงาน"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

2 comments:

susy said...

ดี นะครับ

Honey said...

ท่านเป็นผู้ให้ปัญญาแก่เรา ท่านคือครูบาอาจารย์ของเรา
เราขอกราบท่านด้วยความนอบน้อม //|\\

Post a Comment