ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

คุณกำลังถูกดึงเข้าสู่วังวนของเกมประสาท (Psycho game) ของใครหรือไม่?

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องเกร็ดเล็กๆ ที่ ไม่ถึงขั้นบรรลุธรรมอะไร มาเล่าให้ ฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านอาจจะได้พบใน ชีวิตจริงครับ มันมีมากทีเดียว จะได้ เท่าทันถ้าท่านกำลังตกเป็นเหยื่อของ ผู้ที่กำลังดึงท่านเข้าสู่ "เกมประสาท" ของเขา (Psychologic game) กล่าวคือ มีบางคนสร้างเกมหนึ่งขึ้น มันเป็นเกมทางจิตวิทยาที่เขาจะดึง เราเข้าไปเล่นเกมนั้นด้วย เอาละ ที นี้เริ่มจะเอ๊ะใจแล้วมั้ยครับว่าท่านก็ อาจจะเคยโดนเหมือนกัน งั้นก็มาดู เรื่องนี้กัน แบบง่ายๆ สบายๆ นะครับ


สงครามจิตวิทยา, เกมประสาท ที่คุณอาจถูกดึงเข้าไปร่วมเล่นเกมนั้นด้วย


อย่างแรกคือ คำว่า "psychological games" หมายถึง เกมที่ช่วยฝึก พัฒนาจิตใจของคน นะครับ แต่ผมขออนุญาติเอาคำว่า "psychologic game" (เขียนต่างกันนิดหน่อย) มาใช้อธิบายพฤติกรรมของคนที่ชอบ เล่นเกมประสาท, สร้างกฏกติกา, สร้างเกมทางจิต มาเล่นกับเรา แล้วดึง เราเข้าไปเล่นด้วย เช่น ผู้หญิงอาจงอนผู้ชาย แล้วตั้งกติกาขึ้นมาในใจว่า "ถ้าเขามาง้อนะ จะคืนดีด้วย" แล้วก็เล่นเกมจิตวิทยากับผู้ชาย เพื่อจะให้ เขามาง้อ มาขอคืนดีสารพัดวิธี ถ้าเขามาง้อก็จะรู้สึกว่าตนเอง "ชนะ" แต่ ถ้าเขาไม่มา ก็จะรู้สึกว่า "แพ้" พอแพ้ก็จะกลายเป็น "ขี้แพ้ชวนตี" เกิดมี อาการแปลกๆ อารมณ์แปลกๆ ก่อกวนผู้ชายสารพัดประการ อะไรแบบนั้น นี่แหละครับ ที่เรียกว่า "เกมจิตวิทยา" ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่ทราบครับว่าเขามี กติกาไว้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการและไม่ต้องการ? อะไรที่เรียกว่า แพ้อะไรที่เรียกว่าชนะ เพราะเขาจะไม่ยอมบอกแต่จะกำหนดเองไว้ในใจนี้ แล้วจึงดึงเราเข้าไปร่วมเล่นเกมครับ ทีนี้ ถ้าเราอ่านใจเขาออก เราก็จะรู้ว่า เขาเล่นเกมอะไร? และต้องการอะไร? บางที เราก็จะไม่สนองตอบเขาครับ เพราะจะทำให้เขา "เคยตัวและติดเป็นนิสัย" แก้ไม่หายครับ ดังนั้น จึงจะมี การ "ดัดนิสัย" กันบ้าง เพื่อให้เขา "แพ้" และต้องเลิกเล่นเกมไปเองครับ


คนที่เล่น "สงครามจิตวิทยา, เกมประสาท" คือ คนที่มีสภาพจิตที่ไม่ดี


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ คนที่เล่นเกมประสาท หรือสงครามจิตวิทยา คือ คนที่มีความเครียดมาก, จิตใจไม่ผ่องใส, เป็นทุกข์ และหาทางจะ ระบายความเครียดและความทุกข์นั้นด้วยการ "เล่นเกมประสาท" ไง ละครับ นั่นคือ "ระบบบรรเทาอาการเครียดของเขา" เช่น แฟนเครียด ขึ้นมา ก็อาจจะหาเรื่องทะเลาะกัน เพื่อใช้อีกคน เป็นที่ระบายความตึง เครียดของตน "ที่มีสาเหตุมาจากเรื่องอื่น" ครับ เช่น ผู้ชายถูกเจ้านาย ด่ามา, ตำหนิมามากๆ เครียดเลยมาลงที่ลูกเมีย ได้ครับ โดยที่เขาอาจ จะเล่น "เกมแมวจับหนู" ไล่จับผิดลูกเมีย สารพัดประการ ก็มีได้นะครับ เอาละ "เกมประสาท" มันมีมากมายหลายเกมเหลือเกิน และคนที่เล่นก็ ได้ "ตั้งกฏกติกา" ของตนเองไว้ เหมือนวางหลุมพรางกับดักไว้ โดยจะ ไม่บอกอีกฝ่าย แล้วรอให้อีกฝ่ายตกหลุมพรางเอง ตนเองได้ชัยชนะแล้ว ก็จะรู้สึกสบายใจ ระบายทุกข์ของตนไปได้ แต่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอัน ตรงสาเหตุเลย เป็นการเบี่ยงเบนเอาความทุกข์ไประบายลงอีกที่หนึ่ง ก็ เท่านั้น เมื่อทำบ่อยๆ เข้า ก็จะติดเป็นนิสัยและกลายเป็นการ "ล่าเหยื่อ" คือ เหยื่อตัวหนึ่งไม่ไหวแล้ว รองรับการเล่นเกมไม่ไหว (เช่น ก็อาจหย่า ขาดกันไป) ก็หาคนใหม่ต่อไป มาเป็นเหยื่อในเกมประสาทของตนเอง!


"เกมประสาท" ในคนที่มีพลังจิตมาก อาจกระทำต่อคนเป็นหมู่มากได้?


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ในคนที่มีพลังจิตมากๆ อาจใช้พลังจิตของตน ดึงดูดผู้คนหมู่มาก เข้ามาร่วมเล่นเกมประสาทของตนได้เช่นกัน เช่น คน ที่พยายามหาวิธีดึงคนเข้ามาร่วมในเรื่องราวที่ตนได้สร้างขึ้น เพื่อมุ่งหวัง ให้เกิดผลบางอย่าง เมื่อเกิดผลแล้ว เขาจะรู้สึก "ชนะ" แล้วก็จะสบายใจ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะรู้สึกแพ้และ "เป็นทุกข์" บางเกมประสาท ยังทำ การขยายวงกว้างออกไปในระดับ "สาธารณชน" ก็มีนะครับ เช่น การใช้ จิตวิทยาหมู่กับคนหมู่มาก เพื่อสนองความรู้สึกบางอย่างของตน เยียวยา หรือสนองตอบความต้องการบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มของตน ก็ มี แต่ในการเล่นเกมประสาทนั้น ผู้เล่นจะ "อำพรางตัวเอง" ให้ดูเป็นคนดี เพราะไม่มีใครอยากจะถูกคนมองว่าเป็นคนเลวหรือคนประสาทใช่ไหมละ ครับ เขาจึงต้องทำตัวให้ดูดี, เหมือนคนมาดี, ประสงค์ดี, พูดดี, ช่างพูด ช่างเจรจาดีกับคนทั่วไปหมด นั่นแหละ วิธีการอำพรางตัวเองของเขา ซึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่จะจับไม่ได้ นอกจากคนที่มีความรู้หรือมีระดับจิตใจที่สูงขึ้น ก็จะดูออกได้ไม่ยากครับ ว่าเขาสร้างเรื่องราวมาเพื่อวัตถุประสงค์อันใด? แต่ถ้าท่านอยู่ในระดับ "พลังจิต" ที่ต่ำกว่าเขา ก็จะไม่อาจดูออกได้ว่าเขา สร้างเรื่องมาเพื่อวัตถุประสงค์อันใด และกว่าจะรู้ก็ตกเป็นเหยื่อของเขาไป เสียแล้ว เช่น การใช้สงครามจิตวิทยาระดับประเทศ หรือในระดับโลก ก็มี ดังนั้น ถ้าท่านเริ่มรู้จัก "เกมประสาท" แล้ว ท่านจึงจะเข้าใจถึง "สงคราม จิตวิทยา" ได้ง่ายขึ้นครับ ว่าเขามีวิธีการเล่น หรือกระทำกันอย่างไรบ้าง?


ผู้เริ่มเล่น "เกมประสาท" จะทราบทั้งกติกาและวิธีการชนะเพียงคนเดียว


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ปกติแล้ว "ผู้เริ่มเล่นเกมประสาท" จะเป็นผู้ที่รู้ "กฏกติกา และ วิธีการเอาชนะ" เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาสร้างมัน ขึ้นมาเอง เขาจึงตั้งกฏกติกาลับๆ ขึ้นในใจของเขาเองเพียงคนเดียวโดย ที่ไม่ต้องบอกให้เหยื่อทราบเลยก็ได้ ดังนั้น เหยื่อจึงไม่ทราบว่า ตนได้แพ้ หรือชนะไปเท่าไรแล้ว เสียไปเท่าไรแล้ว ได้มาเท่าไรบ้าง? เพราะเขาจะมี ความรู้ที่ผูกขาดไว้เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เมื่อเขารู้อยู่คนเดียวและหาทาง ชนะได้ฝ่ายเดียวเท่านั้น จึงทำให้เขาเริ่มสนุกและติดใจกับการเล่นเกมซึ่ง อีกฝ่ายไม่มีทางรู้ได้นี้ ทว่า สำหรับท่านที่มี "พลังจิตระดับสูง" อาจจะใช้ การ "อ่านจิต" ของเขาได้ว่าเขาได้สร้างกฏกติกาอะไรไว้บ้าง และต้องมี วิธีการอย่างไรจึงจะชนะหรือพ่ายแพ้ในเกมนั้นก็สามารถที่จะทำให้ฝ่ายผู้ เริ่มเล่นและเป็นคนตั้งและควบคุมกติกาไว้หมดนั้น "พ่ายแพ้ไปเองได้" นี่ ต้องมีพลังจิตในการหยั่งรู้ระดับสูงจริงๆ นะครับ และจะเป็นการเล่นเกมที่ "รู้กันอยู่แค่สองคน" เท่านั้น เพราะคนเริ่มเล่นเกมก็ไม่บอกใคร และคนที่ ถูกดึงให้เป็นเหยื่อก็ไม่สามารถบอกใครได้ เพราะมันเนียนจนเหมือนว่ามี แต่เราคิดไปฝ่ายเดียวหรือเปล่าอะไรแบบนั้นเลยละ ทว่า เมื่อท่านชนะเขา ได้ เขาก็จะมี "อาการแปลกๆ" แสดงออกมา จึงทำให้เราจับได้ว่าเขาเล่น เกมประสาทกับเราจริงๆ เขาตั้งกฏกติกานั้นไว้จริงๆ เช่น เมื่อเขาแพ้เราก็ จะทำตัวเหมือนคนโมโห มีอาการประสาทกำเริบ แสดงออกมาได้เลยครับ


"เกมประสาท" มีทั้งที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์ ก็ได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ เกมประสาทมีทั้งแบบที่สร้างสรรค์ และแบบ ที่ไม่สร้างสรรค์ ในแบบที่สร้างสรรค์อาจเป็นการแข่งขันกันสร้างความ ดีต่อมวลมนุษยชาติ เป็นต้น แต่แบบที่ไม่สร้างสรรค์คือ แบบที่ไม่ก่อให้ เกิดสิ่งดีงามอะไร แต่เป็นไปเพื่อสนองความต้องการทางจิตใจของผู้ที่ เล่มเกมเท่านั้น ก็มี นอกจากนี้ "เกมประสาท" ยังสามารถประยุกต์ ไป ใช้ในงานด้านอื่นๆ ได้อีกมาก เช่น การทำงานเป็นทีม, การสร้างข่าวที่ ไม่ต้องใช้เงินซื้อสื่อ (หลอกล่อให้เกิดการแพร่สะพัดของข่าวนี้ไปเอง) หรืออะไรได้อีกมากมาย ซึ่งมุ่งเน้นไปในทาง "ผลทางจิตวิทยา" ทั้งสิ้น เช่น หวังผลให้เกิดความคิด, ความเชื่อ, การรับรู้ ฯลฯ ที่บิดเบือนผิดไป จากความเป็นจริง เช่น การโยนความผิดให้ฝ่ายอื่นรับไป แล้วยุยงให้มี การทะเลาะบาดหมางกันของสองฝ่ายนั้น ก็ได้ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ได้นำ มาประยุกต์ใช้ใน "การทำสงครามเย็น" ได้มากมายหลายวิธี และยังมี ความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุคนี้อีกด้วย ดังนั้น ท่านสามารถศึกษาสิ่งเหล่า นี้ได้อย่างง่ายดายและมากมาย ในยุคของท่าน เพราะมันกำลังแพร่มาก ขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทีเดียว ทว่า หากท่านนำ หลักการทำสงครามทาง จิตวิทยานั้น มาใช้ในทางสร้างสรรค์ก็ได้เหมือนกัน เช่น การใช้เพื่อการ กระตุ้นความมีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับรากหญ้าในแบบการเข้ามา "ปฏิบัติจริง" ร่วมในเหตุการณ์จริง ไม่ใช่แค่นั่งเรียนในห้องเรียน เป็นต้น


"เกมประสาท" มีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายกติกา แล้วแต่ผู้เล่น


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ เกมประสาทนั้นเริ่มสร้างโดย "ผู้เริ่มเล่น" ที่ ไม่ได้บอกแก่ผู้อื่นก่อน จากนั้นจึงใช้ผู้อื่นมาเป็นเหยื่อในเกมของตน ซึ่ง เขาสามารถที่จะสร้างระบบ, กฏกติกาในการแพ้-ชนะ ต่างๆ ของเขานี้ ขึ้นมาได้เอง "ฝ่ายเดียว" ทำให้อีกฝ่ายที่เป็นเหยื่อไม่ทราบเลย แต่ถ้ามี ความรู้, มีปัญญาพอควร ท่านก็อาจ "อ่านเกมของเขาออก" ได้ว่าเขามี เล่ห์กลมาอย่างไร? เขากำลังต้อนท่านเข้าสู่ "กับดัก-หลุมพราง" นั้นๆ อย่างไรบ้าง? ทว่า บางท่านสร้างเกมขึ้นมาแบบพิเศษ คือ แบบที่ตนเอง ก็ยังไม่รู้กฏกติกาเลย กรณีนี้ก็มีเหมือนกัน ท่านไม่อาจอ่านจิตใจเขาได้ ว่าเขาสร้างเกมมาอย่างไร? มีกฏกติกาอย่างไร? และทำอย่างไรจึงจะ ชนะหรือแพ้ได้? อย่างนี้ก็มี แบบนี้ก็ "ยากที่จะรอด" เลยทีเดียวครับ มี เหมือนกัน แต่ทำได้น้อยมากครับ ดังนั้น เมื่อท่านรู้ตัวแล้ว ว่าท่านกำลัง ตกอยู่ใน "วังวนของเกมประสาท" ที่ใครบางคนสร้างขึ้นมา ท่านก็ต้อง "หาทางออกจากวังวนนั้นให้ได้" เพื่อจะได้ไม่ถูกใครเขา "ปั่นหัวเล่น" อีกต่อไป ทว่า อย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็อาจดูท่านอยู่ และเมื่อท่านแก้เกมนั้น ของเขาได้แล้ว ท่านก็อาจตกอยู่ใน "เกมใหม่" ในทันทีที่ท่านหาทาง ออกมาได้เลยก็มี? (ทางออก ก็คือ ทางเข้าของเกมประสาท เกมใหม่) เอาละ ถ้าท่านเจอแบบนั้นเข้า ท่านจะแก้เกมของเขาอย่างไรดีละครับ?


"เกมประสาท" ที่เป็น "ระบบกลจักรแห่งพลังจิต" นั้นเป็นอย่างไร?


สุดท้ายที่ท่านควรทราบ คือ เกมประสาทบางชนิด สามารถสร้างได้ ถึง "ระบบกลจักรแห่งพลังจิต" เลยทีเดียว เช่น การทำให้คนเข้ามา เชื่อ, ส่งพลังแห่งความเชื่อร่วมกันมากๆ ว่าจะเกิดภัยพิบัติ แล้วก็ใช้ พลังแห่งความเชื่อของพวกเขาเหล่านั้นเองนั่นแหละ ก่อให้เกิดสิ่งที่ เรียกว่า "ภัยพิบัติ" ขึ้นมา คนทั้งกลุ่มที่ร่วมเล่น ที่รวมพลังความเชื่อ นั้นๆ ก็จะ "ดีใจ" เหมือนตนได้ชนะแล้วว่าสิ่งที่ตนเชื่อนั้นๆ เป็นความ จริงขึ้นมาได้ สะใจ สบายใจ "ฉันชนะคนที่ไม่ยอมเชื่อฉันแล้ว" อะไร แบบนั้น แล้วก็เข้าสู่วังวน "รอบต่อไป" คือ การทำให้เชื่อว่าจะมีภัยที่ มาอีกใหม่ๆ อีกไปเรื่อยๆ ก็จะมีพลังดึงดูดคนให้หมุนวนอยู่กับสิ่งนี้ ใน ระบบพลังจิตที่ร่วมกันสร้างขึ้นมานี้ ต่อไปและต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด ทว่า "ระบบกลจักรแห่งพลังจิต" ที่สร้างสรรค์ ก็มี บางแบบสร้างขึ้นมาเพื่อ ให้โลกก้าวไปข้างหน้าในแบบที่พวกเขาต้องการ เช่น ระบบทุนนิยม ก็ ต้องมี "ระบบความเชื่อ" บางอย่างที่ทุกคนที่ก้าวเข้ามาจะต้องส่งพลัง แห่งความเชื่อมา "ลงทุนทางพลังจิตร่วมกัน" เอาง่ายๆ เช่น คนที่เขา "กู้เงินไปลงทุน" เขาก็ต้องเชื่อก่อนใช่ไหม ว่าสิ่งที่เขาทำ จะได้กำไร คืนกลับมาอย่างแน่นอน นั่นแหละ เขาได้แชร์พลังจิตร่วมในระบบนี้ไป แล้ว และเขาก็ต้องร่วมเล่มเกมจิตวิทยาระดับโลกนี้ด้วยกันกับคนอื่นๆ เขาทั้งหลายต้องใช้พลังจิต พลังแห่งความเชื่อ ร่วมกันเพื่อขับดันให้ สิ่งที่พวกเขาเชื่อนั้นเป็นความจริงขึ้นมา พวกเขาจึงจะชนะได้ นั่นหละ "เกมจิตวิทยาระดับโลก" ละ เห็นไหมว่าสิ่งที่ผมแนะนำให้ท่านศึกษา นี้ "มันไปสู่ระดับโลก" ได้อย่างไร เอาละ เอาแค่นี้ก่อนจะเครียดเกินไป


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล ช่วยท่านเลื่อนระดับจิตใจ สวัสดี


2 ก.ย. 2555

"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment