ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

Freemason

ฟรีเมสัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
th.wikipedia.org

องค์กรฟรีเมสัน (อังกฤษFreemasonry) เป็นองค์กรภราดรภาพที่มีที่มาของเบื้องหลังอันลึกลับตั้งแต่ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 องค์กรฟรีเมสันในปัจจุบันมีด้วยกันหลายรูปหลายแบบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีสมาชิกประมาณ 5 ล้านคนที่รวมทั้งเกือบ 2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และราว 480,000 คนในอังกฤษสกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์[1][2] แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดองค์กรฟรีเมสันจะถือปรัชญาจริยธรรม และอภิปรัชญาเดียวกันที่ในเกือบทุกกรณีก็จะเป็นการประกาศธรรมนูญของความเชื่อใน “ผู้เหนือสิ่งทั้งปวง” (Supreme Being)[3]
องค์กรฟรีเมสันจัดระบบบริหารเป็นหน่วยที่เรียกว่า “แกรนด์ลอดจ์” (Grand Lodges) หรือ “แกรนด์โอเรียนท์” (Grand Orients) แต่ละหน่วยก็จะมีอำนาจบริหารเครือข่ายของตนเอง ที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยหรือ “Constituent Lodges” แกรนด์ลอดจ์บ่งตนเองระหว่างกันได้โดยกระบวนการที่เรียกว่า “บัญญัติเมสัน” (Masonic Landmarks) และ “ระเบียบเมสัน” (Regular Masonic jurisdictions) นอกจากนั้นก็ยังมี “องค์กรเมสันย่อย” (Masonic bodies) ที่มีความสัมพันธ์กันองค์กรหลักแต่มีระบบการบริหารของตนเอง
องค์กรฟรีเมสันใช้อุปลักษณ์ของเครื่องมือช่างหินและวัดโซโลมอนที่ทั้งสมาชิกขององค์กรและผู้วิพากษ์กล่าวว่าเป็น “ระบบของจริยธรรมที่พรางอยู่เบื้องหลังอุปมานิทัศน์ ที่ออกมาในรูปของสัญลักษณ์”[4][5]



องค์กรฟรีเมสัน สาส์นลับที่สาบสูญ



องค์กรฟรีเมสัน (Freemasonry) เป็นองค์กรภราดรภาพที่มีที่มาของเบื้องหลังอันลึกลับตั้งแต่ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 องค์กรฟรีเมสันในปัจจุบันมีด้วยกันหลายรูปหลายแบบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีสมาชิกประมาณ 5 ล้านคนที่รวมทั้งเกือบ 2 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และราว 480,000 คนในอังกฤษ, สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดองค์กรฟรีเมสันจะถือปรัชญาจริยธรรม และอภิปรัชญาเดียวกันที่ในเกือบทุกกรณีก็จะเป็นการประกาศธรรมนูญของความเชื่อใน ผู้เหนือสิ่งทั้งปวง (Supreme Being)

ฟรีเมสันส์เคยถูกมองว่าเป็นสมาคมลับ แต่พวกฟรีเมสันส์เองมองว่าพวกตนไม่ใช่สมาคมลับ แต่เป็นสมาคมที่กุมความลับต่างหาก

จะเห็นว่ามีการสมัครบุคคลเข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์กันเปอะปะ คำประกาศรับสมัครเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์ที่ท่านเห็นนั้น มักจะไม่เป็นความจริง เพราะการเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์จริงๆจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก จะต้องเป็นชายที่มีความเป็นอิสระ ไม่ผูกพันเชื่อในความมีตัวตนของพระผู้เป็นเจ้า (จะพระเจ้าตามความเชื่อของชาวคริสต์หรือศาสนาอื่นไม่ก็ได้) มีอายุไม่ตํ่ากว่า 18 ปี ต้องมีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม และข้อสุดท้ายก็คือ จะต้องมีชาติกำเนิดที่เป็นไท ไม่เคยตกเป็นทาส

  
สมัยก่อน ห้ามผู้หญิงเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์อย่างเด็ดขาด จนกระทั่งวันหนึ่ง เอลิซาเบธ อัลด์เวิร์ธ มองลอดช่องอิฐผนัง บังเอิญไปพบเห็นการประกอบพิธีกรรมขององค์กรนี้ที่บ้านของคุณพ่อ เมื่อถูกจับได้ ชาวฟรีเมสันส์จึงแก้ไขปัญหาด้วยการยอมรับเธอเข้าเป็นสมาชิกหญิงคนแรก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็จึงเกิดองค์กรของสมาชิกฟรีเม-สันส์ที่รับผู้หญิงเข้าร่วมด้วย 
ก่อนที่จะเข้ารับพิธีกรรมเป็นฟรีเมสันส์เต็มตัว ผู้จะเป็นจะถูกเรียกว่า แคนดิเดต ที่มีความหมายว่า ผู้ถูกเสนอตัว คนที่เป็นแคนดิเดต จะสวมเสื้อและกางเกงธรรมดา แต่จะต้องพับแขนเสื้อขึ้นไปข้างหนึ่ง ขากางเกงก็จะพับขึ้นไปอีกข้างหนึ่ง ปล่อยข้างหนึ่ง จะต้องถูกผูกตาด้วยผ้าผูกตาสีดำ ซึ่งหมายถึงว่า ก่อนจะมาเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ ยังคงอยู่ในโลกมืดที่มืดมน แคนดิเดตจะมีเชือกผูกเงื่อนคล้องที่คอ ต้องปล่อยปลายเชือกไว้ให้กับสมาชิกฟรีเมสันส์คนอื่นเป็นผู้ถือ 


แคนดิเดตจะถูกนำไปอยู่ตรงระหว่างเสา ต้น ที่หน้าโต๊ะบูชา เสาทั้ง ต้นนี่แทนสัญลักษณ์ของเสา ต้น ที่เคยอยู่ตรงหน้าวิหารแห่งโซโลมอน ระหว่างเสาต้น จะมีโต๊ะบูชาที่มีคัมภีร์ฟรีเมสันส์เปิดอยู่ หน้าที่เปิดของคัมภีร์จะมีสัญลักษณ์ไม้ฉากและวงเวียนวางอยู่ ที่นี่แคนดิเดตจะทำพิธีให้สัตย์สาบานปฏิญาณตน ว่าจะเชื่อในพระเจ้าของฟรีเมสันส์ และจะกระทำตนตามแบบอย่างของฟรีเมสันส์ คำปฏิญาณข้อสำคัญของแคนดิเดตก็คือ จะต้องรักษาความลับของหมู่คณะเท่าชีวิต


คนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกขององค์กรลับตั้งแต่เด็กๆ องค์กรเหล่านี้รับสมาชิกยากมากจริงๆ แต่เมื่อรับไปแล้ว สมาชิกก็จะเขยิบขึ้นเป็นคนระดับโลก เดินทางมาไหนไปประเทศใด จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจัดการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง เมื่อปฏิบัติ การงานสิ่งใด ก็จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจำกัดศัตรูเพื่อให้ท่านใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น


                แต่ทว่าความลับเหล่านั้นคืออะไร ซึ่งใครๆต่างก็อยากรู้ ซึ่ง Freemasonry ก็มีความคล้ายคลึงกับ illuminati มีบทบาทในการรองรับความหิวกระหายเสรีภาพ-ความเสมอภาค-ภราดรภาพ ไม่ต่างจาก Freemasonry แต่ illuminati จะเป็นคู่ปรับกันกับศาสนจักรมาแต่โบราณ เพราะหันมาเอาดีทางด้าน ความรู้ ซึ่งคิดหรอว่าศาสนจักรสมัยนั้นจะยอม จึงมีการสังหารนักวิทยาศาสตร์หลายต่อหลายคนในฐานะที่ลบหลู่พระเจ้า (แต่ดูไปดูมาเหมือนกับว่าศาสนจักรสมัยนั้นจะหัวรุนแรงมากๆ) เฮ้อ....!!! คนเรา 

                แต่ถึงอย่างไรวิทยาศาสตร์ก็คงหาคำตอบในสิ่งที่ยังเป็นความลับต่อไป ถึงกระนั้นก็เหอะพี่น้องบางครั้งวิทยาศาสตร์ก็เป็นศาสตร์มืดที่น่ากลัว เช่น ระเบิดปรมณู  อาวุธต่างๆ ที่จ่อกะบาลเราอยู่ทุกวันไม่รู้ตัว เอาหน่าคับ มีมืดก็มีสว่าง มันก็ยังดีนะที่ทำให้เราได้ปวดหัวเวลาสอบ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บางครั้งก็คิดนะว่า จะเอาไปใช้อะไรได้บ้างนิ  แต่องค์กรนี้ก็ถูกถ่ายทอดเรื่องราวบนนวนิยายเรื่อง The lost Symbol ของ dan Brown ติดตามกันดูนะคับ ภาคต่อ Angle&Demond
  
เครดิต http://en.wikipedia.org/wiki/Freemasonry   มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment