ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ระดับของจิตวิญญาณ และสัมพันทธภาพกับโลกในมิติต่างๆ ล้วนต่างกันไฉน?

สวัสดีครับ ผมยังคงกล่าวเรื่องพื้นฐานเพิ่มเติมในรายละเอียดบางแง่มุมอีกนิดคือเรื่อง "การเลื่อนระดับ" อันจะมีผลต่อ"สัมพันธภาพของคุณด้วย" โดยจะส่งผลให้คุณมีสัมพันธภาพที่เชื่อมโยงไปสู่โลกในมิติที่ต่างกัน ในระดับของความหนาแน่นที่ไม่เท่ากัน กล่าวคือ ในความจริงองค์รวมนั้น เราไม่อาจแบ่งแยกตัวเองออกจากโลกในแต่ละมิติได้ เราล้วนมีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับทุกโลกในแต่ละมิติ ทว่า เราจะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับโลกในแต่ละมิติในระดับของความหนาแน่นที่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้วิถีชีวิตของเราแตกต่างกันด้วย เช่น ทำให้เรามีชีวิตที่เรียบง่ายหรือยุ่งเหยิง ก็เป็นได้


วันนี้ เรามาศึกษาเรื่องนี้พร้อมๆ กันครับ



ท่านจะรู้สึกเหมือนอยู่สวรรค์ชั้นต่างกันได้ หลังจากเลื่อนระดับไปแล้ว?


ผลจากการเลื่อนระดับ ทำให้สัมพันธภาพของท่านกับโลกในมิติต่างๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงในด้าน "ความหนาแน่นของสัมพันธภาพ" ได้ เหมือนกับท่านอยู่สวรรค์ชั้นต่างกันอย่างนั้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อท่านมีระดับต่ำอยู่ ท่านอาจมีชีวิตที่ยุ่งเหยิงซับซ้อนมาก เหมือนพลังงานของโลกระดับสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง แต่เมื่อท่านเลื่อนระดับสูงขึ้นไปมากๆ ท่านอาจมีชีวิตอันแสนเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน เหมือนพลังงานของโลกระดับสวรรค์ชั้นหกเป็นต้น แต่มันไม่ได้แปลว่าท่านขึ้นสวรรค์จริงๆ ทันที หรือท่านเชื่อมโยงแต่สวรรค์ชั้นนั้นๆ หรอกนะ เพราะขณะที่ท่านยังมีสังขารเป็นคนอยู่ ท่านจะมีสัมพันธภาพแบบองค์รวมที่เชื่อมโยงทุกๆ มิติ แต่จะมี "ความหนาแน่นในสัมพันธภาพ" ที่ต่างกัน ก็เท่านั้นเอง ผลคือ บางครั้ง ท่านอาจจะรู้สึกแบ่งแยกตัวเองจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับอื่นๆ ได้ ทั้งๆ ที่เขายังอยู่รอบตัวท่านแท้ๆ อันอาจส่งผลไปสู่ความคิดเชิงแบ่งแยกชนชั้นได้ ทว่า ถ้าท่านเข้าใจว่าท่านไม่ได้ถูกแบ่งแยกอย่างนั้น ท่านเชื่อมโยงทั้งหมดทุกมิติ เพียงแต่มี "ความหนาแน่นในการเชื่อมโยงในแต่ละมิติต่างกัน" ก็เท่านั้นเอง โดยจะมี "มิติหนึ่ง" ที่ท่านจะมีพลังเชื่อมโยงหนาแน่นเป็นการพิเศษ นั่นคือ สิ่งที่สะท้อนถึง "ระดับที่ท่านเลื่อนขึ้นไปได้" และส่งผลต่อวิถีชีวิตของท่านด้วย



จิตวิญญาณสามารถพัฒนาตนเองได้ใน "โลกทุกๆ มิติ" แม้มันไม่จริง?


เมื่อท่านเลื่อนระดับสูงมากแล้ว ท่านจะพบว่ามันไม่มีทั้งความจริงและเท็จมันเป็นเหมือนโลกในมิติที่ต่างกัน เท่านั้นเอง นั่นคือ โลกในมิติแห่งความจริง และโลกในมิติแห่งความเท็จ ซึ่งมีทั้งสองมิติ แล้วแต่ว่าท่านจะศึกษาเข้าใจได้มากแค่ไหน หรือแม้แต่โลกในมิติของจินตนาการและโลกในมิติของหลักการเหตุผล ฯลฯ ทว่า ไม่ว่าจะเป็นโลกในมิติใด จิตวิญญาณนั้นล้วนสามารถพัฒนาตนเองได้ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น นางสาว สวย ถูกเขาหลอกว่าให้พยายามเอาน้ำรดหินแล้วถ้าหินงอกจะบรรลุธรรม ถ้านางสาวสวยคิดว่าตนเองถูกหลอก มันไม่จริง มันเป็นความเท็จ สิ่งที่นางสาวสวยทำมาทั้งหมด ก็อาจเป็น 0 ได้ (สมมุติว่าถูกหลอกให้ทำมา 10 ปี) แต่ว่าถ้านางสาวสวยคิดได้ว่า "เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัฒนาตนเองในโลกแห่งกุศโลบาย" ละ เธอก็อาจต่อยอดการพัฒนาของตนเองไปจนถึงที่สุดแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณได้ เอาละ ดังนั้น ในระดับมิติที่สูงมากๆ มันไม่มีทั้งความจริงหรือความเท็จ, จินตนาการหรือหลักการเหตุผล ฯลฯ มันเป็นมิติของโลกในแบบต่างๆ กัน ที่ให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง ก็เท่านั้นเองดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรให้เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกเชิงวัตถุ แล้วจึงจะเลื่อนระดับขึ้นไปได้ มันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป คุณสามารถที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปได้ ด้วยการพัฒนาตัวเองในมิติอื่น ของโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็น "มิติแห่งจินตนาการ ก็ดี, มิติแห่งความเท็จ" ก็ดี ฯลฯ ก็ได้ทั้งหมด



จิตวิญญาณที่อยู่ในมิติที่สูงมากๆ ล้วนเห็นโลกในมิติที่ต่ำกว่าได้หมด


กรณีที่ถ้าคุณสามารถเลื่อนระดับของตัวคุณเองไปสู่มิติที่สูงกว่าได้แล้วคุณจะสามารถมองลงมาแล้วเห็นโลกในมิติที่ต่ำกว่าได้ทั้งหมด เช่น ถ้าคุณเลื่อนระดับตัวเองไปเหนือกว่าโลกในมิติแห่ง "ความจริง-ความเท็จ" ได้ คุณก็จะเห็นโลกทั้งสองด้าน ทั้งด้านความจริงและด้านความเท็จ ซึ่ง"ทั้งสองด้าน ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสัจธรรมสากลทั้งสิ้น" ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านความจริงเท่านั้นที่เป็นส่วนหนึ่งของสัจธรรมสากลก็หาไม่ เมื่อนั้นท่านจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงได้ทั้งโลกในมิติของความจริงและความเท็จ ก็จะไม่ถูกความจริงที่รับได้ยาก ทำร้ายจิตใจ หรือถูกความเท็จทำให้ตัดสินใจผิดไป ท่านไม่ได้รับผลร้ายจากทั้งความจริงหรือความเท็จเลย เมื่อท่านเลื่อนระดับตัวเองขึ้นไปเหนือมิติของโลกแห่งความจริงและความเท็จ แล้วนั่นคือ "การเลื่อนระดับตัวเองขึ้นไป เพื่อความเข้าใจทั้งสองด้าน" มิใช่ไปปฏิเสธด้านหนึ่งเพื่อเปิดรับเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของโลกนี้ เพราะวิธีเช่นนั้น ไม่อาจทำให้ท่านบรรลุธรรม และเข้าใจในสัจธรรมสากล อย่างแท้จริง



อย่าทำลายสัมพันธภาพของคุณกับโลกในมิติที่แตกต่างเพื่อเลือกมิติเดียว


บางท่าน "กำลังทำลายสัมพันธภาพของตนเองที่เชื่อมโยงสู่โลกในมิติที่แตกต่าง" เช่น การไม่ยอมรับความโลกในมิติแห่งความเท็จ, จินตนาการ, โลกมายา, โลกการ์ตูน, โลกแห่งละคร, โลกแห่งความฝัน ฯลฯ ท่านไม่มีความจำเป็นต้องบีบตัวเองให้อยู่ในโลกเพียงมิติเดียวที่ท่านคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะเห็นโลกได้ในมุมเดียวที่แคบมาก มีโลกทัศน์ที่แคบมาก และไม่อาจเห็นโลกในหลากหลายมิติได้ ทั้งๆ ที่โลกในมิติต่างๆ พยายามเชื่อมโยงคุณให้คุณเข้าไปศึกษา และพัฒนาตนเองแล้วแท้ๆ คุณกลับพยายามทำลายโอกาสใหม่ๆ ในการเรียนรู้ของตนเองไป นั้น "น่าเสียดาย" แท้ๆ ดังนั้น คุณไม่ควรปฏิเสธมัน ไม่ควรเห็นว่ามันเป็นความเท็จ จึงคิดว่ามันไม่มีสัจธรรม หรือเห็นว่ามันเป็นจินตนาการ มันจึงไม่มีสัจธรรม ฯลฯ นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย! คุณกำลังเสียโอกาสในการศึกษาและพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองในมิติอื่นๆ ของโลกนี้ไปเสียแล้ว



การโฟกัสโลกในหนึ่งมิติ แล้วขยายผลไปสู่มิติต่างๆ ทุกๆ มิติของโลก


ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าท่านจะมีความหนาแน่นของสัมพันธภาพต่อโลกในมิติต่างๆ "ที่ต่างกัน" และจะมี "หนึ่งมิติ" ที่ท่านจะมีความหนาแน่นของพลังสัมพันธภาพสูงสุด นั่นคือ "ระดับของท่าน" ที่ท่านเลื่อนตัวท่านเอง ขึ้นไปได้ ทว่า ท่านก็ยังมีพลังเชื่อมโยงกับโลกในมิติอื่น อีกด้วยในขณะเดียวกันดังนั้น ในขณะที่ท่านโฟกัสในมิติที่อยู่ในระดับของท่าน ท่านก็ยังต้องมีการเชื่อมโยงไปยังมิติอื่นๆ ที่สูงหรือต่ำกว่าระดับของท่านอีกด้วย ไม่ใช่การตัดหรือแบ่งแยกมิติ เช่น การไม่เปิดรับฟังความเท็จ เพราะเห็นว่า มันคือความเท็จ อย่างนั้น ท่านก็จะตัดสัมพันธ์ของตัวเองจากโลกในมิติแห่งความเท็จไป ท่านก็อาจจะไม่ได้เรียนรู้ "บางสิ่ง" ที่โลกในมิติแห่งความเท็จกำลังจะบอกแก่ท่าน เพียงเพราะท่านเห็นว่ามันเป็น "ความเท็จ" ท่านจึงยึดติดกับ"ว่ามันเป็นความเท็จ" ก็เท่านั้นเอง แท้แล้วท่านกำลังจมปลักอยู่ ไม่ได้ยกระดับตัวเองขึ้นจากวังวนของความจริงและความเท็จเลย ท่านจึงเลือกโลกในมิติใดมิติหนึ่ง (เลือกความจริง หรือความเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่ง) นี่จะทำให้ท่านสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาจิตวิญญาณในโลกแห่งความเท็จไป และท่านจะไม่เข้าใจว่าทำไมโลกต้องมีความเท็จ หรือคนบางคนทำไมต้องพูดความเท็จ? นี่เป็นเพราะท่านกำลังจมอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงมากเกินไป นั่นเอง แต่ถ้าท่านยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ มันจะทำให้ท่านเห็นโลกในมิติทั้งสองนี้อย่างถ้วนทั่ว และท่านจะเข้าใจมันได้ทั้งหมด



การท่องไปในมิติต่างๆ ของโลก เพื่อไม่ให้ท่านหลงโลกในมิตินั้นๆ?


ทว่า หลายท่าน ยังอ่อนแอมาก และจะได้รับผลกระทบอย่างสูงเมื่อได้เข้าไปท่องโลกในมิติบางมิติเรียกว่ามีความอ่อนไหวต่อมิตินั้นๆ สูง เช่น บางคนไม่อาจรับฟังความจริงบางอย่างได้ ไม่พร้อม หรือจิตใจอ่อนแอเกินไปกว่าที่จะรับฟังความจริงนั้นๆ ได้, บางคนหลงเชื่อความเท็จได้ง่ายและใช้ข้อมูลเท็จมาตัดสินใจแทนที่จะใช้ประกอบการพิจารณาแบบรอบด้านและยังมีอีกหลายกรณีที่บุคคลหลงเข้าไปในโลกมิติอื่นๆ แล้วได้รับผลกระทบมาก หรืออ่อนไหวต่อโลกในมิตินั้นๆ มากเกินไป ดังนั้น การท่องไปในมิติที่ต่างกันของโลกนี้ จึงจำเป็นต้องมีความชำนาญในมิตินั้นๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นก็อาจได้รับอันตรายหรือผลกระทบจากโลกในมิติที่ตนหวั่นไหวได้ง่ายด้วยอย่างไรก็ตาม ในการเลื่อนระดับนั้น ท่านจำเป็นต้องเข้าไปเรียนรู้โลกในมิติต่างๆ เหล่านี้ จึงจะผ่านการทดสอบและเลื่อนระดับขึ้นไปได้ ท่านไม่อาจจะเลี่ยงการเรียนรู้เหล่านี้ได้เลย ดังนั้น ท่านจึงจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ให้"พร้อมเสมอที่จะเรียนรู้โลกในทุกๆ มิติด้วย เพราะมันจะช่วยให้ท่านเลื่อนระดับตัวเองให้สูงขึ้นไปได้ง่ายขึ้น" ดังนั้น ท่านจึงไม่ควรปฏิเสธหรือปิดกั้นตัวเองกับโลกในมิติต่างๆ เลย เพราะนี่คือ โอกาสในการเลื่อนระดับ นั่นเอง



เทคนิกในการโฟกัสและการเลือกเปิดรับโลกในมิติต่างๆ อย่างปลอดภัย


เพื่อให้ท่านที่อาจจะยังไม่เข้มแข็งพอสำหรับโลกในบางมิติ ดังนั้น ท่านจึงอาจจะต้องใช้ "การโฟกัสโลกในบางมิติ" เพื่อศึกษา, เรียนรู้ และ พัฒนาตนเอง ก่อนเป็นเบื้องต้น, ก่อนที่จะเข้มแข็งมากพอที่จะเข้าไปสู่โลกในมิติอื่นๆ ต่อไป ดังนั้น ในระหว่างที่ท่านยังไม่พร้อมที่จะเรียนรู้โลกในบางมิติที่ท่านอ่อนไหวมากเกินไป ท่านจึงควรโฟกัสตนเองให้มีความหนาแน่น ทางพลังสัมพันธภาพต่อมิติที่ท่านต้องการเรียนรู้ และ "เลือกเปิดรับ" พลังซึ่งสัมพันธ์กับโลกในมิติต่างๆ ด้วย เมื่อท่านไม่เลือกเปิดรับ ท่านจะได้รับพลังงานเชิงซ้อนจากโลกในมิติที่ต่างกันมากเกินไป ยุ่งเหยิงไปหมด และท่านก็อาจได้รับผลกระทบจากมันโดยไม่จำเป็น ดังนั้น ทางแก้จึงไม่ใช่การปิดกั้นหรือปฏิเสธ แต่เป็นการ "เลือกรับ และโฟกัส" การเรียนรู้โลก เป็นมิติๆ ไป ก่อนที่จะเลือกรับและโฟกัส "โลกในมิติอื่นๆ" ต่อไปในอนาคต วิธีนี้ ก็จะช่วยให้ท่านไม่ได้รับผลกระทบต่างมิติที่ท่านอ่อนไหวอยู่ มากเกินไปได้



สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกแก่คุณว่ามันน่าตื่นเต้นและน่าท้าทายมากถ้าคุณได้เห็น "โลกในมิติที่ลี้ลับต่างๆ" ด้วยตัวของคุณเอง เช่น โลกในมิตของพลังงาน, โลกในมิติของจิตวิญญาณ ฯลฯ เอาละ คุณจะได้เห็นและได้เรียนรู้มันแน่ "ถ้าคุณเลื่อนระดับไปถึงมันได้" แต่ถ้าคุณไม่อาจเลื่อนระดับไปถึงมันได้ คุณอาจจะคิดว่าในโลกนี้ "ไม่มีโลกในมิติอย่างที่กล่าวถึงนั้นเลย" น่าเสียดายจริงๆ นี่เป็นเพียงข้อสรุปที่เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ บางท่านจึงคิดว่ามันไม่มีอยู่จริง บางคนก็ด่วนสรุปและคิดไปแล้วว่ามันไม่มีจริงทั้งๆ ที่ยังไม่เคยพิสูจน์มันด้วยซ้ำไม่น่า คุณคงไม่ได้เป็นคนล้าหลังเช่นนั้นหรอกนะ คุณคงยังมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในสายเลือดบ้าง คงยังมีแรงบันดาลใจที่จะพิสูจน์ในสิ่งที่ยากแก่การพิสูจน์อยู่บ้างน่า อย่าเพิ่ง "ปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้" โดยที่คุณยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่เลย รอให้คุณได้ศึกษา, พิสูจน์มันได้จริงก่อนว่ามันไม่มีอยู่จริง แล้วคุณค่อยสรุปว่ามันไม่จริงนะ


ขอให้ แรงบันดาลใจแห่งการค้นหาความจริง ยังคงอยู่กับท่าน สวัสดี ...



2 ก.ค. 2555


"เสียงจากดาวแห่งสัมพันธภาพ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment