ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

การหลอมรวมอัลฟ่าและโอเมก้า และ 5 มหาปะลัย เพื่อการเชื่อมโยงโลกสองขั้ว

ที่รักทั้งหลาย ในเวลานี้โลกของท่านยังเป็นโลกที่มี "สองขั้ว" อยู่ แต่มันกำลังจะถูกทำให้เป็น "โลกสองขั้ว" แต่ ไหลเวียนเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่คุณเห็น โลกขั้วตะวันออกและโลกขั้วตะวันตก สองขั้วโลก, สองซีกโลกเข้ากันไม่ได้แต่กำลังจะเชื่อมโยงเข้าหากัน ลองถึงนึกระบบไฟฟ้าดูนะเวลาที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีขั้วสองขั้ว มันก็จะเกิดการไหลเวียนของสองขั้วนั้นๆ สิ่งนี้จะช่วยในการขับเคลื่อนโลกได้ทว่า ถ้ามันถูกหลอมรวมจนกลายเป็นศูนย์ คือ ไม่มีขั้วไปหมด ไม่มีประจุเลยมันก็จะหยุดไหลเวียนทันที เหมือนกับหัวใจของโลกหยุดเต้น ไฟฟ้าหยุดไหลนั่นแหละ เอาละ เราจะหลอมรวมแบบนั้นไม่ได้ (จะให้ทั้งโลกนี้มีเพียงระบอบการปกครองเพียงอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ได้)


โลกสามารถขับเคลื่อนไปได้เหมือนระบบไฟฟ้าสองขั้วที่เชื่อมโยงเข้าหากันอย่างมีศิลปะและวิทยาการ ไม่ใช่การทำให้มันมีสภาพเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดไปทั้งโลกนะแบบนั้น มันจะกลายสภาพเป็น 0 ไม่มีขั้วบวกและลบ และไฟฟ้าจะหยุดไหล หัวใจของโลกก็จะหยุดเต้นได้ เอาละ เรามาคุยเรื่องนี้กัน (ผมจะพยายามทำให้ง่ายที่สุด)



การไหลเวียนของ "ขั้วพลังใหม่" และ "ขั้วพลังคลาสสิค" ของโลก


โลกจะถูกทำให้มี "สองขั้ว" คือ "ขั้วพลังงานใหม่" ซึ่งเชื่อมโยงพลังงานมาจากจักรวาล (นอกโลก) เป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนโลก ไปสู่โลกอนาคตและคนที่จะเข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้จะเป็น "คนกลุ่มพลังงานใหม่" และ "คนจากภัทรกัปหน้า" (พวกที่จะได้นิพพานในยุคนั้น) ในขณะที่อีกขั้วคือ"ขั้วพลังงานคลาสสิค" ที่ใช้พลังงานจากในโลกนี้ส่วนคลาสสิค เป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนโลกให้ดำรงคงไว้ซึ่ง "ความเป็นภัทรกัปนี้" ไม่ให้ภัทรกัปนี้สิ้นไปก่อนเวลาอันควร และคนที่จะเข้ามาทำกิจในส่วนนี้ก็คือ "คนกลุ่มที่มีพลังคลาสสิค หรือ คนในภัทรกัปนี้" (หรือที่จะได้นิพพานในภัทรกัปฯ นี้) เอาละ เพื่อให้เห็นชัดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ก็จะกล่าวถึงพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนระบอบการปกครองสองแบบของโลกนี้ คือ "พลังงานใหม่จะใช้ในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตย" และ "พลังงานคลาสสิคจะใช้ในการขับเคลื่อนระบอบตรงกันข้าม" แล้วโลกนี้จึงจะมีความสมดุล แต่เราไม่อาจจะหลอมรวมทั้งสองนี้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ เพราะจะทำให้มันกลายเป็น"ศูนย์" คือ ขั้วบวกและลบ จะถูกทำให้กลายเป็นกลางไปหมด แล้วมันจะไม่มี "ความแตกต่างเป็นแรงขับดันในการไหลเวียนของพลังงานในโลก"



เชื่อมต่อ "ไฟฟ้าขั้วโลก" อย่างไร? ไม่ให้กลายเป็น "ไฟฟ้าช้อต"


ปัญหาก็คือ จะต่อเชื่อมวงจรไฟฟ้าสองขั้วของโลกนี้อย่างไร จึงจะไม่เกิด "กระแสไฟฟ้าลัดวงจร"? เพราะถ้าคุณต่อเชื่อมผิดวิธี บางครั้ง มันอาจจะทำให้กลายเป็น 0 ก็ได้ หรือกลายเป็นไฟฟ้าช้อตก็ได้ เอาละ ตั้งสติดีๆ คุณจะต้องเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าสองขั้วโลกนี้ใหม่ เพราะตอนนี้ "มันผิดพลาดไปเล้กน้อย" และ "มันกำลังจะช้อต" เสียแล้ว เมื่อใดที่มันเกิดการช้อตขึ้นมันก็จะเกิดประกายไฟและใหม้ลุกลามไปทั่วโลกได้ แสดงว่าคุณกำลังต่อเชื่อมมัน "ผิดจุด" เสียแล้ว อย่าเลย อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงขั้วโลกให้หมดความแตกต่างไป เพราะมันจะทำให้กระแสไฟฟ้าหยุดการไหลเวียน! หรือไม่ก็กลายเป็น "ไฟฟ้าช้อต" ไปเสียก่อน แทนที่มันจะ "ก้าวหน้า" มันกลับจะต้องย้อนถอยหลังไปเริ่มนับ 0 กันใหม่อีกรอบ หวังว่าพวกคุณคงไม่อยากให้มันต้องกลายเป็นเช่นนั้นนะ ระหว่างที่ "โลกกำลังเชื่อมต่อกันนี้" คุณควรจะ "ระวังการเชื่อมต่อให้มาก" อย่าให้การเชื่อมต่อผิดพลาด เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของไฟฟ้าขั้วโลกทั้งสองขั้วได้อย่างราบรื่น ตกลงไหม



เริ่มต้นจาก "การหลอมรวมอัลฟ่าและโอเมก้า" ขึ้นมาเป็น "ต้นแบบ"


เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด จึงใช้สิ่งที่เล็กลงเป็นต้นแบบเพื่อจะทำการทดลองให้ได้แบบที่ถูกต้องก่อน นั่นคือ การทดลองหลอมรวมระบบ"ไฟฟ้าสองขั้ว" ในตัวมนุษย์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุด (ซึ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงที่สุด) ดังนั้น การสร้าง "มนุษย์ไฟฟ้า" สองขั้ว (อัลฟ่า - โอเมก้า) หรือ "ขั้วพลังงานใหม่ และ ขั้วพลังงานคลาสสิค" จึงต้องเริ่มต้นขึ้น เมื่อได้มนุษย์ต้นแบบแล้ว ก็จะนำแบบที่ได้ไปขยายผลใช้ในระดับที่ใหญ่ขึ้น เช่น ระดับประเทศและโลก ต่อไป เอาละ มนุษย์ไฟฟ้าสองขั้วนี้จะมีระบบพลังงานที่แตกต่างกัน คือ ทั้งระบบพลังงานใหม่และระบบพลังงานคลาสิคอยู่ในตัว ทั้งนี้ เมื่อได้ "มนุษย์ไฟฟ้าต้นแบบ" แล้ว 1 คน ก็จะขยายผลไปสู่ "มนุษย์ไฟฟ้ากลุ่มแรก" ที่จะมีทั้งหมด 5 คน เรียกเป็นชื่อเล่นว่า "5 มหาปะลัย" ก็แล้วกัน (หวังว่าท่านคงไม่คิดมากนะครับ) ซึ่งจะมาจากการหลอมรวมของ "อัลฟ่า" (หรือพลังงานแห่งภัทรกัปหน้า) และ "โอเมก้า" (หรือพลังงานแห่งภัทรกัปนี้) ประกอบกันขึ้นเป็นระบบไฟฟ้าที่ไหลเวียนต่อเนื่อง "ไปในทิศทางเดียวกัน" (ก็จะไม่กระทบกัน)



ต่อเนื่องด้วยการหลอมรวม "สองระบบ" ในระดับ "ประเทศคู่แฝด"


เพื่อสร้าง "ต้นแบบ" ของโลก โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ดังนั้น จึงต้องมีการเลือก "ประเทศฝาแฝดคู่แรกของโลก" ที่มีระบบการปกครองที่ต่างกัน แบบสองขั้ว เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิด "การไหลเวียนของกระแสไฟฟ้า" และประเทศทั้งสองที่ได้รับการคัดเลือกแล้วนั้น อาจจะเป็นประเทศ "ไทย-พม่า" หรือ "เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้" ก็ได้ อย่าลืมละ ว่าเราไม่มีนโยบายสร้างความเป็นหนึ่งเดียวด้วยการไปล้มล้าง ความแตกต่างของระบอบการปกครองของใคร นั่นคือ สองประเทศแม้มีระบอบการปกครองที่แตกต่างกัน แต่ก็จะต้องเป็น "ต้นแบบ" ถึงการเชื่อมโยงและไหลเวียนระหว่างกันให้ได้ จึงจะเป็น "ต้นแบบให้ทั้งโลกนี้ได้" จึงจะเกิดการขยายผลต่อไปทั่วทั้งโลก สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะโลกกำลังรอต้นแบบที่ว่านี้อยู่ก่อนที่จะกลายเป็น "การลัดวงจรไฟฟ้าในระดับโลก" และใหม้ลุกลามต่อไป เอาละ หวังว่าท่านคงเข้าใจงานที่สำคัญยิ่ง ที่ควรจะทำต่างๆ เหล่านี้ นั่นคือ ท่านต้องเริ่มต้นด้วย "ความเคารพและไว้วางใจ" ในความต่างในระบอบการปกครองของทั้งสองประเทศ แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันแบบ "ตรงกันข้ามสุดขั้ว" เลยก็ตาม แต่ท่านก็ต้องใช้มัน ใช้ความแตกต่างนั้นให้เกิดประโยชน์ พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้ความแตกต่างนั้นกลายเป็น "พลังขับดันให้เกิดการไหลเวียน" ขึ้นมาให้ได้ จึงจะประสบความสำเร็จ!



ตามมาด้วยการ "ขยายผล" ไปสู่ระดับ "ภูมิภาค" เช่น ระดับอาเซียน


เอาละ การที่ท่านคิด "ระดับโลก" นั้นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่ท่านจะต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ คือ ระดับท้องถิ่นด้วย (Think global act local) นั่นคือ ก่อนที่จะขยายผลไปสู่ความสำเร็จในระดับที่กว้างใหญ่ขึ้น ท่านควรเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ และที่สำคัญที่สุดคือ "เริ่มต้นจากตัวของท่านเอง" แล้วจึงจะขยายผลออกไปเป็น "ระหว่างประเทศ" หรือระดับที่กว้างยิ่งขึ้นต่อไป ได้สิ่งสำคัญคือท่านต้องเข้าใจว่า "เพราะมีความแตกต่างจึงมีการไหลเวียน" และมันเป็น "โอกาสทองที่ดีมากๆ" หากท่านมีมิตรประเทศเพื่อนบ้านที่มีความแตกต่างจากท่าน นั่นแหละ มันจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการไหลเวียนของสิ่งต่างๆ ต่อไป โลกนี้ก็เช่นกัน มันเหมือนมีสองซีกประกอบกัน มีสองขั้วสำคัญประกบกันขึ้นมาเป็น "โลกหนึ่งเดียว" มันจึงเหมือนภาวะที่มีความเป็น "ฝาแฝด" อยู่ในตัวเอง ฝาแฝดที่คล้ายกันมากแต่ต่างกันสิ้นเชิงทว่า ทั้งสองก็ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ไม่อาจแยกขาดจากกัน และไม่อาจที่จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยการทำลาย หรือกลืนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดลงไป



จุดที่มีมาก ย่อมไหลไปสู่จุดที่มีน้อย แต่ทั้งสองจุดก็ล้วน "แตกต่างกัน"


ต่อไปคือ การวางระบบการไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าระดับโลก ซึ่งใช้หลักการสำคัญคือ "กระแสจะไหลจากที่มากไปสู่ที่น้อยกว่า" ในขณะเดียวกัน ทั้งสองขั้วโลก ก็มีสิ่งที่มีมากและสิ่งที่มีน้อย แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จึงเกิดการไหลเวียนทั้งสองสาย คือ สายที่ไหลออกและสายที่ไหลเข้า การแลกเปลี่ยนกันของสองขั้ว จะทำให้เกิดพลังงานในการขับเคลื่อนโลกโดยรวม และทำให้องค์ประกอบย่อยได้รับการขับเคลื่อนให้เดินไปข้างหน้าด้วย เช่น คนแต่ละคน ก็จะได้รับพลังขับดันให้ต้องมีความก้าวหน้าขึ้นไปด้วย เมื่อทำได้อย่างนี้ กระแสไฟฟ้าก็จะไม่ลัดวงจรก็จะไม่เกิดประกายไฟใหม้ลุกลามออกไป และจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันในที่สุด อนึ่ง ความคิดที่มองว่าโลกควรมีระบอบการปกครองหนึ่งเดียวนั้น นอกจากจะนำพาไปสู่ "สงครามโลกระหว่างสองระบอบ" แล้ว ยังทำให้ระบบไฟฟ้าสองขั้วนี้ สิ้นไปด้วย ทำให้โลกขาดพลัง ในการขับเคลื่อนดังนั้น แม้ว่าท่านจะคิดและทำสำเร็จจริงแต่ท่านอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในท้ายที่สุดของการกระทำนั้นๆ เพราะท่านอาจ "มองโลกผิด" ตั้งแต่แรกก็ได้ ดังนั้น ขอให้ท่านระมัดระวังขึ้นอีกนิดในการเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกัน



25 มิ.ย. 2555


"เสียงจากสภาฯ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment