ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

พระผู้เป็นเจ้าอยู่ดาวอื่น และมีหลายองค์ แล้วใครคือผู้ดูแลโลกใบนี้กันแน่ละ?

สวัสดีครับ มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายทั้งหลายบนโลกนี้ คือ "ผู้นำสูงสุด" ที่เรียกว่าพระเจ้า ก็ดี ท่านมีบทบาทมากต่อโลกใบนี้ และเราควรทำความเข้าใจให้มาก เพราะมีผลมากต่อการเข้าใจโลกและการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย


ผมจะอธิบายให้ง่ายที่สุดนะครับ



โลกนี้ ไม่มี "พระเจ้าหนึ่งเดียว" ที่ประจำอยู่ตลอด ต่างจากดาวดวงอื่น


เอาละ นี่คือ สิ่งที่ท่านต้องเข้าใจโลกใบนี้ให้ดี เป็นอย่างแรกที่ท่านได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ เพราะถ้าท่านได้ไปเกิดแล้วลืมตาขึ้นมาดูโลกใบอื่นทันทีท่านจะได้พบกับ "พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดที่ปกครองดาวดวงนั้น" เพื่อให้ท่านเข้าใจทุกอย่างและขึ้นตรงต่อผู้ปกครองของท่าน ทว่า "ยกเว้นดาวเคราะห์โลกนี้" เท่านั้นที่ไม่มีแบบนั้น มันต่างจากดาวดวงอื่นโดยสิ้นเชิง ดังนั้น "ท่านจึงสับสนและวุ่นวาย" ว่าจะขึ้นตรงต่อใครดี? จะรับฟังคำสั่งจากใครดี? เพราะอะไร? เพราะโลกนี้ไม่มีพระเจ้าหนึ่งเดียว ที่อยู่แบบประจำยาวนานยังไงละ จะมีก็แต่ "ชั่วคราว" ระยะหนึ่ง แล้วก็เกิดการเปลี่ยนองค์ไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น มันจึงส่งผลให้โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด และถูกลองผิด-ลองถูกหลายครั้งจากหลายๆ ท่านจนสุดท้ายเมื่อการทดลองล้มเหลวก็ต้อง "ล้มกระดาน" คือ "ล้างโลก" อยู่บ่อยๆ เอาละ มันไม่ใช่ความผิด-ถูกอะไรนะ โลก เป็นเช่นนี้เองแหละ ดังนั้น ท่านจึงต้องเข้าใจว่า "โลกนี้ต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่นมาก" ที่ไม่มี "พระผู้เป็นเจ้าที่ปกครองประจำอยู่ตลอด" ในขณะที่ดาวอื่นก็มีกัน



โลกนี้ มีแต่ "พระผู้เป็นเจ้าชั่วคราว" ที่ประจำอยู่ชั่วคราวเป็น "ยุคๆ" ไป


เอาละ อย่างที่สองคือ "โลกนี้มียุคสมัยที่ต่างกัน" เปลี่ยนแปลงไปตามการปกครองของ "พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด" ของโลกในแต่ละยุคนั้นๆ โลก จึงมีคำว่า "ยุคสมัย" ที่แตกต่างกันไปมากมาย ในขณะที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ นั้นไม่มียุคสมัยนะ พวกเขาอยู่กันแบบ "คลาสสิค" นานเท่าไรก็เหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเหมือนโลกของเรา แปลกไหมละครับ แต่ว่ามันก็เป็นจริงอย่างนั้น เอาละ ผลจากการที่โลกไม่มีพระเจ้าอยู่ประจำตลอด ทำให้เกิดมียุคสมัยต่างกันไปขึ้นอยู่กับ "พระผู้เป็นเจ้าของโลกในแต่ละยุคสมัย" นั้น คำถามต่อไปคือ "แล้วใครคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ปกครองโลกในแต่ละยุคสมัยละ?" คำตอบก็คือ "จักรวาลจะคัดสรรมาให้" ครับ เขาจะถูกส่งมาจากจักรวาลลงมายังโลกใบนี้ ไม่จำเป็นต้องมาจากโลกใบนี้เสมอไป นะครับ จะมีการคัดเลือกจากทั่วจักรวาลแล้วจึงเลือกมา ซึ่งอาจจะมาจากโลกใบนี้หรือว่าต่างดาว ก็ได้ ท่านจะต้องเข้าใจด้วยว่า "ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เป็นสมบัติสาธารณะของจักรวาล" ดังนั้น มันจึงมี "การอ้างสิทธิ์" กันมากมาย ต่างก็อ้างสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของโลก แล้วก็เข้ามาทดลอง สร้างโลก ให้มีลักษณะและความเป็นไปตามแบบของตน มากมาย มันจึงยุ่งเหยิงมากเลย ดังนั้น โลกนี้จึงต้องมี "พระผู้เป็นเจ้า ผู้ปกครองสูงสุดในแต่ละยุคนั้น" เช่น พระนาราย, พระพุทธเจ้า, พระเจ้าจักรพรรดิ์ ฯลฯล้วนถูกส่งลงมาปกครองโลกใบนี้ "ในยุคสมัยที่แตกต่างกัน" และสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่างกันด้วย!



"พระผู้เป็นเจ้า" มากมายจาก "หลายโลกธาตุ" ต่างทำกิจต่อโลกใบนี้


ต่อไปที่ท่านต้องเข้าใจอีกประการคือ ในจักรวาลนี้มีดวงดาวมากมาย ในดวงดาวที่พิเศษมีรูปธรรมชีวิตอาศัยอยู่ จะมี "พระผู้เป็นเจ้า" สูงสุด ทำหน้าที่ปกครองดูแลอยู่ และท่านเหล่านั้น "จำนวนมาก จำนวนหนึ่ง" ได้ทำกิจ "สร้างโลกและดูแลโลกนี้" ร่วมกัน หลายท่าน หลายฝ่าย หลายไม้ หลายมือ แตกต่างกันไป ตาม "ความคิด, จิตใจ, มุมมอง, โลกทัศน์" และส่งผลให้เกิด "ความยุ่งเหยิง" (สภาวะ Chaos) ขึ้นในโลกมนุษย์ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดพลาดของพระเจ้าองค์ใดเลย และไม่ใช่มาตรฐานของความถูกต้องอะไรด้วย มันเป็นเพียง "ปกติ ตามธรรมชาติชองโลกใบนี้" ก็เท่านั้น ดังคำกล่าวของพระพุทธเจ้าที่ว่า "โลกแปลว่าฉิบหาย" นั้น ก็หมายถึง ความวุ่นวายสับสนอลหม่านที่เกิดแก่โลกนี้ นั่นเอง แต่ว่า ท่านอย่าเพิ่งรู้สึกบวกหรือลบกับสิ่งนี้ละ ดังที่บอกแล้วว่า "มันเป็น ปกติเช่นนั้นเอง" เอาละ พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จากโลกธาตุต่างๆ ท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เลย "ท่านจึงไม่เคยทราบว่าการอยู่บนโลกใบนี้นั้นมันเป็นเช่นไร?" ท่านจึงต้องส่ง "พระบุตร" ก็ดี, "เทวทูต" ก็ดี, ฯลฯ ลงมาเกิดยังโลกใบนี้ (พระบุตรและเทวทูต มาจากดาวดวงอื่นด้วยบางส่วนเหมือนกัน) และเพราะท่านอาศัยอยู่ในดาวดวงอื่น ไม่เคยอาศัยอยู่ในโลกนี้ นั่นเอง ทำให้ "ท่านทำบางอย่างตามอุดมคติของท่านเอง" มิใช่ทำตามปกติตามแบบที่สัตว์ในโลกนี้อยู่และเป็น เอาละ มันไม่ใช่ความผิดของพระเจ้าหรอกนะ แต่มันคือ "ปกติของพระเจ้าทุกองค์" ท่านทำได้เท่านี้ ดังนั้น จึงต้องมีพระบุตร, เทวทูต ฯลฯ มากมาย ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ อยู่ในโลกใบนี้เหมือนสัตว์ทุกตัวในโลกนี้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าทำไม่ได้และไม่ใช่กิจของท่านที่จะกระทำ เป็นกิจของผู้ที่มีสังขารเป็นสัตว์โลกจึงจะทำได้ (หวังว่าคุณคงจะเห็นความสำคัญและจำเป็น ของการไม่ได้เป็นพระเจ้า ของพวกเราชาวมนุษย์โลก บ้างแล้วนะ) เพราะนี่คือ "หน้าที่ของสัตว์โลกที่แม้แต่พระเจ้าก็ทำไม่ได้" และไม่ได้ทำเพราะท่านไม่ได้มีกิจจะทำเช่นนี้ นั่นเอง (หวังว่าคุณคงจะภาคภูมิใจ ในความเป็นสัตว์โลก ของพวกคุณด้วยนะ)



"พระพุทธเจ้าสมณโคดม" ได้รับเลือกเป็น "ผู้ปกครองสูงสุดในยุคนี้"


นี่คือ "ธรรมเนียมปกติของโลกใบนี้" กล่าวคือ ยามใดที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ในโลกใบนี้ เราจะนับว่าท่านคือ "ผู้ปกครองสูงสุดของโลกนี้" ไปด้วย ดังนั้น เทวดาทั้งหกชั้นสวรรค์ ก็จะเชื่อฟังท่านด้วย (แต่ก็มียกเว้น ผู้ที่เป็นมาร) ตามธรรมเนียมของโลก มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ทว่า แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็อาจมีบารมีไม่พอที่จะปกครอง "ทุกรูปธรรมชีวิต" ในโลกนี้ได้ เพราะโลกเป็นแหล่งรวมของรูปธรรมชีวิตมากมาย อยู่ด้วยกัน ดังที่ได้กล่าวแล้วว่า "โลกนี้ก็คือ สาธารณสมบัติของจักรวาล" นั่นเอง ดังนั้น เราจึงเห็น "ศาสนาอื่นๆ เกิดขึ้นบนโลกใบนี้" และมี พระเจ้าองค์อื่นๆ เข้ามากระทำกิจต่างๆ ร่วมด้วย "โลกจึงขาดเอกภาพในการปกครอง" นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าจะเข้านิพพานแล้ว ท่านจะไม่สั่งใช้ใคร เพราะการสั่งใช้ก่อให้เกิดบุญกรรมร่วมกับผู้ถูกสั่งใช้ และขวางทางนิพพานได้ ท่านก็จะไม่สั่งใช้ เช่น แม้ยามท่านจะปรินิพพาน ท่านก็ไม่สั่งใช้พระอานนท์ว่าให้ทูลขอให้ท่านอยู่ต่อ หรือยามที่ท่านแลกจีวรกับพระมหากัสสปะ ก็ทำให้พระมหากัสสปะต้องตีความไปเองว่าท่านให้ปกครองดูแลธรรมวินัยก็ไม่มีการสั่งโดยตรง "นี่คือ พุทธวิสัยตามปกติของพระพุทธเจ้า ที่จะไม่มีการสั่งใช้ผู้ใด" (แต่พระอัลเลาะห์จะสั่งใช้พระนบีมูฮัมหมัดโดยตรง) นี่ไม่ได้กล่าวว่าท่านใดดีหรือไม่ดีกว่าท่านใด? แต่บ่งบอกว่าท่านต่างกัน ก็เท่านั้นเอง เพราะแต่ละท่านเป็นคนละองค์กัน ทำงานต่างกันก็เท่านั้นเองสรุปก็คือ แม้พระพุทธเจ้าจะได้รับการยอมรับในฐานะผู้ปกครองโลกนี้ แต่ก็ยังต้องอาศัยพระผู้เป็นเจ้าองค์อื่นๆ ในการทำกิจร่วมกันด้วย เพราะท่านจะเข้านิพพานแล้วจะไปชี้สั่งใช้ใคร ไม่ได้ หวังว่าท่านคงจะเข้าใจจุดนี้นะ



จิตวิญญาณ "ศูนย์กลาง" ของดาวโลกดวงนี้ ควรจะเป็นใครกันแน่?


อีกประการหนึ่งคือ พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะ "ดับขันธปรินิพพาน" ไป ดังนั้น คำถามจึงเกิดขึ้นว่า "แล้วใครจะดูแลปกครองโลกทั้งสามภพที่แสนจะยุ่งเหยิงวุ่นวายนี้" คำตอบช่างสับสนเหลือหลาย เพราะต่างก็ "อ้างกรรมสิทธิ์" ในการปกครองโลก ท่านว่าท่านคือพระเจ้าผู้สร้างโลกนี้ กันทั้งนั้น ซึ่งก็ใช่ จริงทั้งหมด ทว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ "เอกภาพในการดูแลโลก" จะไม่มีเลย และจะทำให้โลกวุ่นวายยุ่งเหยิง ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องมี "จิตวิญญาณประจำโลก" เหมือนกับดาวดวงอื่นๆ เช่น ดาวพุธ ก็มีพระพุธ เป็นจิตวิญญาณประจำ, ดาวศุกร์ ก็มีพระศุกร์เป็นจิตวิญญาณประจำ ดังนั้น ถ้าโลกมีพระพุทธเจ้าดูแลแล้ว พระพุทธเจ้า ก็จะเข้านิพพานไม่ได้เพราะท่านต้องปล่อยวางทุกภารกิจแล้ว ดังนี้ จึงต้องคัดเลือกจิตวิญญาณเก่าแก่ประจำโลก "หนึ่งท่านมาดูแลในฐานะ ศูนย์กลางการประสานงาน" เช่น เทพีไกอา หรือจะเป็น เจ้าแม่หนี่วา เป็นต้น ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าท่านนี้ไม่ได้มาในฐานะพระเจ้าปกครองโลก แต่เป็น "จิตวิญญาณประสานงานที่อยู่ประจำโลก เป็นศูนย์กลาง ในการประสานงานกับพระเจ้าทุกๆ องค์" ก็เท่านั้น เพราะการดำรงอยู่คู่โลกยาวนานนั้นจึงจะช่วยในการดูแลโลกได้ดี



ร่างมนุษย์ "ศูนย์กลาง" ของดาวโลกดวงนี้ ควรจะเป็นใครกันแน่?


อีกประการหนึ่งคือ "ร่างสังขารมนุษย์" ที่จะมาเป็น "ศูนย์กลางในการประสานงาน" ในภาคมนุษย์ ในภาคสังขาร ในภาควัตถุที่มองเห็นได้ ก็ต้องมีด้วยเพราะในมิติแห่งจิตวิญญาณต้องประสานงานกับมิติแห่งวัตถุสสารด้วย ในบางยุคสมัย จะมีการคัดเลือกผู้ปกครองโลกมนุษย์ในภาคมนุษย์ลงมาเกิด เช่น พระนารายณ์ ก็เคยได้รับการคัดเลือกให้มาเกิดยังโลกมนุษย์ในฐานะผู้ปกครองโลกมนุษย์ ก็มี, หรือแม้แต่พระอิศวร ก็เคยได้รับการคัดเลือกให้ลงมาสร้างโลก ในบางยุคสมัย ก็มี ดังนั้น เพื่อให้มีการประสานงานระหว่างมิติแห่งพลังงานและมิติแห่งสสารวัตถุ จึงต้องมี "สังขารมนุษย์" ที่ทำหน้าที่ "เป็นศูนย์กลางในการประสานงานด้วย" ก็จะทำให้งานที่กระทำต่อโลกนี้ "มีเอกภาพมากขึ้น" ซึ่งร่างสังขารมนุษย์ผู้นี้จะมาในฐานะ หรือตำแหน่งใดก็แล้วแต่ แต่ต้องเหมาะสมและควรที่จะทำหน้าที่ได้ราบรื่นดีก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้น โลกก็จะยุ่งเหยิงวุ่นวายอยู่ต่อไปไม่มีใครช่วยได้ ไม่มีใครแก้ไขได้ และรังแต่จะนำพาไปสู่สงคราม ในที่สุด



เทพสวรรค์ที่คอยช่วยเหลือในด้านการปกครองโลกมนุษย์ นั้นคือใคร?


ในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดมยังอยู่ ท่านได้กล่าวถึงเทพสวรรค์ที่ดูแลปกครองโลกทั้งสี่ท่านคือ "ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่" ซึ่งจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น สำหรับท่านที่อยู่บนสวรรค์ชั้นสูงกว่านี้ขึ้นไป ไม่มีหน้าที่โดยตรงที่จะดูแลโลก เทวดาเหล่านั้น เสวยบุญอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงานดูแลโลก ก็ได้ ปกติ ก็เป็นอย่างนี้มายาวนาน ทว่า ปัจจุบัน โลกนี้ได้มีการเยี่ยมเยือนของ "ชาวต่างดาว" เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นท่านที่มาจาก "พรหมโลกธาตุ" ก็ดี, "สุขาวดีโลกธาตุ" ก็ดี, ฯลฯ ยุ่งเหยิงไปหมด แต่ละท่านก็ล้วนมาด้วยเจตนาที่ดี นำสิ่งดีๆ มาสู่โลกทั้งสิ้น ไม่มีท่านใดที่จะคิดร้ายต่อโลกเลย ทว่า เพราะท่านมาจากดาวคนละดวงกัน ท่านจึงมีวิธีทำงานและวิธีคิดที่แตกต่างกัน และส่งผลให้ "โลกขาดเอกภาพ" และมีแต่ความยุ่งเหยิงเต็มไปหมด เอาละ มันไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ เพราะมันเป็นธรรมชาติปกติของโลกใบนี้อยู่แล้ว ทว่า ในฐานะและกิจ ของผู้ดูแลโลกใบนี้ จำเป็นต้องช่วยเหลือให้โลกมีศูนย์กลาง มีเอกภาพในการดูแลและปกครองต่อไป ซึ่งปัญหาก็คือ "ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่" ก็ปกครองได้ไม่ทั่วถึงเพราะโลกนี้ "มีจิตวิญญาณมากมายที่อยู่นอกการปกครองของท่านทั้งสี่นี้ด้วย" ดังนั้น จักรวาลจึงส่ง "พลังงานใหม่" หรือจิตวิญญาณหรือเทพกลุ่มใหม่ ลงมาช่วยดูแล ซึ่งจะขึ้นตรงต่อ "จิตจักรวาล" นั่นเอง



ท้ายที่สุดนี้ หวังว่าท่านคงจะเห็นภาพ "โลกใบนี้" ในมุมใหม่ๆ ที่กว้างขึ้นและลึกซึ้งขึ้น แล้วท่านจะได้เข้าใจว่า ทำไมโลกใบนี้จึงมีความวุ่นวายนักเอาละ ดังที่ผมบอกแล้วว่ามันไม่ได้เลวร้ายหรือดีงามอะไร มันเป็นแค่ปกติของโลก ที่โลกนี้เคยเป็นมา และยังจะเป็นอยู่ต่อไป ก็เท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาของการดำรงอยู่ เพราะการดำรงอยู่บนโลกนี้ "เราจะดำรงอยู่ก็เพียงชั่วคราว" เท่านั้น เราจะไม่อยู่กันแบบระยะยาว นั่นคือเราจะไม่มีการใช้ชีวิตนิรันด์ในโลกใบนี้ ชีวิตนิรันด์จะมีได้ในดาวดวงอื่นที่เหมาะสมกว่าก็เท่านั้น และโลกใบนี้ มีหน้าที่เพียง "เป็นหลอดทดลอง" ในเราบ่มเพาะและพัฒนาตัวเองให้ เลื่อนระดับขึ้นไป ยังจุดที่เราต้องการเป็น, ต้องการอยู่แบบ "ชีวิตนิรันด์" ในสวรรค์นิรันด์หรือไม่ก็ "นิพพาน" ไปเลย ก็ไม่มีอะไรผิด เลือกได้ทั้งนั้นครับ แต่ โลกนี้ไม่ใช่บ้านถาวรของเรา อย่าลืมละ


สุดท้ายนี้ ขอให้พลังแห่งความเป็นเอกภาพ ช่วยนำทางท่านด้วย สวัสดี



4 ก.ค. 2555


"เสียงจากสภาฯ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment