ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

หลังบรรลุธรรม จำต้องเก็บตัว ชำระล้างพลังงานเก่า ก่อนรับ "ภารกิจ" ไม่เช่นนั้น?

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ ผมขอกล่าวถึงเรื่องพื้นฐานที่มีความสำคัญและจำเป็นมาก นั่นคือ "การชำระล้างพลังงานเก่า" ซึ่งมันจำเป็นแม้ว่าท่านจะบรรลุธรรมแล้วก็ตาม เอาละ ผมจะเล่าต่อไปอย่างง่ายๆ


ท่านไม่อาจ "คิดเองทำเอง" ในการทำภารกิจใดได้ หลังบรรลุธรรมแล้ว?


ขอยกตัวอย่าง "พระพุทธเจ้า" ของพวกท่านก็แล้วกัน หลังท่านได้บรรลุธรรมแล้ว ท่านไม่ได้ทำอะไร ท่านอยู่เฉยๆ จนกระทั่ง "ท้าวมหาพรหม" ได้มาทูลเชิญท่านไปโปรดสัตว์ โดยอ้างเหตุว่า "โลกจะวิบัติถ้าพระพุทธเจ้าไม่โปรดสัตว์" นี่คือ "กลไกลตามธรรมชาติ" กล่าวคือ พระพุทธเจ้าจะไปโปรดสัตว์เอง โดยคิดเอง ทำเอง ไม่ได้ เพราะนั่นคือ การก่อกรรมใหม่ และจะทำให้เกิดผลกรรมขวางนิพพาน ท่านต้องรอให้ "ถูกบอกให้ทำ" ก่อน นั่นคือ "รอรับวิบากกรรมว่าจะมีใครมาท้วงติงให้ทำ" จึงจะทำได้ "โดยไม่มีเจตนาแท้จริง" ทว่า ท่านที่ไม่รู้จริง ต่างอ้างว่าท่าน"กระทำโดยไม่มีเจตนา จึงไม่มีกรรม เพราะอรหันต์แล้ว" นั้น ไม่จริง! ก็ดู "พระพุทธเจ้า" ศาสดาของท่านก่อน ท่านยังต้องรอให้ผู้อื่นมาท้วงติง แล้วท่านจึง "รับไปทำ" และผู้ที่มาท้วงติง ต้องเป็นคนที่ใช่ ท้วงติงในสิ่งที่ใช่ อีกด้วย ไม่ใช่ ใครก็ได้ มาสั่งให้ทำอะไร ก็ได้ ก็หาไม่ ซึ่งสิ่งนี้ "พระพุทธเจ้า" จะทรงทราบด้วยพระองค์เอง เอาละ ยกอีกตัวอย่างหนึ่งก็ได้ "พระอาจารย์ของพระนาคเสน" ถูกสั่งให้ไปทำหน้าที่ ก่อนที่ท่านจะไปโปรดพระนาคเสน ท่านก็อยู่เฉยๆ มาตลอด จนถูกท้วงติงก่อนท่านจึงไปทำ นี่เรียกว่า "ทำแบบภิกษุ ทำแบบผู้รับ" จึงไม่มีเจตนาจะทำแต่แรกแท้จริง คือ ถูกวิบากกรรม มีคนมาท้วงติงให้ทำ ก็เลยต้องทำ ไม่ใช่ "คิดเองทำเอง" แล้วคิดว่าไม่มีเจตนาจึงไม่มีกรรมเพราะเป็นอรหันต์เอาละ จุดนี้ "ท่านพอจะเข้าใจจริงๆ หรือไม่?" หวังว่าตัวอย่างชัดเจนนะ



ช่วงระหว่างรอรับภารกิจ คือ ช่วงเวลาแห่งการชำระล้าง (Blank time)


เอาละ เมื่อหลัง "บรรลุธรรมแล้ว" ไม่ว่าใครก็ตามแต่ถ้าบรรลุจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า หรืออรหันตสาวก ที่บรรลุธรรมจริงๆ ไม่ใช่อรหันต์เก๊ ท่านจะทราบและเป็นเหมือนกันคือ "ไม่ทำอะไรเลย" จนกว่าจะมีท่านที่มีหน้าที่มาท้วงติง เพราะนี่คือ "ลักษณะอย่างหนึ่งของพระอรหันต์แท้" จะไม่ออกไปทำนั่น ทำนี่ คิดเอง ทำเอง โดยไม่มีใครมาท้วงติงหรือสั่ง ทว่าผู้ที่มาท้วงติงหรือสั่งนี้ จะต้อง "เป็นผู้มีบารมีมาทำหน้าที่นั้นๆ โดยเฉพาะ" ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ มาสั่งได้หมดนะ เอาละ คำถามคือ นานแค่ไหนจึงจะมีผู้มาท้วงติงให้ทำภารกิจ? คำตอบคือ "ยาวนานไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาชำระล้างพลังงานเก่า" (Blank time) ของแต่ละคน นั่นเองเช่น พระพุทธเจ้าบางพระองค์หลังตรัสรู้ใหม่ๆ จะไม่ทำอะไรเลย เรียกว่า"เสวยวิมุติสุข" บ้าง 6 เดือน, บ้าง 6 ปี, บ้างนานหรือเร็วกว่านั้นต่างกันไป ซึ่งไม่ใช่แต่พระพุทธเจ้า เท่านั้น ทุกท่านที่ "บรรลุธรรมแล้ว" ก็มีการเก็บตัวระยะหนึ่งเหมือนกัน ในนิกายตันตระมีอยู่มาก ที่เรียกว่าลัทธิลับ ก็ด้วยเหตุของการ "เก็บตัว" นั้นเอง ทว่า แท้จริงแล้ว นี่มันไม่ใช่เรื่องของลัทธินิกายอะไร แต่มันเป็น "สัจธรรมสากล" ที่มีทั่วไป จริงอยู่ทั่วไป ที่ผู้บรรลุธรรมแล้ว ยังมี "พลังงานเก่า-กรรมเก่า" ให้ต้องเก็บตัวอยู่ก่อน จึงจะออกมาทำกิจ ตามภารกิจที่ได้รับได้ จึงจะไม่เดินหลง ออกนอกทางไป



ในช่วงเวลาแห่งการชำระล้าง (Blank time) พลังงานเก่าจะครอบงำ


ต่อไปจะขออธิบายในช่วงเวลาของการชำระล้างพลังงานเก่า จะมีพลังงานเก่า เข้ามาสู่ท่าน "เป็นระลอกๆ เป็นระยะๆ" จนกว่าจะชำระหมดสิ้นจนกว่าจะหมดระยะเวลาเก็บตัว ซึ่งพลังงานเก่าทั้งหลายแหล่ ล้วนแต่ที่จะครอบงำให้ท่าน "ไปทำนั่น ทำนี่มากมาย" เช่น พลังงานเก่าของท่านที่เคยมีอดีตชาติเป็นพระราชา ก็จะไปสร้างวัด, สร้างถาวรวัตถุอะไรมากมาย ฯลฯ นี่คือ "ผลจากการครอบงำของพลังงานเก่า" ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องตามหลักดั้งเดิม ไม่ใช่การกระทำแบบไม่มีเจตนา ก็หาไม่ คงจะแยกแยะชัดเจนนะ? พระอรหันต์บางรูปเก็บตัวนานมาก จนนึกว่าตายไปแล้วยังมี เช่น พระอุปคุต ต้องนั่งสมาธิรอใต้บาดาล จนกระทั่งได้พระเจ้าอโศกมหาราช มาร้องขอให้ช่วยปราบพญามาร นั่นก็รอนาน ไม่ใช่น้อยๆ ในช่วงเวลาที่เก็บตัว หรือรอให้ผู้มาเชิญทำภารกิจนี้ จะมีพลังงานเก่ามาครอบงำให้ทำนั่น ทำนี่ เยอะแยะมากมาย ถ้าพลาดพลั้งไปทำเข้า ก็จะมีผลต่อการเข้านิพพานได้มากทีเดียว นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดผลเสียตามมาอีกมากมาย โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ดังนั้น การชำระล้างพลังงานเก่า จึงต้องทำ มีความจำเป็นมาก ก่อนที่ท่านผู้บรรลุธรรมแล้ว จะรับภารกิจอันใดได้



DNA ของท่านจะกลายพันธุ์ไปเมื่อท่านไม่เก็บตัวถูกพลังงานเก่าครอบงำ


กรณีที่ท่านไม่เก็บตัว ไม่รอให้มีผู้มาเชิญไปทำภารกิจ ก่อน ท่านจะถูกพลังงานเก่าครอบงำ ขับดันให้ทำกิจ แบบผิดเพี้ยนไป DNA ทางจิตวิญญาณของท่าน "จะกลายพันธุ์" เช่น จากเดิมท่านน่าจะมี Soul DNA เป็นพระอรหันต์ ท่านก็จะ "กลายพันธุ์" ไป เมื่อท่านถ่ายทอดธรรม ธรรมของท่านก็จะเป็น "ธรรมกลาย" คือ ธรรมกลายพันธุ์ ไม่ใช่ธรรมแท้ที่บริสุทธิ์แต่ดั้งเดิม แต่มันไม่ได้ผิดไปทั้งหมด 100% หรอกนะ มันจะกลายเป็น ลูกผสมก็เท่านั้นเอง ทว่า ถ้าท่านอดทนรอเวลาที่เหมาะสม ชำระล้างพลังงานเก่าหมดสิ้นแล้ว รับภารกิจอย่างถูกต้อง ท่านก็จะถ่ายทอดธรรมได้อย่างใสๆ ทว่า ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะทำหน้าที่แบบ "อรหันตสาวก" ท่านจะรับการ"ห่อหุ้มอย่างอื่น" ก็ได้ ท่าน ก็จะกลายเป็น "ลูกครึ่ง" ที่มีธรรมส่วนหนึ่งและถูกห่อหุ้มอีกส่วนหนึ่ง เรียกว่า "พวกใสหุ้มเกราะ" นั่นเอง เอาละ มันไม่ใช่ความผิดหรือถูกอะไร มันเป็นแค่ "เส้นทางที่แตกต่างกัน" และท่านก็เลือกมันได้เอง แต่ท่านไม่ควร "เข้าใจผิด" แล้วก็เผยแพร่ธรรมไปผิดๆ ว่าท่านคืออรหันต์ที่มีธรรมแท้ 100% เพราะถ้าแท้แล้วท่าน คือ "ใสหุ้มเกราะ" ท่านก็ควรชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ผู้รับธรรมเข้าใจคลาดเคลื่อน



เมื่อท่านถูกพลังงานเก่าครอบงำ ท่านจะดับ "ขันธ์" นิพพาน ไม่หมด


กรณีที่ท่านถูกพลังงานเก่าครอบงำ ผลที่ตามมาคือ "ท่านจะนิพพานไม่ได้" เพราะท่านจะดับรูปขันธ์, วิญญาณขันธ์ ไม่หมด กล่าวคือ พลังงานเก่าที่เป็น "รูปธรรมชีวิต" ที่เรียกว่า "จิตวิญญาณมืด" จะเข้ามาอาศัยที่สังขารของท่านโดยที่ท่านไม่รู้ตัวเพราะ "กรรมบังตา" เพราะมันเป็นพลังงานเก่าของท่าน มันจึงเชื่อมต่อกับท่านได้ตามธรรมชาติตามเดิมดังที่มันเคยเป็นมา จนกว่ามันจะได้รับการชำระล้างหมด นั่นแหละ มันจึงไม่กลายเป็นปัญหา และก่อมลภาวะในมิติอื่นๆ ต่อไป สิ่งนี้ ในพระพุทธศาสนาเรียกว่า "วิญญาณขันธ์" ซึ่งท่านจะดับได้ไม่หมด, จะเหลือเชื้อ และท่านจะยังไม่นิพพานเพราะทิ้งเชื้อเหลือไว้นั่นเอง ท่านเก็บพลังงานเก่าไม่หมด มันก็จะกลายเป็น "ตัวตนใหม่" ของท่านต่อไป ทั้งยังครอบงำนำพาท่านไป ก่อให้เกิดตัวตนที่ยังไม่อาจจบสิ้นภารกิจได้อีกด้วย เช่น พาท่านไปสร้างวัด, ไปสร้างโรงพยาบาล ฯลฯ มันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ เพียงแต่ท่านไม่ควรสื่อสารผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ท่านคือ "พวกใสหุ้มเกราะ" ไม่ใช่พวกที่จะนิพพานในชาตินี้ ท่านก็ควรชี้แจงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นผู้คนจะเข้าใจผิดไปว่าการกระทำของท่าน ทำให้เป็น "แบบอย่างของพระอรหันต์ที่นิพพานได้" ซึ่ง "มันไม่จริง" นอกจากนี้ พลังงานเก่ายังสร้างตัวตนใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย เช่น รูปขันธ์แห่งความมีชื่อเสียงให้คนได้รับรู้ รู้จักหลังที่ท่านละสังขารไปแล้ว นี่ก็กลายเป็น "ขันธ์ใหม่" ที่ยังนิพพานไม่หมดอีกเช่นกัน



จิตวิญญาณมืด ที่ได้รับการชำระล้างแล้วจะกลายเป็น "ตุลกู" ของท่าน


กรณีที่ท่านชำระล้างพลังงานเก่าที่เป็น "รูปธรรมชีวิต หรือ จิตวิญญาณมืด" ได้แล้ว เขาก็จะ "มีโอกาสได้เกิด" เพราะนี่คือ ทางเดียวที่เขาจะมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ได้คือ การมารับใช้ผู้บรรลุธรรมและรับการชำระล้างด้วย "ธรรมบริสุทธิ์" จากท่านผู้นั้น เมื่อเขาได้รับการชำระล้างแล้วเขาก็จะกลายเป็น "ตุลกู" หรือ "ตัวตนที่ไปเกิดใหม่ ในแผ่นดินเดิม ซึ่งจะทำหน้าที่เจริญรอยตามท่าน" นั่นเอง ในขณะที่ท่านสามารถนิพพานหรือจะจุติไปในมิติเบื้องสูงเพื่อเป็น "ตัวตนในมิติที่สูงขึ้น" เพื่อคอยส่องนำทางเขาต่อไป ก็ได้ ดังนั้น มันจึงมีความจำเป็นมากที่ท่านจะต้องชำระล้างพลังงานเก่าของท่านก่อน เพราะหลังจากพวกเขานี้ ได้รับการชำระแล้ว พวกเขาก็จะช่วยเหลือท่านในการทำภารกิจต่างๆ ต่อไปอีกด้วย ในกรณีที่ภารกิจของท่านคั้งค้างอยู่บนโลก พวกเขาจะไปเกิดใหม่แทนท่านในฐานะ "ตุลกู" เพื่อสานภารกิจที่คั่งค้างของท่านต่อให้ และนี่คือ การใช้ตัวตนต่างมิติทำภารกิจร่วมกันของท่าน และพลังงานเก่าที่ได้รับการชำระล้างแล้ว นั่นเอง แต่ถ้าท่านชำระล้างเขาไม่สำเร็จ เขาจะครอบงำท่าน ให้ท่านเป๋ออกนอกทาง และพากันไปทำกิจอื่น จนหลงลืมพันธสัญญาเดิมไป



สุดท้ายนี้ สรุปง่ายได้ว่า ท่านที่บรรลุธรรมแล้วก็จริง แต่ยังแตกต่างกันในเรื่อง "การรับภารกิจ" อีกด้วย กล่าวคือ บางท่านบรรลุธรรมแล้วรับกิจให้ภาคมืด ก็มี, ภาคสว่าง ก็มี ฯลฯ ต่างกันตรงที่ "ชำระล้างพลังงานเก่าได้หมดสิ้น" หรือไม่? ถ้าไม่หมดก็จะทำกิจให้แก่ภาคมืด ภาคหมดแล้ว ก็จะรับภารกิจจากภาคสว่าง เท่านั้นเอง ในระหว่างการชำระล้างพลังงานเก่าหากท่านทำงานไปด้วย ท่านจะทราบว่าบางครั้งท่านเป๋ออก ทางมืดบ้าง, ทางสว่างบ้าง ไม่แน่นอน ไม่คงที่ เพราะเมื่อท่านทำกิจ แล้วชำระล้างพลังงานเก่าได้ ท่านก็ได้รับพลังภาคสว่าง แต่พอท่านได้รับคลื่นพลังงานเก่าก็จะมืดไปอีก ขึ้นๆ ลงๆ ยังไม่คงที่ จนกว่าจะหมดวาระของการฃำชำระล้างพลังงานเก่า (ช่วง Blank time) ส่วนท่านที่ "สติไม่ละเอียดพอ" จะถูกพลังงานเก่าครอบงำให้ทำกิจต่างๆ ไป "ตามใจ" โดยมีเหตุผลมากมายที่มาจาก "พลังงานเก่าหรือภาคมืด" คอยบอก คอยตามใจ ให้ท่านหลงผิด


สุดท้ายนี้ หวังว่าท่านจะมีสติขึ้นมาบ้างแล้วเลือกทางเดินของท่านเอง สวัสดี



30 มิ.ย. 2555


"เสียงจากดั้งเดิม"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment