ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ขุมทรัพย์ "พลังแห่งไกอา" เพื่อการมั่งคั่งร่ำรวย กำลังจะเปิดขึ้นแล้ว!

สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติ์ทุกท่าน ในวันหยุดพักผ่อนนี้ ผมมีข่าวดีที่น่าตื่นเต้นอย่างมากมาแจ้งให้ทุกท่านทราบกัน นั่นคือ "ขุมทรัพย์ของไกอา" กำลังจะถูกเปิดขึ้นแล้ว ในที่ไม่ไกลเกินเอื้อมของพวกท่านทั้งหลาย มันเกิดจากความพยายาม "เป็นหนึ่งเดียวกัน" ของพวกท่านนั่นเอง และนั่นละ คือ "พลังที่ดึงดูดพลังของไกอา" อีกที สิ่งที่เกิดขึ้น จะตามมาด้วยพลังอำนาจและความมั่งคั่งร่ำรวยของทุกท่านร่วมกันในภูมิภาคนี้ เอาละ ผมจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านทราบต่อไป


กุญแจดอกสำคัญในการเปิดขุมทรัพย์ของไกอาคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน


สิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดขุมทรัพย์ของไกอาและรับพลังของไกอาคือการเป็นหนึ่งเดียวกัน การมองโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน การไม่ยึดติดในเชื้อชาติ, ประเทศ, ศาสนา หรือสิ่งอื่นใดที่จะนำมาซึ่งการแบ่งแยกมนุษย์ นั่นแหละคือ "กุญแจสำคัญในการเปิดขุมทรัพย์พลังของไกอา" เช่นเดียวกันกับที่ชาวอเมริกาจำนวนมาก เคยทำได้ในยุคสร้างชาติและชาวเอเชียบางชาติเช่น สิงคโปร์ก็เคยทำได้มาแล้ว อนึ่ง พลังของไกอาไม่ได้น้อยไปกว่าพลังของดาวเคราะห์ดวงใดในจักรวาลนี้เลย ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นพลังงานที่ใกล้ชิดพวกท่านมากที่สุดอีกด้วย ดังนั้น ท่านไม่ควรมองข้ามพลังของไกอานี้อันเป็นพลังงานจาก "ใจกลางของโลก" ที่บริสุทธิ์และไม่ใช่พลังงานด้านลบ อันถูกปกปิดซ่อนไว้อย่างดี โดยพลังงานด้านลบและพลังมืดต่างๆ บนพื้นผิวของโลกนี้ ซึ่งใครหลายคนที่เคยพยายามจะดึงพลังงานนี้มาใช้แต่พวกเขาเข้าไม่ถึงเพราะมี "พลังงานด้านลบและมืดมิด" ปิดบังอำพรางไว้เช่น พลังจากขุมนรกใต้โลก, พลังจากภพมืดใต้พื้นโลก, พลังจากพระแม่ธรณีซึ่งเป็นพลังมืดดำ เช่นกัน ทว่า พลังงานของไกอา เป็นพลังงานใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่านั้น สว่างมากกว่านั้นจนบางท่านที่สัมผัสได้กล่าวกันว่าคือพลังของ "คริสตัลใต้โลก" ก็มี เพราะเป็นพลังงานที่ใสบริสุทธิ์มาก นั่นเอง ซึ่งพลังของไกอานี้ พร้อมมอบให้แก่ทุกท่านที่มีความคิด "โลกหนึ่งเดียว" ไม่แบ่งแยกกันด้วยเหตุ ด้วยปัจจัยอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้ที่มองเห็นมนุษย์ทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน และทำเพื่อโลกใบนี้ทั้งใบอย่างแท้จริง ไม่มีแบ่งแยกนั่นแหละ พลังของไกอา ที่พร้อมมอบให้แด่ "อุลตร้าแมน ไกอา" ที่แท้จริง



การริเริ่มจาก "จุดเล็ก" เพื่อขยายแนวคิดไปทั่วทั้งโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว?


เราต้องขอบคุณทุกความพยายามของท่านอย่างมาก ที่จะทำให้ความปรารถนาของไกอาเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการร่วมมือกันของกลุ่มภูมิภาคต่างๆ ในโลกนี้ เช่น กลุ่มประเทศยูโรฯ หรือแม้แต่ในกลุ่มประเทศอาเซียน พวกท่านเดินมาถูกทางแล้ว ทว่า ท่านยังต้องใช้พลังงานของไกอาในการขับเคลื่อนด้วยจึงจะสามารถ "ทำจนสำเร็จ" ได้เพราะหากท่านขาดพลังงานนี้ ท่านอาจประสบความล้มเหลวไปเสียก่อนก็ได้ ดังเช่นที่ประเทศในกลุ่มยูโรโซน กำลังประสบอยู่นั้น ความพยายามในการรวม "การเงิน" เข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินกลายเป็นปัญหา เมื่อเดิมนั้นพวกเขามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจต่างกัน ค่าเงินจึงผันผวนปรับไปตามดุลยภาพของตลาดแต่ละประเทศ แต่เมื่อพวกเขาได้ใช้เงินสกุลเดียวกันแล้ว ทำให้ "ค่าเงินเป็นค่าเงินรวม" ที่ไม่อาจปรับตัวไปตามแต่ละตลาดย่อย ในแต่ละประเทศได้อีก และนั่น จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด เอาละ ทีนี้ ท่านลองมองย้อนกลับมาดูที่ประเทศในกลุ่ม "อาเซียน" บ้าง เราดีใจมาก ที่ท่านมีความพยายามต่อไปไม่ท้อถอยที่จะทำให้เกิด "ความเป็นหนึ่งเดียวกัน" ขึ้นอีกครั้งแม้ยูโรจะไม่ประสบผลสำเร็จในการรวมตัวกันก็ตาม ทว่า ท่านจำต้อง ไม่เกิดย่ำซ้ำรอยที่ผิดพลาดของพวกเขา ด้วย อย่างแรกคือ ท่านไม่ได้ทำ เงินสกุลเดียวกันแต่ท่านกำลังทำ "ตลาดเดียว-ที่ใหญ่ขึ้น" เพื่อสร้างความน่าสนใจให้มากขึ้นในภูมิภาคนี้ ใช่หรือไม่? ทว่า ความพยายามนี้มันอาจจะล้มเหลวได้ ถ้าท่านขาดซึ่ง "พลังของไกอา" ในการขับเคลื่อน เช่น การเชื่อมโยงตลาดในหลายๆ ประเทศที่มี "จุดดุลยภาพของตลาด" ที่ต่างกัน ก็จะเหมือนการเชื่อมโยงแหล่งน้ำขนาดต่างกัน มีดุลยภาพของระบบนิเวศน์ที่ต่างกัน เข้าด้วยกัน มันอาจทำให้เกิด "การรบกวนของระบบนิเวศน์ได้" หรือสรุปง่ายๆ คือ "ภาวะปลาใหญ่ กินปลาเล็ก" จนหมด และเกิดผลกระทบอีกมากมายเช่น การที่ท่านไม่เก็บภาษีเลย ทำให้สินค้าราคาถุกมากๆ จากเพื่อนบ้านนี้เข้ามาตีตลาดในลักษณะที่เรียกว่าการทุ่มตลาดโดยเสรีโดยไม่มีกฏหมายปกป้อง เช่น กระเทียมจากประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาถูกมาก อาจทะลักเข้ามาตีตลาดของท่าน และจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อ "ผู้ค้าเดิม" มากมายได้ดังนั้น ท่านจึงต้องใช้พลังของไกอาด้วย ในการขับเคลื่อนสิ่งที่ท่านทำอยู่นี้



การเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีกลยุทธ์ ไม่เปิดเสรีอย่างไร้ทิศทาง


มาถึงตรงนี้ ท่านคงเกิดคำถามขึ้นแล้วบ้างว่า "แล้วจะทำอย่างไรละ?" เอาละ เรามาดูคำตอบกัน ไกอาแนะนำว่าเราควรดูตัวอย่างของธรรมชาติที่ดำรงอยู่ได้ในโลกนี้เป็น "ต้นแบบ" นั่นคือ "สิ่งที่สอบผ่านและถูกเลือกสรรแล้วโดยธรรมชาติ ให้อยู่รอดได้ในโลกนี้" ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเปรียบเทียบตลาดในประเทศต่างๆ เหมือน "แหล่งน้ำ" ที่มีขนาดแตกต่างกัน แต่กำลังจะถูกเชื่อมโยงเข้าหากันเป็น "ระบบนิเวศน์เดียวที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้น" หากมันถูกเชื่อมโยงอย่างผิดพลาด มันจะกลายเป็นการเปิดช่องทางให้ปลาใหญ่เข้ามากินปลาเล็ก และทำลายระบบนิเวศน์ ในแหล่งน้ำที่เล็กกว่าไปจนหมดสิ้นได้เช่นกัน ดังที่ยกตัวอย่างสินค้าราคาถูก ทะลักเข้ามาโดยไม่ถูกเก็บภาษีแล้ว ส่งผลให้ "ระดับราคา" แตกต่างกัน และกระทบต่อดุลยภาพของ "ตลาดเดิม" ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องกระเทียมเท่านั้น แต่เป็นไปได้กับ "สินค้าทุกชนิดและจะส่งผลต่อนักธุรกิจทุกประเภท" ได้ทั้งสิ้นดังนั้น การ "เปิดเสรีอย่างมีกลยุทธ์" จึงมีความจำเป็นมาก เพราะมันจะต้องไม่ใช่การเปิดประตูเมืองให้ข้าศึกเข้ามาโจมตีถึงใจกลางเมืองเช่นนี้เช่น การออกกฏหมาย "ป้องกันการทุ่มตลาดและการค้าที่ไม่เป็นธรรม" ประกอบด้วย "การกำหนดมาตรฐานราคาตลาด" ที่แตกต่างกันในตลาดค้าปลีกและค้าส่ง เช่น สินค้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเข้ามาขายในราคานั้นๆ ณ ตลาดค้าปลีก ในราคาขายปลีกที่ต่ำกว่าดุลยภาพของตลาดเดิม จนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้ นับว่าเป็นการกระทำที่ส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจ จึงนับว่า "ผิดกฏหมาย" แต่ต้องขายผ่าน "ตลาดค้าส่ง" ให้พ่อค้าแม่ค้า (ยี่ปั้วะ ซาปั้วะ) ไปขายต่อ ในราคาต่ำ เช่น กระเทียมราคาต่ำกว่าราคาขายปลีก 20% จะมาขายในตลาดขายปลีกไม่ได้ ต้องขายผ่านตลาดขายส่ง แล้วขายต่อทอด แบ่งกำไรกันเป็นทอดๆ จนกว่าจะเข้าสู่ตลาดค้าปลีกในราคา "เท่ากับราคาดุลยภาพของตลาดปกติแต่เดิม" ก็จะไม่กระทบต่อตลาดเดิม และผู้ค้าเดิมก็จะอยู่รอดได้ เป็นต้น ซึ่งนี่ไม่ใช่กฏหมายกีดกันทางการค้า เพราะมีการเปิดช่องทางการตลาดใน "ตลาดค้าส่ง" ให้อย่างดีแล้วเรียบร้อย



การวางตำแหน่งทางการตลาดที่หลากหลายต่างกัน จะไม่แข่งกันเองมาก


ต่อไปคือเรื่อง "การวางตำแหน่งทางการตลาดที่แตกต่างกัน" อย่างหลากหลาย จะช่วยให้ไม่เกิดภาวะการแข่งขันกันมากเกินไป เช่น ถ้าประเทศในกลุ่มอาเซียน แข่งขันกัน ลดราคาสินค้าเกษตร เพราะต่างก็ผลิตได้เหมือนกัน ผลคือ "เจ๊งทั้งหมด" เพราะการแข่งขันกันเอง ที่รุนแรง นั่นเอง ดังนั้น การวางตำแหน่งทางการตลาดที่แตกต่างกัน (Positioning) จะช่วยในการแก้ไขปัญหานี้ได้ เช่น ประเทศสิงคโปร์ วางตำแหน่งตัวเองคือ ประเทศ"ศูนย์กลางทางการเงินแห่งอาเซียน", ประเทศ ลาว-พม่า-กัมพูชา วางตำแหน่งตัวเองคือ "สามเหลี่ยมอุตสาหกรรมใหม่" (Triangle Nics) ประเทศไทยปรับตัวเป็นประเทศ พาณิชยกรรมทางวัฒนธรรม (Culture Commerce) ซึ่งถือเอาตนเองเป็น "เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมที่ไม่มีขีดจำกัด" ซึ่งไทยเองมีประวัติศาสตร์ การรับวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและหลากหลายมาแต่โบราณกาล เช่น วัฒนธรรมอินเดีย, จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่ง ฯลฯ ล้วนมีทั้งหมด อย่างไม่มีการขวางกั้น จนกลายเป็น "ส่วนผสมใหม่ที่ลงตัว" ในแบบที่แตกต่างเป็นเอกลักษณะเฉพาะที่หาที่อื่นใดไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็น"มรดกพื้นฐาน" ที่ส่งต่อทอดไปสู่ "การพาณิชยกรรม" ได้ในที่สุด เพราะการที่ไทยจะก้าวซ้ำย่ำอยู่กับที่คือ การเกษตรอย่างเดียว ก็จะกลายเป็นหมูที่เต็มไปด้วยอาหารอุดมสมบูรณ์ แต่ไร้เขี้ยวเล็บ และมีแต่ความอ่อนแอได้จึงต้อง "ก้าวหน้าไปสู่อนาคต" แต่การก้าวไปสู่ความเป็น Nics ก็จะกลายเป็นการ "ก้าวข้ามขั้น" และนำปัญหาใหม่ๆ มากมายมาสู่ประเทศได้ เช่น ปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่างที่เห็นเป็นภัยพิบัติในปัจจุบันเอาละ นี่คือ "ตัวอย่าง" การวางตำแหน่งทางการตลาด ให้แตกต่างหลากหลาย เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันที่รุนแรง เท่านั้น ท่านยังสามารถประยุกต์ได้อีกมากมายกว่านี้ แต่สิ่งสำคัญคือ "ท่านต้องใช้พลังของไกอา" ขับดัน



การเกิดขึ้นขององค์กรมหัพภาคที่ไม่มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ส่วนตน (NGO)


ต่อไปคือ การสร้าง "สถาบันหรือองค์กร" ในระดับมหัพภาคขึ้น เช่น การร่วมมือกันจัดตั้ง องค์กรศิลปะวัฒนธรรมสากลแห่งอาเซียน, องค์กรกฏหมายสากลแห่งอาเซียน, องค์กรสิทธิมนุษยชนและสังคมแห่งอาเซียน, องค์กรวิทยาศาสตร์และวิทยาการสากลแห่งอาเซียน ฯลฯ โดยการร่วมมือกันทั้ง "การจัดสรงบประมาณร่วมกัน" และ การส่งเสริมด้านอื่นๆ ให้เกิดขึ้นได้ เช่น การเปิดทางให้เกิดองค์กรสากลเหล่านี้ ในประเทศต่างๆ ได้ ไม่มีการกีดกันหรือใช้กฏหมายหรืออิทธิพลทางการเมืองเข้าแทรกแซง และต้อง "ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองของผู้หนึ่งผู้ใด" จึงจะเป็น "องค์กรสากล" อย่างแท้จริง ที่ทำเพื่อ "โลกนี้โดยรวม" อย่างแท้จริง โดยมีจุดเริ่มต้นและต้นแบบที่ "ประเทศกลุ่มอาเซียน" นั่นเอง เอาละ นี่จะเป็นองค์กรหรือสถาบันที่ช่วยในการขับเคลื่อนในระดับ "มหัพภาค" ได้อย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่องค์กรระดับประเทศของประเทศหนึ่งๆ ใด เลย ซึ่งพวกเขาจำเป็นที่จะต้อง "อิสระ" ในการทำงานจะไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจหนึ่ง อำนาจใด และจะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อประเทศหนึ่งใด เช่น ไม่เข้าไปเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง, โครงสร้าง, สถาบันการปกครองของประเทศหนึ่งประเทศใด เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็จะกลายเป็นเขี้ยวเล็บให้ "กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดไปแทนที่จะเป็นสากลอย่างแท้จริง" นี่คือ สิ่งที่สำคัญมาก และควรเกิดมีอย่างยิ่ง เพราะหลังจากการเกิดมี อาเซียนหนึ่งเดียวกันแล้ว ปัญหาหรือผลกระทบด้านต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ในทุกมิติเช่น ปัญหามนุษยชนเรื่อง การอพยพของชาวโรฮิงญา, ปัญหาผู้ลี้ภัยชาวพม่า, ปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานและการค้ามนุษย์ ฯลฯ เป็นต้น หรือแม้แต่ปัญหากรณีพิพาททางเขตแดน ของประเทศต่างๆ ในกลุ่มสมาชิก



การสร้าง "บุคคลต้นแบบและรางวัล" ในระดับอาเซียน ในด้านต่างๆ


ต่อไปคือ การสร้าง "บุคคลต้นแบบของอาเซียน" ให้เกิดขึ้น โดยการให้รางวัลต่างๆ ที่เทียบเท่าระดับสากล ในด้านต่างๆ, สาขาต่างๆ ร่วมกันเช่นด้านสิ่งแวดล้อม, ด้านศิลปะวัฒนธรรม, ด้านวิทยาศาสตร์, ด้านการเมืองการปกครอง (ไม่แบ่งแยกว่าต้องเป็นประชาธิปไตยหรือไม่) ด้านสันติภาพด้านความหลากหลายของมนุษยชาติ ฯลฯ การสร้างคลื่นกระแส "ต้นแบบของบุคคลที่อาเซียนต้องการ" ให้เกิดขึ้นเพื่อจะสร้าง "ค่านิยมร่วม" ของประเทศกลุ่มอาเซียน การใช้ "พลังของการสื่อสาร" เพื่อสร้างอิทธิพลร่วมของประเทศในกลุ่มอาเซียนให้เกิดค่านิยมร่วมกัน เช่น "ค่านิยมความเป็นหนึ่งเดียวกัน", "ค่านิยมความหลากหลายและความแตกต่าง", "ค่านิยมการการเปิดรับและหลอมรวมขึ้นใหม่", "ค่านิยมความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าหาญทางการคิด", "ค่านิยมจิตอาสาและสาธารณะประโยชน์" ฯลฯ เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น "พลังในการขับเคลื่อนภาพรวมในทุกมิติ" ได้ นั่นเอง เช่น การยกย่อง ศิลปินแห่งอาเซียน, นักสิ่งแวดล้อมแห่งอาเซียน, นักวิทยาศาสตร์แห่งอาเซียน, นักบวช-ครูสอนศาสนา แห่งอาเซียน, นักรณรงค์เพื่อการเมือง-การปกครองแห่งอาเซียน ฯลฯ เป็นต้น ทั้งนี้ ควรมี "เวทีในการสร้างสรรค์สิ่งดีงามในระดับสากลที่หลากหลาย" มากยิ่งขึ้น ในทุกมิติ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียนยกระดับตัวเองขึ้นไปสู่ "ระดับสากล" ได้มากยิ่งขึ้น ในทุกวงการอีกด้วย



สุดท้ายนี้ พลังแห่งการขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด คือ "พลังด้านการสื่อสาร" และ "พลังด้านเศรษฐกิจ" พลังสองอย่างนี้ จะช่วยย่อโลกให้เล็กลง และเชื่อมโยงกันได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เอาละ เราไม่ได้ต้องการแค่อาเซียนเท่านั้น แต่เราต้องการให้ท่าน "มีโลกทัศน์ระดับสากลจักรวาล" เห็นโลกเป็นโลกหนึ่งเดียวกัน ให้ได้ โดยเริ่มต้นที่ "อาเซียน" ขึ้นเป็น "ต้นแบบ" ก่อน เท่านั้น เมื่อท่านร่วมมือกันสร้างอาเซียนเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ประสบความสำเร็จได้แล้ว ท่านก็จะขยายผลให้กลายเป็นต้นแบบของโลกในมุมที่กว้างขึ้นต่อไปได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "มุมมองและความคิด" ของท่านควรต้องมี "ความรู้สึกร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันของโลกทั้งใบ" ให้ได้ก่อน จึงจะเกิดพลังในการขับเคลื่อนที่แท้จริง ซึ่งท่านก็จะได้รับจากไกอาโดยตรงเพราะหากท่านมัวคิดถึงแต่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของท่านเท่านั้น ท่านก็จะเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ขึ้นมาทันที และนั่นกลับจะกลายเป็นการสร้างปมขัดแย้งใหม่ๆ เพราะผลประโยชน์ส่วนกลางได้ ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใดอย่างแท้จริง รังแต่จะนำพาท่านไปสู่สงครามเท่านั้น


ขอพลังไกอาแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของโลกจงสถิตย์อยู่กับท่าน สวัสดี



17 มิ.ย. 2555


"เสียงจากอุลตร้าแมน ไกอา"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment