ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

แต่ละท่านล้วนมีหน้าที่ที่สำคัญทั้งสิ้น ทว่า ท่านระลึกได้หรือยัง?

ที่รัก วันนี้ผมเริ่มเปิดประเด็นที่เรียบง่ายที่สุดเลยท่านเกิดมาบนโลกนี้เพื่ออะไร? เพื่อทำหน้าที่ใด? แต่ไม่ทราบว่าท่านตอบได้หรือยัง? หลายท่านมักคิดว่าเราทำงาน เลี้ยงครอบครัว นั่นแหละ หน้าที่ของเรา โธ่ ... นั่นเป็นความคิดที่อยู่ในมิติที่ต่ำเสียจริงๆ เพราะท่านคิดได้ไม่ต่างจากเสือหรือวัว มันก็คิดแบบนี้นะครับ หาเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวไป นี่ไม่จำเป็นต้องมาเกิดในสังขารของมนุษย์เลย ถ้ามีความคิดเพียงเท่านั้น ไม่หรอกที่รัก ท่านอย่าดูถูกตัวเองให้ต่ำลงอย่างนั้นสิ ท่านมีหน้าที่ที่สำคัญกว่านั้นมากกว่าแค่เกิดมาหาเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวเท่านั้น


เอาละ ผมมาช่วยท่านระลึกถึงหน้าที่ที่ควรทำให้ละกัน



อย่างแรกที่ท่านต้องทราบก่อนคือ คนเราไม่ได้ถูกส่งลงมาเกิดแบบโดดๆ เรามากันเป็นทีมครับ และก่อนที่เราจะลงมาเราก็มีทีมอยู่แล้ว เมื่อลงมาเกิดบนโลก เราต่างแยกย้ายกันชำระตัวเอง ชำระหนี้เก่าที่เรามีต่อโลกและผู้คนบนโลก ทำให้พวกเราถูกแยกกันก่อน เมื่อเราชำระตัวเองแล้วจึงจะได้รับ "อิสรภาพ" หรือทางโลกอาจกลายเป็นการตกงาน อะไรนั่นแหม อย่ามองสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องร้ายเรื่องลบไปหมดสิ นั่นคือสิ่งที่ช่วยให้ท่านหลุดออกจากวังวนเดิมๆ เลยนะ ผมไม่ได้ยุยงให้ท่านถูกไล่ออกนะ แต่ท่านที่ว่างงานอยู่แล้ว นั่นแหละ ท่านหลุดพ้นจากวังวนแล้วจึงมีอิสรภาพที่จะเริ่มต้นและเลือกทางเดินใหม่ได้ ในแบบของตัวเอง ไม่ต้องไปเดินตามใครนะครับ ตั้งสติดีๆ ทบทวนตัวเองดีๆ ว่าเราเกิดมาบนโลกนี้เพื่ออะไร? เพื่อทำหน้าที่ใด? และที่สำคัญคือ "ทีมงานเราอยู่ไหน?" และ"ผู้นำที่แท้จริงของเราคือใคร" มันสำคัญมากเลยที่รัก เพราะอะไรหรือ? เพราะว่าผู้นำอาจนำพาคุณไปสู่ที่ใดก็ได้ ดีหรือเลว ก็ได้ ที่รัก มันสำคัญจริงๆ ที่คุณจะเลือกเดินตามใครสักคน คุณรู้ไหมว่าบนโลกนี้ มีคนที่อยากเป็นหัวหน้าและได้เป็นหัวหน้ามากมาย แต่พวกเขานำพาผู้คนไปสู่ทางมืดมนเสียมาก และมีชีวิตหลังสละสังขารนี้ อย่างตกต่ำไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว! ที่รัก ยังไม่สายเกินไปนัก ที่เราจะเลือก ทีมงานและผู้นำ ที่แท้จริงของเรา


ลำดับต่อไปคือ "ตำแหน่งตามดวงดาว" ผมขอเรียกแบบนี้ก็แล้วกันนะเพราะไม่ใช่ตำแหน่งทางโลก เหมือนกลุ่มดาวที่เรียงตัวกันในตำแหน่งต่างๆ แต่ละท่านในทีมงานนั้น ก็เหมือนกัน จะมีตำแหน่งของตนเองอันแตกต่างกันไป สิ่งที่ท่านควรทราบด้วยคือ ประเมิณตัวเองให้ดี อย่าทำสิ่งที่เกินตัว รับตำแหน่งเกินตัว เพราะท่านจะรับผลของมันไม่ไหวเอานะเอาละ ทีนี้ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมจะขออธิบายในแต่ละตำแหน่งให้ชัดๆ เป็นภาษาพื้นบ้านกันไปเลย เอาให้เข้าใจกันจริงๆ จะได้นำเอาไปปฏิบัติได้ง่ายๆ ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนไปนะครับ ดังต่อไปนี้


อย่างแรกคือ "ตำแหน่งผู้นำ" ถ้าคุณศึกษามาทางพุทธศาสนา เขาจะใช้คำเรียกว่า "พระนิตยโพธิสัตว์" ซึ่งมีอยู่มากมายเลยละ หลายๆ ท่านเลยและมีหลายตัวตนด้วย เช่น พระศรีอาริยเมตตรัย ก็มีหลายตัวตนใช่ไหมละทีนี้ แต่ละตัวตนก็มีบารมี, มีธรรม, มีอะไรต่อมิอะไร ไม่เหมือนกัน เรียกว่าระดับต่างกัน ท่านสามารถเลือกได้ตามกำลังบารมีของท่านด้วย กล่าวคือถ้าท่านบารมีน้อย จะไปเลือกตัวตนที่มีบารมีมากๆ สูงๆ คงไม่ไหว ใช่ไหม? ท่านก็ต้องยอมคว้าเอาตัวตนที่ท่านพอเอื้อมถึงแทน ซึ่งมันอาจจะไม่คุ้มค่ากับการเกิดมา 1 ชาติเท่ากัน เมื่อเทียบกับท่านที่คว้าตัวตนที่มีบารมีสูงๆ ได้แต่ทำอย่างไรได้ละ สุดท้าย ธรรมชาติจัดสรร ตามความเหมาะสม ท่านก็จำต้องยอมรับคงวามจริงข้อนี้ อนึ่ง พระนิตยโพธิสัตว์นี้มีมากมายนะ ถ้าใช้หลักในพุทธศาสนาของท่าน ก็จะทราบว่าบางท่านจะได้นิพพานเร็ว แต่บางท่านจะได้นิพพานช้าหน่อย เรียกว่ายังเหนื่อยไปอีกนานกว่าจะได้เสวยผลอันเป็นที่สุดนี่ก็แล้วแต่ท่านจะเลือกอีกละครับ เลือกแล้วก็ต้องยอมรับนะ ไม่ค่อยมีโอกาสให้เลือกบ่อยนัก "ทุกตำแหน่งมีจำนวนจำกัด" ดังนั้น ก็เลือกกันให้ดีก็แล้วกันครับ



ลำดับต่อไป คือ ตำแหน่งพุทธบิดา เอาละ ภาษาง่ายดี ไม่ต้องตั้งนามใหม่ในที่นี้มีสามนะครับ คือ 1. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดสังขาร 2. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ 3. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดสถานภาพทางสังคม แล้วมันต่างกันอย่างไรละ? เอาละ คุยกันแบบบ้านๆ ชาวบ้านพื้นๆ คุยกันเลยยังงี้


1. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดสังขาร : คือ พ่อที่ให้กำเนิดมาคนแรก ซึ่งท่านจะมีบารมีดูแลพระนิตยโพธิสัตว์องค์นั้นได้เพียงขณะวัยเยาว์เท่านั้น พอท่านโตแล้ว บารมีแก่กล้าแล้วจะโผบินจากพ่อไป พ่อคนนี้หมดบารมีแล้วที่จะทำหน้าที่พ่อได้อีก ทำต่อไม่ไหวแล้ว หมดบารมีแล้วจริงๆ ทำให้แค่เลี้ยงให้โตก็เท่านั้น พอโตแล้ว เขาต้องบินจากไปเพื่อความก้าวหน้าของเขาเองครับ

2. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ : จะมารับหน้าที่ต่อจากพ่อเกิด ท่านนี้จะให้กำเนิดจิตวิญญาณใหม่แก่พระนิตยโพธิสัตว์องค์นั้น จะคอยดูแลในระหว่างที่พระนิตยโพธิสัตว์มีจิตวิญญาณที่ไม่ตรงทาง เพราะต้องเรียนรู้สิ่งที่ผิด นอกลู่นอกทางก่อน จากนั้น จึงค่อยมาทางที่ถูกภายหลัง ท่านนี้ละจะช่วย "ยกระดับจิตวิญญาณ" ของพระนิตยโพธิสัตว์นั้น อย่างของพระศรีฯ ก็จะมี "พ่อนก" หรือพ่อที่บำเพ็ญบารมีมาทาง "นก" ช่วยยกระดับจิตฯ ให้

3. พุทธบิดาผู้ให้กำเนิดสถานภาพ : ท่านนี้เป็นท่านที่สาม ที่จะรับช่วงต่อหลังจากที่พ่อทั้งสองท่านหมดแรงไปต่อไม่ได้แล้ว หมดภาระหน้าที่แล้วจึงส่งต่อให้ท่านที่สามรับช่วงไป ท่านที่สามจะมาทำหน้าที่สร้าง "สมมุติหรือสถานภาพทางสังคม" ที่เหมาะสมตามควรให้แก่พระนิตยพธิสัตว์องค์นั้นเช่น ของพระศรีฯ จะมี "พ่อเสือ" เป็นพ่อเลี้ยงปั้นให้เลี้ยงดูตนเองหรือทำมาหาอาชีพที่เหมาะสมให้ เหมือนพ่อเสือที่สอนนกให้หากินในแบบเสือนั่นละ ทำอย่างไร? เขาก็ล่าสัตว์นั่นเอง พ่อเสือจึงดุแบบซ่อนเล็บซ่อนลาย มีเปลือกนอกเป็น "ผู้ดี" แต่มีทั้ง "ลายและเล็บ" ครบพร้อมเล่นงานศัตรูได้เต็มที่ซ่อนอย่างดี ราวกับแมวเชื่องที่น่ารัก แต่เผลอไม่ได้ เสือก็คือเสือครับ


โอเค เข้าใจชัดเจนไหมครับสำหรับตำแหน่ง "พุทธบิดา" ซึ่งทั้งสามท่านนี้จะมี "รูปแบบตัวตนเปลือกนอก" ที่เป็นแบบอย่างให้พระนิตยโพธิสัตว์เดินตามคนละอย่าง เมื่อบวกกันแล้วทั้งสามก็จะครบตัวตนที่สมบูรณ์ได้ทว่า คำว่า "พุทธบิดา" ก็คือ "ต้นแบบของพระนิตยโพธิสัตว์" แต่ไม่ใช่ผู้ที่จะไปถึง "ที่สุดได้เอง" นะครับ ถ้าไปถึงที่สุดได้เอง ก็ไม่ใช่พุทธบิดาแล้ว ท่านมีหน้าที่เพียง "วางต้นแบบรากฐาน" เท่านั้น คนที่จะทำให้มันไปถึงที่สุดได้มีเพียง "พระนิตยโพธิสัตว์" เท่านั้น ที่จะมารับช่วงงานต่อ



อ้อ ลืมบอกไป พระนิตยโพธิสัตว์แต่ละท่านบารมีไม่เท่ากัน บางท่านเจอพ่อคนเดียวก็จอดเลย ก็มี ไม่ได้พ่อถึงสามคนนะครับ อันนี้แล้วแต่ว่าใครจะบำเพ็ญบารมีได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นครับ เอาละ ต่อมาจะกล่าวถึงตำแหน่ง "พุทธมารดา" กันบ้าง ซึ่งก็มีได้สูงสุด 3 ท่านเช่นกันอันได้แก่

1. พุทธมารดาผู้ให้กำเนิดสังขาร : ไม่ยาก ก็คือ แม่เกิดนั่นแหละ อย่างในพุทธประวัติแม่เกิด ก็คือ พระนางสิริมหามายา แต่แม่เลี้ยงก็คือ พระน้านางซึ่งเป็นอีกท่าน ใช่หรือไม่? นอกจากนี้ ยังมีพระแม่ธรณีที่ปรากฏขณะท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า นั่นก็คือ พุทธมารดาฝ่ายจิตวิญญาณนั่นเอง พอเข้าใจภาพนะครับ (ครบสามแม่พอดี) ซึ่งแต่ละท่านก็ต่างกันไปตามบารมีครับ

2. พุทธมารดาผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ : นี่ก็ต่างกันไปตามบารมีอีก เช่น พระนิตยโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีแก่กล้าทั้งห้าธาตุ สุดท้าย จะไม่มีแม่ทางจิตวิญญาณ (แม่ธาตุ) ใดธาตุหนึ่งมีกำลังพอกันแก่บารมี ไม่อาจคู่ควรได้แม่ธรณี, แม่คงคา, แม่วาโย, แม่เตโช ฯลฯ ก็เอาไม่อยู่แล้ว สุดท้าย ก็จะมีท่านที่มีบารมีครบห้าธาตุ คือ แม่แห่งโลก หรือที่เรียกว่า "ไกอา" นั้นเองที่จะมาเป็น "พุทธมารดาฝ่ายจิตวิญญาณ" ให้แก่พระนิตยโพธิสัตว์องค์นั้น

3. พุทธมารดาผู้ให้กำเนิดสถานภาพ : ปกติ จะมาในรูป "แม่เลี้ยง" ที่จะคอยหนุนให้พระนิตยโพธิสัตว์ได้เสวยบุญในฐานะทางสังคมแบบใด เช่นจะเป็นพระราชาหรือมหาพราหมณ์ ดำรงตนในสังคมด้วยฐานะอันใด ก็จะขึ้นอยู่กับพุทธมารดาผู้ให้กำเนิดสถานภาพนี้แหละครับ เป็นคนหนุนหรือแต่งตั้งให้มีตำแหน่งทางสังคมแบบต่างๆ ทว่า คนที่บำเพ็ญบารมีแบบนี้ก็มีหลายท่าน แต่ละท่านพร้อมมอบ "สถานภาพที่แตกต่าง" กันให้เลือกนะครับ ไม่เหมือนกันเลย เรียกว่า "มีตามบารมีที่บำเพ็ญมาต่างกัน" ไปครับ


ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ "พระนิตยโพธิสัตว์" องค์นั้นจะเลือกอย่างไร? ก็เลือกได้ครับ ท่านจะเลือกเอง แต่ละท่านจะบำเพ็ญบารมีมารอไว้แล้ว รอให้เลือกนะครับ หยิบยื่นสถานภาพทางสังคมให้ท่านเลือก พอเลือกแล้วก็ลงตัวได้แม่แล้ว ก็จะเกิดเป็น "ทีมงาน" สามารถเดินหน้าทำกิจอันควรต่อไปได้ละครับ



ต่อไปเป็นตำแหน่งที่คิดว่าหลายท่านอยากทราบมากเลยครับ คือ ตำแหน่ง"นางแก้ว" ครับ อนึ่ง ตำแหน่งนี้อาจมีได้มากกว่าหนึ่งคนนะครับ แล้วแต่บารมีของพระนิตยโพธิสัตว์อีกนั่นแหละ ถ้าบำเพ็ญบารมีมาก องค์แรกเอาไม่อยู่ คุมดุลยภาพให้กันไม่ได้ ก็จะเจอท่านที่สองคอยมาช่วยคุมดุลยภาพให้ ถ้าเอาไม่อยู่อีก ก็เจอองค์ต่อไปอีก อย่างพระศรีฯ นี่ เยอะมากเลย ไม่รู้จะเยอะไปถึงไหน? อันนี้มันไม่เกี่ยวกับอะไรอย่างอื่นเลยนะครับ มันขึ้นอยู่ที่ว่าบำเพ็ญบารมีมากแค่ไหน? ทำอะไรมาบ้าง เพราะยิ่งบำเพ็ญเยอะ ทำเยอะ คนๆ เดียวบำเพ็ญตามไม่ไหว ก็ต้องให้คนที่สองและสามและส่ และอีกมากมาย มาทำหน้าที่ต่อครับ รองรับช่งกันต่อๆ ไป ไม่ใช่เรื่องความรักหรือความจริงใจ รักเดียวใจเดียวหรือไม่? ก็ไม่ใช่ทั้งนั้น มันกำนดไม่ได้ละเลือกก็ไม่ได้ มันจัดสรรตามบุญบารมีจริงๆ ห้ามกันไม่ได้เลย หึงหวงกันก็ไม่ได้ผล จะห้ามคนไม่ให้เสวยผลบุญบารมีร่วมกันหรือ? เป็นไปไม่ได้ครับ


เอาละ จะบอกลักษณะของ "นางแก้ว" ก่อน จะได้เข้าใจว่าเป็นคนยังไง? อย่างนี้ นางแก้วจะเป็นผู้ตามที่ดี ในอดีตชาติเกิดเป็นชายที่มีความเก่งกล้าในด้านต่างๆ มามากมาย ทว่า ทำกรรมมากเกินไปขณะบำเพ็ญบารมี เลยเอาตัสรอดจากกรรมเพียงคนเดียวไม่ได้ ต้องมาเกิดเป็นหญิงและเดินตามพระนิตยโพธิสัตว์ถึงจะพ้นกรรมได้ครับ ดังนั้น นางแก้ว แท้จริงแล้วจึงเก่งไม่ต่างจากผู้ชายเลยทีเดียว เรียกว่านอกจากพระนิตยโพธิสัตว์แล้ว ก็ไม่เป็นรองใครเลยครับ ยอมเพียงคนนี้คนเดียว ยอมเดินตาม หนุนหลังให้ ก็เพียงคนนี้คนเดียวครับ ส่วนการบำเพ็ญบารมีก็แทบจะเหมือนกันหมดเลยจริงๆ แล้วบริวารของพระนิตยโพธิสตว์จะบำเพ็ญบารมีตามท่านหมดครับแต่จะได้ไม่ถึง, ไม่เต็ม, ไม่ดี, ไม่บริบูรณ์เท่าพระนิตยโพธิสัตว์ เท่านั้นเองไม่เว้นแม้แต่พุทธบิดา, พุทธมารดา, นางแก้ว ฯลฯ ทำตามกันหมดครับแต่ได้เท่าไรก็เท่านั้นเอง ส่วนนางแก้วนี้ได้ในแง่ผู้ตามที่ดี ผู้สนับสนุนที่ดีครับ



ต่อไปจะเป็นตำแหน่ง "อุปถัมภ์-อุปฐาก" ครับ เป็นตำแหน่งที่สำคัญมากอีกตำแหน่งทีเดียว อนึ่ง สองตำแหน่งนี้ต่างกันนะครับ "ผู้อุปถัมภ์" นั้นจะสนุบสนุนการเงิน, ปัจจัยต่างๆ ให้ แต่จะไม่ลงแรง ไม่คอยดูแลใกล้ชิดนะครับ ส่วนผู้อุปฐาก จะไม่ลงเงิน, ปัจจัยให้ แต่จะลงแรง ดูแลใกล้ชิดครับ


อีกประการ "องค์อุปฐาก" จะไม่รวย ไม่ต้องรวยครับ แต่จะมีความสามารถในตัว เช่น ความสามารถในการทำอาหาร, ดูแลเรื่องการแต่งกาย, ของใช้ส่วนตัวของนิตยโพธิสัตว์ ฯลฯ เป็นเหมือน "ผู้จัดการส่วนตัวของดารา" ละคล้ายๆ นั้นเลย หรือบางท่านก็เกิดมาทำหน้าที่แบบนั้น บำเพ็ญแบบนั้นเลยหรืออาจเป็นเหมือน "เรขาฯ ส่วนตัว" ก็ได้ หรือเป็น "มหาขันที" ก็มี ตามแต่ละยุคสมัยครับ ปรับไปตามเหตุปัจจัย อาชีพเหล่านี้เป็นวิถีการบำเพ็ญแบบ "องค์อุปฐาก" ครับ ไม่ใช่องค์อุปถัมภ์นะครับ (เหมือนพระอานนท์)


ส่วนองค์อุปถัมภ์ มักจะต้องเป็นเศรษฐีครับ เป็นเศรษฐีแล้วก็ไม่พอ ต้องมีปัญญาดูคนออกได้ว่าควรสนับสนุนใคร? แล้วยังต้องใจดี ใจบุญ ไม่หวงทรัพย์อีกด้วย เพราะถ้าขี้เหนียวคงเป็นองค์อุปถัมภ์ ไม่ได้ ใช่ไหมครับ? อันนี้ ก็คัดเลือกมาจากเศรษฐีมากมายนั่นแหละ คนไหนจะมีคุณสมบัติที่ครบพร้อมทำหน้าที่ได้ อย่างตอนนี้ ก็รวยกันเยอะแยะ แต่ขาดตรงที่ไม่มีปัญญาพิจารณาดูคนที่ควรสนับสนุนได้นี่สิ บ้างก็ขี้เหนียวเกินไป อันนี้ก็ไม่ได้อีก สุดท้าย เบื้องบนเห็นไม่ทำงาน ไม่ทำหน้าที่ ก็เก็บความรวยคืนกลับแล้ว คือ ล้มละลายบ้าง, เกิดวิกฤติเศรษฐกิจบ้าง ฯลฯ เพราะไม่ทำหน้าที่ หลงลืมหน้าที่ของตัวเอง หลงตัวเองว่าเก่งเกินไป อะไรแบบนั้น



ต่อไป จะเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากอีกเช่นกัน คือ ตำแหน่งอัครสาวกขวา-ซ้าย ผู้เป็นเลิศทางปัญญาและอภิญญา เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เอาอย่างนี้ ยกตัวอย่าง พระถังซัมจั๋ง จะมี "ซัวเจ๋ง" อยู่เบื้องขวา ซึ่งจะบำเพ็ญบารมีจากโง่ทึ่มที่สุด ไปเป็นคนที่มีปัญญามากที่สุดให้ได้ด้วยการโปรดของพระถังซัมจั๋ง และมี "ซุนหงอคง" เป็นสาวกเบื้องซ้ายผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ แต่มักใช้อิทธิฤทธิ์ไปผิดทางหรือไม่จำเป็น อย่างนี้ พระถังซัมจั๋ง ก็ต้องโปรด ต้องคุมให้ได้ จึงจะบำเพ็ญบารมีร่วมกันไปได้ครับ ทั้งสองคนนี้ ดูไม่ยาก เพราะโดดเด่นมาก คนหนึ่งก็มากในทางฤทธิ์ คนหนึ่งก็มากในทางปัญญา แต่ระหว่างทางที่บำเพ็ญบารมีจะมีปัญหามากมาย ไม่ลงตัว สิ่งที่ไม่ลงตัวนั้น พระนิตยโพธิสัตว์ จะต้องดูแลและช่วยให้ค่อยๆ ลงตัวให้ได้ในที่สุด จึงจะได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้ายที่พร้อมสมบูรณ์ได้ในชาติสุดท้าย ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นนั้น บางชาติ ก็ฆ่ากันตายก็มี โดยเฉพาะพระนิตยโพธิสัตว์อาจถูกพระอัตรสาวกเบื้องซ้ายฆ่าตาย หรือพระอัครสาวกเบื้องขวาใช้ปัญญาในทางที่ผิด เพื่อฆ่าหรือทำร้ายได้บ่อยๆ แต่อย่างไรเสียก็ต้องพยุงกันไป ไม่ทิ้งกัน ขนาดถูกทำอย่างนั้น พระนิตยโพธิสัตว์ ก็ยังต้องยอม ยังต้องมีเมตตา และไม่ทอดทิ้ง จึงจะไปถึงชาติสุดท้ายร่วมกันได้ เรียกว่า ต้องทำให้เขายอมรับในภาวะผู้นำที่มากกว่าให้ได้ นั่นเอง นี่ละ ที่บอกว่าพระนิตยโพธิสัตว์ต้องเสียสละมามากมาย


อนึ่ง แต่ละท่านที่ปรารถนาอะไรไว้ และได้มีพันธสัญญาอะไรร่วมกันไว้นั้น เมื่อได้นั่งประจำตำแหน่งชัดเจนแล้ว แต่ละท่าน ยังมี "คู่แข่ง" ที่มีบารมีไม่เท่ากันด้วย ดังที่กล่าวแล้วว่าพระนิตยโพธิสัตว์มีหลายตัวตนแต่ละตัวตนก็มีบุญบารมี ไม่เท่ากัน ผู้ที่ทำหน้าที่ขึ้นกับผู้ที่มีบารมีมากก็จะได้บารมีมากไปด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ขึ้นกับผู้มีบารมีน้อย ก็จะได้บารมีน้อยไปด้วย อันนี้ ยังไม่เห็นผลทันทีชาตินี้ ชาติหน้าได้เห็นชัดเลย บางท่านเคยมีบุญบารมีมาก อาจกลายเป็นน้อย บางท่านเคยได้บุญบารมีมาน้อย หมดชาตินี้ไป กลายเป็นมากได้เหมือนกัน ชาตินี้สำคัญมากเพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากๆ หลายอย่าง แม้แต่ตัวผู้นำเองก็เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย อนึ่ง "ความศรัทธาแน่วแน่" เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะเพราะมันทำให้เราตรงต่ออะไร? ที่นำพาให้เราหลงหรือหลุดพ้นได้เลยละ บางอย่างดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าศรัทธา แต่มันอาจเป็นแค่เปลือกนอกในขณะที่บางอย่างดูน่าเชื่อถือ น่าศรัทธามาก แต่มันก็ไม่ใช่แก่นแท้อีกเช่นกัน เอาละ เราคงจะเล่าทุกตำแหน่งไม่ไหว เอาแค่พอแก้กระสายก็แล้วกัน วันนี้เราก็เหนื่อยละ ขอพักก่อน ขอให้ทุกท่านเลือกดีๆ ก็แล้วกัน


21 พ.ค. 2555


"เสียงจากนิรนาม"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment