ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เพราะคุณก็คือ "สิ่งศักดิสิทธิ์" อยู่แล้ว

เอ้าที่รัก วันนี้เรามาคุยกันง่ายๆ เปิดอกเลย อย่าซีเรียส ปลดปล่อยตัวเองและผ่อนคลายลงสักหน่อย เพราะหัวข้อในวันนี้ "มันสุดยอด" แล้ว พรรคพวกเอ้ย มา ผมจะบอกให้ฟังว่าทำไมผมถึงบอกคุณว่า "ทุกคนคือสิ่งศักดิสิทธิ์" แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็ควรค่าแก่การได้รับการเคารพนับถือไม่ต่างกันดังต่อไปนี้ครับ


ที่รัก เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอทุกคนคือสิ่งศักดิสิทธิ์? ไม่น่า อย่าไปคิดว่าจะต้องเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระเจ้าอะไร เพราะคำว่าสิ่งศักดิสิทธิ์นั้นมันกว้างมากๆ เลย เคยได้ยินไหมวลีที่ว่า "สิ่งศักดิสิทธิ์ในสากลจักรวาล" น่ะ นั่นแหละ มันคือ เราทุกคนด้วยละ อย่าลืมเสียละ นี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะเพราะอะไรหรือ? จะอธิบายอย่างไรดีละ? เอาอย่างนี้ มนุษย์ทุกคนก็คือ"ตัวแทนของสิ่งศักดิสิทธิ์ต่างๆ" ในสากลจักรวาล ณ พื้นโลกนี้ คือ เป็นตัวแทนของสิ่งศักดิสิทธิ์แต่ละท่านที่ประจำการณ์ ณ พื้นโลก นั่นเองละเพราะว่ามีสิ่งศักดิสิทธิ์มากมายเลย ที่ควรได้รับการเคารพบูชาไม่ต่างจากพระพุทธเจ้า หรือพระเจ้าหรอก สิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลายล้วนมีคุณูปการแก่โลกนี้ทั้งนั้น ในแบบที่แตกต่างกันไป และขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้เลย ดังนั้น ผมจึงบอกว่า "ไม่จำเป็นที่เราทุกคนจะต้องเป็นพระพุทธเจ้า" แต่เราก็สามารถอยู่ในฐานะของสิ่งศักดิสิทธิ์ที่สูงส่งไม่ต่างกันได้ และขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือคนหนึ่งคนใดไม่ได้เลย ที่รัก ผมพูดแบบนี้ บางท่านอาจสงสัยและแย้งว่าการทำแบบนี้ เท่ากับทำให้ฟ้าต่ำลงมา ดึงสิ่งศักดิสิทธิ์ให้ต่ำลงหรือเปล่า? ไม่เลยที่รัก ผมกำลังทำให้คุณสูงขึ้นต่างหาก และความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น เพราะอะไร? เพราะทุกท่าน ทุกคน ล้วนมี "ตัวตนที่สูงขึ้นในมิติอื่นๆ" เชื่อมโยงและเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราอาจหลงลืมไปบาง เลยไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงอันมหัศจรรย์นี้เท่านั้น มาถึงตรงนี้แล้ว คุณน่าจะรู้นะว่าผมไม่ได้พูดเล่นและคุณสามารถพิสูจน์สิ่งที่ผมพูดได้ ความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันของเราและสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย ทำให้คุณคือ "ตัวแทนของท่านบนโลกมนุษย์" ที่จะทำหน้าที่ที่สำคัญแทนท่าน ณ โลกนี้ นี่ผมถึงบอกว่าทุกท่านคือสิ่งศักดิสิทธิ์ไงละ


ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนนะว่า ที่ผมพูดเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการให้คุณหลงตัวเอง หรือยกตัวเองข่มใคร เพราะทุกท่านก็คือ สิ่งศักดิสิทธิ์เช่นกันนะมันไม่ต่างกัน เหมือนกัน ไม่มีใครสูงต่ำกว่าใคร เพียงแต่เรามีหน้าที่ต่างกันก็เท่านั้น ผมเพียงแต่กระตุ้น "พลังศักดิสิทธิ์ในตัวของคุณ" ที่หลับไหลมานานแสนนาน ให้ตื่นขึ้นและพร้อมทำหน้าที่เสียที มันหลับมานานอยู่ในตัวคุณมานานแล้ว ที่รัก สมควรให้มันตื่นขึ้นมาได้แล้ว เพราะถ้าไม่ตื่นขึ้น ณ เวลาที่โลกแปรปรวนที่สุดเช่นนี้ จะให้มันตื่นขึ้นเวลาไหนละ?


ที่รัก จิตของเราทุกคน มีลักษณะเดียวกับพระพุทธเจ้า หรือพระเจ้า หรือสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย บริบูรณ์แล้วด้วยความบริสุทธิ์อยู่ภายใน เต็มอิ่มแล้วด้วยธรรมทั้งปวง ทุกอย่างถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แล้วในตัวเอง แม้แต่ "แบบทดสอบ" ของแต่ละท่าน ที่จะทำให้ท่านค้นพบพลังศักดิสิทธิ์ในตัวเอง และพบว่าตัวท่านเองก็คือ หนึ่งในสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย แต่ว่า ท่านคือตัวแทนของสิ่งศักดิสิทธิ์ใดละ? อ่า ท่านยังไม่รู้หรอก จนกว่าท่านจะผ่านการทดสอบ สอบผ่านแบบบทสอบที่อยู่ในตัวของท่านเอง ไม่ใช่แบบทดสอบของใคร อื่นใด ไม่เลยที่รัก ไม่มีแบบทดสอบใดในจักรวาลนี้ ที่จะมาวัดคุณค่าของมนุษย์ได้ คุณค่าของมนุษย์ล้วนมีอยู่แล้ว "ในตัวมันเอง" ทั้งสิ้น มันบริบูรณ์อยู่แล้วในตัวเองตั้งแต่แรก มันไม่ต้องมีแบบทดสอบมาจากใครเลย? ท่านไม่ต้องทดสอบใครเลย? และมันไม่อาจทดสอบใครได้ด้วย เพราะอะไร? หลายท่านคงสงสัย และพยายามทดสอบใจ ทดสอบความสามารถ และอื่นๆ จากคนอื่น บางครั้ง ท่านพบว่าพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบของท่าน ไม่เป็น ไม่ใช่ อย่างที่ท่านเรียกร้องต้องการให้เขาเป็น ทว่า ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเขาไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบของใคร มนุษย์ทุกคนมีแบบทดสอบของเขาเอง ในตัวเขาเองที่จะต้องผ่านให้ได้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาออกแบบทดสอบให้เขาได้เลย แม้แต่คนเดียว! และเมื่อใดที่เขาผ่านการทดสอบของตัวเขาเองแล้ว วันนั้น เขาจะเปล่งประกายแห่งแสงสว่าง ให้ผู้คนได้เห็นว่าเขาก็คือ "สิ่งศักดิสิทธิ์" อย่างหนึ่ง นั่นเอง ไม่เว้นแม้แต่คนที่ต้อยต่ำที่สุด ดูไร้ค่าที่สุด หรือไม่ได้ความอย่างที่สุดก็ตาม นั่นเพียงเพราะเขายังไม่ได้แสดงพลังศักดิสิทธิ์ในตัวของเขาออกมาก็เท่านั้น เมื่อใดที่เขาสอบผ่านแบบทดสอบของเขาเองเมื่อนั้นละ ท่านจะได้เห็น "สิ่งศักดิสิทธิ์" ที่สถิตย์อยู่ในตัวของเขาทุกคน



เห็นไหมที่รัก ผมบอกแล้วว่าหัวข้อวันนี้ "มันยอดมากเลย" ที่รักเพราะมันช่างอัศจรรย์เสียนี่กระไร? ที่คนจะได้คุนพบว่าทุกคนในโลกนี้ ล้วนเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ และเราควรได้การเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เรามีหน้าที่ที่สำคัญและศักดิสิทธิ์ "ต่างกันไป" ในฐานะและรูปแบบที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง แต่ทว่า เราทุกคนล้วนไม่ต่างกันในฐานะของสิ่งศักดิสิทธิ์หนึ่ง โอเค บางท่านอาจงงและรู้สึกขัดแย้ง เพราะเคยเห็นมนุษย์โลกนี้เต็มไปด้วยกิเลส, ความไม่ได้เรื่อง, เห็นแก่ตัว, ชอบทะเลาะกัน, ทำตัวทุเรศหรือเหลวไหลไมได้ความ ฯลฯ เอาละ ผมไมได้มาแก้ตัวแทนมนุษย์โลกนี้หรอกนะแต่ผมกำลังจะบอกความจริงในมุมมองที่บางท่าน อาจลืมมองไป


นั่นแหละ "โอกาสทองของมนุษย์" มนุษย์โลกไม่ได้ถูกสร้างมาให้ถูกต้องเป็นแบบตามพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้า เพราะอะไร? เพราะว่าถ้าถูกสร้างมาให้เหมือนอย่างนั้น ถูกต้องไปหมดแล้ว มนุษย์โลกทุกคนจะไม่อาจออกไปจากขอบเขตแห่งคำว่า "ถูกต้อง" อันคับแคบนั้นได้เลย จะต้องเป็นเช่นนั้น ในแบบที่ถูกต้องอย่างนั้นตลอดเวลา เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย ดังนั้นมนุษย์จึงไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นสิ่งที่เรียกว่า "ความถูกต้อง" เพื่อให้ได้มีโอกาส "ทดลองหาเส้นทางเดินของตนเอง" นั่นเอง เพื่อให้อิสระแก่คนทุกคน ให้โอกาสคนทุกคน ได้ทดลอง เรียนรู้ และแสวงหาเส้นทางเดินในแบบของตนเอง ที่อาจไม่เหมือน ไม่ใช่แบบพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าก็ตามนี่แหละ ผมถึงบอกว่ามันคือโอกาสทองไงละ อีกทั้งมนุษย์โลกนี้ ก็ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็น "ความผิด" แต่อย่างใด เพราะถ้ามันผิดจริง มันก็จะไม่ถูกพระเจ้าหรือธรรมชาติ สร้างมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้น มันจึงไม่ใช่ทั้งถูกหรือผิด เลย ที่รัก มันคือ "ความบริบูรณ์พร้อมในตัวเอง" อยู่แล้ว ที่มีครบทุกอย่าง "แล้วแต่จะถูกมองมุมไหน" ก็เท่านั้นเอง สิ่งนี้ละ ที่อำพรางพลังศักดิสิทธิ์ของมนุษย์แต่ละคน และกดข่มทับถมพลังศักดิสิทธิ์นั้นไว้ภายในมานานแสนนาน มันถูกปิดผนึก ไม่ได้รับการไขออก เพียงเพราะความถูกผิด - ดีชั่ว หรืออะไรต่อมิอะไร ที่ทำให้พลังศักดิสิทธิ์แห่งธรรมชาติเดิมแท้ถูกปิดบังอำพรางไป ที่รัก ตื่นข้น แล้วปลุกพลังศักดิสิทธิ์นั้นขึ้นมา ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องใช้มัน จงยืดอกขึ้นอย่างกล้าหาญ แล้วก้าวไปพร้อมกัน



เชื่อมั่นในพลังศักดิสิทธิ์ในตัวเอง เชื่อมั่นในพลังศักดิสิทธิ์ของมนุษย์ทุกคน นั่นคือ ความเชื่ออันสูงสุด เพราะมันมากกว่าแค่คุณเชื่อว่ามีพระเจ้าหนึ่งองค์ หรือเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้าบนโลกนี้เสียอีก เมื่อคุณเชื่อใน "เพื่อนมนุษย์ทุกคน" คุณเชื่อใจ ไว้วางใจ ว่าเขาก็คือสิ่งศักดิสิทธิ์หนึ่งเช่นกัน เมื่อนั้น "พลังความเชื่อที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์" จะเกิดขึ้นแก่คุณ มันไม่มีช่องว่างแห่งความไร้ศรัทธาเหลือให้สิ่งแปลกปลอมเลยที่รัก มันเต็ม มันล้น มันเปี่ยมไปด้วยศรัทธาที่เหนือกว่าศรัทธาใดๆ ผมไม่ได้บอกว่าให้เลิกศรัทธาพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้า หรือเทพเจ้าที่อยู่ในศาสนาของท่านนะ นั่นคือ "บันใดขั้นแรกของพลังศรัทธา" ก็เท่านั้น คุณเลือกศรัทธาสิ่งที่ดีงาม เป็นตันแบบที่ดีงาม ถูกต้องแล้ว ทว่า นั่นยังไม่ไพศาล คุณยังมีศรัทธาที่ตรงไปจุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งไม่ผิด แต่มันไม่ได้แผ่ไพศาล ก็เท่านั้นเอง นี่ไง ผมกำลังแนะนำพลังศรัทธาที่แผ่ไพศาลให้แก่คุณ คือ เมื่อใดที่คุณศรัทธาในพลังศักดิสิทธิ์ของมวลมนุษย์ทุกคนคุณจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่น่าเชื่อ และอัศจรรย์อย่างที่สุด มันเป็นพลังที่เปี่ยมล้นและไม่มีจำกัดเลยทีเดียว ที่รัก มันสุดยอดเสียยิ่งกว่าอะไรแล้ว!


ที่รัก เพราะเหตุใดผมจึงแนะนำพลังศรัทธาและพลังแห่งความศักดิสิทธิ์นี้แก่คุณ แน่นอนมันย่อมมีเหตุผล บางสิ่งที่ตรงข้ามกับผม พร้อมแนะนำให้คุณเกลียดเพื่อนมนุษย์ และมองโลก มองคนในแง่ลบ มองมนุษย์ว่ามีแต่ความไม่ได้เรื่อง, ทำผิดซ้ำซาก, สอนไม่ได้, ดื้อด้าน, เอาแต่เถียงทั้งที่ไม่ได้มีปัญญาอะไรนัก, ทะเลาะกันไม่จบสิ้น, ทำอะไรไม่ได้ความ ฯลฯ และอีกมากมายหลายประการ ที่เขาจะสามารถดลจิตดลใจคุณได้ เพื่ออะไรหรือ? ก็เพื่อให้คุณผลิตพลังงานเชิงลบออกมา แล้วเขาจะใช้พลังงานเชิงลบของคุณนั่นแหละ เล่นงานเพื่อนมนุษย์ของคุณเอง ดังนั้น ผมจึงต้องแนะนำสิ่งนี้แก่คุณ เพราะมันเป็นพลังงานที่ตรงข้ามกัน และส่องสว่างขับไล่พลังเชิงลบเหล่านั้นไปได้ มันจำเป็นมากเลยที่รัก มันสำคัญมากด้วย และถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องช่วยกัน ก่อนที่จะสายเกินไป


เอาละที่รัก ผมไม่อยากพูดให้มันยากเกินไป เพราะท่านอื่นๆ เคยบอกแล้วถึง "ตัวตนที่สูงขึ้น" ของท่านทั้งหลาย นั่นแหละ เครือข่ายตัวตนหลากมิติในกลุ่มอัตลักษณ์ของท่าน และเขาก็คือ ท่าน เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันกับท่าน ท่านและเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน มานานแล้ว จงใช้พลังแห่งความเชื่อมโยงและเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ ในการขับเคลื่อนสิ่งดีงามในโลกนี้ของคุณต่อไป แล้วคุณจะพบ "ความเชื่อมโยงที่ไร้จำกัด" นั่นหมายความว่าไม่ได้มีสิ่งศักดิสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว ที่เชื่อมโยงกับคุณ แต่มีอีกมากมายนัก นับไม่ถ้วน ที่คุณจะสามารถเชื่อมโยงกับตัวตนที่สูงกว่าของคุณได้ เมื่อใดที่คุณได้รับ "แบบทดสอบของคุณเอง" และทำให้มัน"ผ่าน" ได้ เมื่อนั้น พลังแห่งความศักดิสิทธิ์ในตัวของคุณจะถูกปลุกขึ้นสว่างไสวขึ้น ไม่ต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า หรือดวงอาทิตย์เลยทีเดียวที่รัก เวลานั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว เวลาที่สิ่งศักดิสิทธิ์จะเปิดเผยตัวตนและคุณจะได้เห็นว่า "สิ่งศักดิสิทธิ์ใด" ที่สถิตย์อยู่ในตัวคุณ หลับไหลอยู่ในตัวคุณมานานแสนนาน จงกล้าหาญ ที่จะใช้พลังนั้นออกมา ถึงเวลาแล้ว!


22 พ.ค. 2555


"เสียงจากคลื่นแสงแห่งจักรวาล"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment