ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

กลจักรทองคำแห่งความมั่งคั่งและอิสรภาพชีวิตสู่ "เศรษฐกิจพลังงานใหม่"

สวัสดีครับ สำหรับหัวข้อในวันนี้เป็นสิ่งที่ผมพิจารณาอยู่นานว่าควรหรือไม่ที่จะแจ้งให้ท่านทราบ แต่แล้วในที่สุด ก็จำเป็นต้องแจ้งท่านไปตามหน้าที่นะครับ ผมทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดอะไร ขึ้นเกินไปเลย เพราะสิ่งที่จะแจ้งแก่ท่านนี้ เสี่ยงต่อการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนมากทีเดียว เอาละอย่างไรก็คงต้องแจ้งแก่ท่าน ดังจะค่อยๆ อธิบายไปนะครับ


อย่างที่ท่านทราบดีว่าขณะนี้โลกกำลังอยู่ในภาวะท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจอันยิ่งยวด เหมือนเรือน้อยที่ล่องลอยกลางพายุพัดโหมกระหน่ำ ท่านคงรู้สึกอย่างนั้น ทว่า เราไม่ได้ต้องการให้ท่านรู้สึกอย่างนั้นเลย เราต้องการท้าทายให้ท่านกล้าหาญมากขึ้นที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับเศรษฐกิจพลังงานใหม่ ที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของท่านให้ดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้นในทุกๆ มิติ ก็เพียงเท่านั้น ดังนั้น อย่าได้ตกใจหรือวิตกกังวลเกินไป เรากำลังพาท่านเหินบิน หลายท่านอาจตั้งตัวไม่ทัน กับการเลื่อนระดับนี้ และทำให้เกิดปัญหาหลายประการอย่างที่เห็นกันอยู่ ไม่... นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการให้ท่านเป็นเลย ดังนั้น เราจึงต้องเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อให้ท่านพร้อมเหินบินสู่ระดับที่สูงขึ้นกับเรา ขณะที่ท่านกำลังขัดแย้งทางความคิดกันอยู่ว่าควรใช้มาตรการประหยัดต่อไป หรือควรกระตุ้นเศรษฐกิจดี? ใช่หรือไม่ ก่อนอื่นเราจำต้องแจ้งแก่ท่านว่านั่นไม่ใช่วิถีของเศรษฐกิจพลังงานใหม่เลยทั้งสองกรณี อย่างไรหรือ? ลองมาพิจารณากรณีแรก กันก่อนนะ


เมื่อท่านใช้วิธีการประหยัด เน้นความสมดุล พอดี พอเพียง หรือที่ท่านเรียกกันว่ามาตรการรัดเข็มขัดอยู่นั้น ท่านกำลังทำสิ่งที่ขัดแย้งกับระบบเศรษฐกิจของท่านอยู่ อย่างไร? ก็ระบบเศรษฐกิจที่ท่านใช้อยู่ที่ท่านเรียกว่า "ทุนนิยม" นั้น เป็นระบบที่มีกลไกลการขับเคลื่อนแบบพลวัตรสองขา คือ มีกำไรเป็นขาหน้า และมีต้นทุนเป็นขาหลัง ท่านก้าวสองขาอย่างนี้ไปข้างหน้าเรื่อยๆ ท่านหยุดไม่ได้ เพราะถ้าท่านหยุดขาหน้า ท่านหยุดขาหลังได้หรือไม่? ก็ไม่ได้ ท่านพอดี พอเพียง สมดุลแล้ว ณ จุดที่ท่านยืนปักหลักมั่นคงอยู่ด้วย "ขาหน้า" ทว่า ขาหลังของท่านมันหยุดหรือเปล่า? ไม่เลยที่รัก ขาหลังของท่านยังเดินไปข้างหน้าอยู่เสมอ ต้นทุน, ดอกเบี้ยและอะไรอีกหลายประการ มันดันหลังท่านอยู่ตลอด ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า "จุดสมดุล" หรือ "จุดพอดี พอเพียง" มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "จุดเที่ยง" ให้ท่านยืนปักหลักได้หรอก เพราะจุดสมดุลนั้นมันไม่เที่ยงตั้งแต่แรก มันย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละวาระเวลา ดังนั้น จุดสมดุลเองก็เปลี่ยนไปเสมอ เหมือนท่านเล่นกระดานโต้คลื่นนั่นแหละ มันไม่นิ่ง ไม่เที่ยง สิ่งที่ท่านทำได้ ไม่ใช่การยืนหยัด ณ จุดที่เรียกว่า"พอดี-พอเพียง" และท่านอยู่ได้แล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ท่านต้องปรับตัวไปทุกภาวะของคลื่นทะเลแห่งเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปดุจนักเล่นกระดานโต้คลื่น ท่านจะยืนปักหลัก ณ จุดใดจุดหนึ่งที่พอดีนั้นไม่มีเลย ไม่ได้ด้วย เพราะถ้าท่านทำเช่นนั้น ก็เท่ากับท่านกำลังแช่แข็งระบบเศรษฐกิจของท่าน หรือกำลังกักน้ำให้หยุดนิ่ง เมื่อมันนิ่ง ไม่ไหลเวียน มันก็จะกลายเป็นน้ำเน่าในที่สุด นี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระบบทุนนิยมที่ท่านใช้อยู่เลย! โอ ที่รัก ท่านคิดถูกที่กำลังหาวิธีใหม่ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของท่าน แต่แนวคิดนั้นยังไม่ถูกต้อง เรากำลังเดินเคลื่อนไปข้างหน้า เราจะย้อนถอยหลังไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบฤษีหรือไร? หรือจะให้กลายเป็นระบบเศรษฐกิจแบบแช่แข็ง? ไม่นะ ที่รัก อย่าทำเช่นนั้นกับระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่มีพลวัตรขับเคลื่อนแบบสองขา



ต่อไป เราจะขอวิจารณ์แนวทางในการ "กระตุ้นเศรษฐกิจ" บ้าง ซึ่งเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่กำลังจะ "สวนกระแส" ของนโยบายรวมอยู่ในขณะนี้ ใช่หรือไม่? ที่รัก ท่านมีแนวคิดที่ถูกแล้วครึ่งหนึ่งแต่วิธีการของท่านยังไม่ถูกต้องนัก เพราะถ้าท่านทำจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่การเคลื่อนเดินหน้าไปของเศรษฐกิจ แต่มันจะกลายเป็น "ไฟแห่งการปฏิวัติทางการเมืองที่ลุกโชน" แทน โอว พระเจ้า? ..ทำไมหรือ? ท่านร้อนเกินไปไงละ ท่านไม่ใช่ทองคำที่มั่นคงด้วยคุณค่า แต่ท่านกำลังกลายเป็นเพลิงที่รุกใหม้ และมันจะลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาคในเวลาอันสั้นเท่านั้น! ที่รัก ท่านอย่าใจร้อนเกินไป ท่านมีไฟนับว่าถูกต้องแล้ว ทว่า ท่านต้องรู้จักใช้ไฟอย่างสร้างสรรค์และพอดีแก่สภาพที่ท่านเป็นอยู่ด้วย จริงอยู่ ท่านคิดถูกระบบเศรษฐกิจแบบนี้ต้องได้รับการกระตุ้นและมีพลวัตรหมุนเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ ดังที่เราได้กล่าวแก่ท่านแล้วว่า "ท่านเดินสองขา" และท่านก็ไม่อาจหยุดขาหลังที่ก้าวไม่หยุดของท่านได้ ที่รัก ท่านยังต้องก้าวต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ ท่านไม่ใช่พระราชามาเกิดที่ไม่ต้องทำอะไร มีสมบัติเลี้ยงดูอยู่ท่านอยู่เฉยๆ ไม่เดือดร้อนอะไร ก็อยู่ได้? ไม่ใช่ ท่านไม่ใช่อย่างนั้นเลยท่านต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป แต่ไม่ใช่วิธีเดิมมันต้องเปลี่ยนวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปลี่ยนจากการกระตุ้นด้วยเงินทุนหรือทรัพยากรต่างๆ เป็นการกระตุ้นภายใต้แนวคิด "พลังงานใหม่" ต่างหากละ ที่รัก มันคือ การกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ใช้เงินทุนและใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ใช้ภายใต้แนวคิดพลังงานเก่าก็เท่านั้น สิ่งที่เรากำลังบอกแก่ท่านล้วนได้รับการยกระดับไปสู่ระดับพลังงานใหม่แล้วทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งกระตุ้น, ตัวกระตุ้น, ไฟที่กระตุ้นจึงเปลี่ยนไปด้วย


ที่รัก มาถึงตอนนี้แล้ว เราจะได้แจ้งถึงแนวคิดระบบเศรษฐกิจพลังงานใหม่เสียที อย่างไรหรือ? ก็มันขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่นะสิ กล่าวคือเราไม่ได้เน้นที่เงินทุนแบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า "ทุนนิยม" หรือนิยมเอาทุนเป็นที่ตั้งอีกต่อไป เราใช้ "พลังงานใหม่" เป็นตัวตั้งต้น ซึ่งมันเข้ากันได้กับระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเดิมของท่าน หรือระบบเศรษฐกิจแบบตรงข้ามคือ "สังคมนิยม" ก็ตาม เพราะสิ่งที่เราถ่ายทอดแก่บรรพชนคนรุ่นก่อนๆ ของท่าน ก็คือสิ่งนี้ ทว่า มนุษย์โลกที่รับการสื่อสารจากเรา ได้เกิดความเข้าใจแตกต่างกันไปสองทาง กลายเป็นการแตกแขนงกันของระบบเศรษฐกิจ คือ สายหนึ่งกลายเป็นทุนนิยม สายหนึ่งกลายเป็นสังคมนิยมซึ่งมันยังไม่สมบูรณ์เลยทั้งสองสาย สิ่งที่เราเสนอนี้ สมบูรณ์พร้อมกว่าแต่เพราะการรับรู้ของบรรพชนบนโลกนี้ ไม่อาจรับรู้ได้รอบด้านถ้วนถี่ ดังนั้น จึงแตกแขนง แยกเป็นสองสายดังกล่าว และเวลานี้ มันถึงเวลาที่จะแจ้งแก่ท่านถึงระบบเศรษฐกิจแบบพลังงานใหม่แล้ว เราไม่รู้จะใช้คำเรียกใดที่ดีกว่านี้ เอาเป็นว่าเราขอใช้คำนี้เรียกมันไปก่อน ซึ่งเราจะอธิบายต่อไป


ที่รัก กลไกลแรกที่เราจะแนะนำให้ท่านรู้จัก ขอเรียกว่า "กลจักรทองคำ" ก็แล้วกัน มันเป็นเหมือนฟันเฟืองที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า ซึ่งในระบบเดิมที่ท่านใช้อยู่ มีความคล้ายคลึงกับสิ่งนี้อยู่บ้าง กล่าวคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพลวัตรต่อเนื่องกันไม่สิ้นสุด เช่น ความคาดหวังต่อเงินในอนาคตที่สูงขึ้น ย่อมขับดันให้คนกล้าที่จะปล่อยเงินกู้, และลงทุน (คาดว่าอนาคตต้องได้กำไรคืน) ใช่หรือไม่ จากนั้น พอท่านได้ดังที่ท่านคาดแล้ว ท่านก็มีพลังใจ กำลังใจ และความเชื่อมั่นมากขึ้น ท่านก็ยิ่งจะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ใช่หรือไม่? นี่ละ คือ กลจักรการขับเคลื่อน คือ มีเหตุปัจจัยร่วมหนุนเป็นวัฏจักรต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แบบนี้ใช่ไหม? อะ ทีนี้ เราจะกล่าวถึง"กลจักรทองคำ" บ้าง มันคล้ายๆ กันมากเลยที่รัก แต่จะต่างกันตรงที่ แทนที่มันจะคาดหวังกับเงินในอนาคตว่าจะได้มากขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วมันอาจเป็นไปได้ทั้งมากขึ้นหรือน้อยลง ใช่ไหม? ท่านคิดแต่ขาได้ขาเดียว ไม่คิดถึงขาลงใช่ไหม ในที่สุดพอเศรษฐกิจกลายเป็นขาลง ท่านก็ทำอะไรไม่ถูกใช่ไหมละ? นั่นละ เราจึงเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อความคาดหวังของผลได้รูปตัวเงินในอนาคตเป็น "ความคาดหวังต่อคุณค่าแห่งสาธารณะประโยชน์ในอนาคต" แทน หมายความว่าแทนที่ท่านจะทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพราะท่านคาดหวังว่าจะได้เงินในอนาคตคืนมามากขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นว่าท่านคาดหวังใน "ประโยชน์แห่งสาธารณะ" ในอนาคตมากขึ้นแทน นั่นคือ ท่านทำไปเถิดเพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะ โดยไม่ต้องสนใจว่าตัวเงิน, ทุน, หรือรูปธรรมทางทรัพย์แห่งปัจเจกบุคคลจะมากขึ้นหรือไม่? นี่คือ ข้อแตกต่างประการแรกซึ่งมันจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า GDP ที่มองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่และเพิ่ม GDP รวมทั้งประเทศของท่านได้ เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปจากการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย "เงินทุน" ได้ นี่คือ "ขาแรก" ที่จะขับดันเศรษฐกิจนั้นๆ


เพื่อให้ท่านเข้าใจอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะขอเปรียบเทียบระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และแบบพลังงานใหม่ เป็นดั่งอะไหล่หลายๆ ชิ้นที่ประกอบกันขึ้นมาเป็น "กลจักรขับเคลื่อน" ซึ่งแต่ละชิ้นเมื่อรวมกันแล้ว จะทำงานเป็นพลวัตร ดังต่อไปนี้

ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

1. ความคาดหวังต่อผลได้ในอนาคต - ขับดันไปสู่ ...
2. กิจกรรมทางเศรษฐกิจขาแรก (ลงทุน) - ขับดันไปสู่ ...
3. กิจกรรมทางเศรษฐกิจขาหลัง (กำไร) - ขับดันไปสู่ ...
4. ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ - ขับดันไปสู่ "ความคาดหวังฯ"

ทั้งสี่นี้เป็นองค์ประกอบเหมือนอะไหล่แต่ละชิ้น ที่เมื่อประกอบร่วมกันไปแล้ว จะส่งเสริมเกื้อหนุนกันไปข้างหน้าเป็นวัฏจักรไม่มีที่สิ้นสุด ใช่ไหม? ทว่า เมื่อขาแรกของท่าน (การลงทุน) มีต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท่านเริ่มต้องก้าวขาที่สองออกไปไกลยิ่งขึ้นทุกที (ขยายตลาดให้กว้างไปเรื่อยๆ เพื่อให้กำไรมากขึ้นทันต้นทุนที่วิ่งตามหลังมา) ทว่า ตลาดที่ท่านคาดหวัง ไม่เปิดเสรีอย่างที่ท่านต้องการ โอ พระเจ้า? นี่คือ การกลั่นแกล้งกันหรือไร? ไม่ ท่านอย่าได้คิดอย่างนั้น จงก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปซะจงยกระดับตัวเองขึ้นสู่ระดับสากลจักรวาลได้แล้ว นั่นคือ เข้าสู่ระบบพลังงานใหม่ได้แล้ว เพราะท่านใช้อะไหล่ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงอยู่คือ ท่านคิดว่า "เงินในอนาคตต้องมากขึ้นเสมอ" ท่านจึงมีดอกเบี้ย และคาดหวังว่าเมื่อให้ยืมแล้วต้องได้เงินในอนาคตคืนมา มากกว่าเดิมเสมอ นี่มันผิดธรรมชาติแล้วที่รัก ผิดตั้งแต่แรก คือ เงินในอนาคตไม่เที่ยง มีเพิ่มหรือลดลง ก็ได้ มันไม่ได้มีแต่ขาขึ้นเท่านั้นนะที่รัก ดังที่กล่าวแก่ท่านแล้วว่าท่านจะต้องรู้จักเล่น "กระดานโต้คลื่น" ในกระแสคลื่นที่ไม่แน่นอนของระบบเศรษฐกิจนี้ ท่านจะหยุดก็ไม่ได้ ท่านจะขึ้นอย่างเดียว ก็ไม่ได้นะที่รัก



และต่อไปนี้ เราจะขออธิบายองค์ประกอบที่เหมือนเป็นอะไหล่ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจพลังงานใหม่ ให้ดูบ้าง ดังต่อไปนี้

ระบบเศรษฐกิจแบบพลังงานใหม่

1. ความคาดหวังต่อคุณค่าสาธารณะในอนาคต - ขับดันไปสู่ ...
2. กิจกรรมทางเศรษฐกิจขาแรก (กิจกรรมต่างๆ) - ขับดันไปสู่ ...
3. กิจกรรมทางเศรษฐกิจขาหลัง (ความพึงพอใจ) - ขับดันไปสู่ ...
4. ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ - ขับดันไปสู่ "ความคาดหวังฯ"ง

สิ่งที่แตกต่างและเปลี่ยนไปคือ 


1. การเปลี่ยนความคาดหวังจาก ที่เคยคาดหวังผลได้ในอนาคตแบบส่วนตัว (ฉันทำ ฉันต้องได้) มาเป็นการหวังในผลได้เชิงสาธารณะประโยชน์ให้มากขึ้น หมายความว่า แม้ไม่ได้สิ่งใดกลับมาแก่ตนเอง แต่เพื่อประโยชน์สาธารณะก็ทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ 

2. กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปการลงทุนที่เป็นตัวเงินทุน หรือวตถุทางเศรษฐกิจก็ได้เช่น การปลูกต้นไม้ให้ชุมชนไม่ได้อยู่ในรูปการลงทุน แต่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ และนับเป็น GDP ที่มองไม่เห็นได้ 

3. ขาที่สองที่ตามมา คือ "ความพึงพอใจ" หรือ "จิตใจที่สว่างไสว" ด้วยพลังใจแห่งการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม อันเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนสิ่งนี้ เป็นเหมือน "รางวัล" ที่กระตุ้นให้ผู้กระทำ กระทำกิจกรรมต่อไป ไม่ใช่ตัวกระตุ้นในรูปเงินหรือกำไร เท่านั้น และ 

4. สุดท้าย ก็นำไปสู่ความ"เชื่อมั่นแบบใหม่" (New Confidence) คือ เชื่อมั่นในประโยชน์แห่งสาธารณะสมบัติร่วมกัน แทนที่จะเชื่อมั่นในกำไรส่วนบุคคล ดังระบบเดิม

ทีนี้ ที่รัก ท่านจะต้องกระตุ้นองค์ประกอบที่สามบ้าง (ขาหลัง - ความพึงพอใจ) คือ ท่านควรมีปัจจัยต่างๆ แจกจ่ายแก่ผู้ทำประโยชน์สาธารณะบ้าง เพื่อให้กำลังใจเขา หรือทำให้เขาสามารถดำรงตนอยู่ได้ แม้ไม่มีเงินในขณะที่เขาทำเพื่อสาธารณะประโยชน์นั้นๆ แบบนี้ พวกเขาที่อาจตกงานอยู่ จะไม่เครียดเกินไป มีงานสาธารณะกุศลทำอยู่ ไม่ว่างมากจนมีเวลาไปประท้วง และมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไป รออนาคตที่สดใสมากขึ้นไม่เสียเวลาว่างไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งยังสามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วย



และเพื่อให้ท่านเข้าใจหลักการของ "กลจักรทองคำ" ในระดับจุลภาคมากขึ้น เราจะขอยกตัวอย่างในการประยุกต์ใช้กลจักรทองคำนี้ ในการบริหารธุรกิจในระดับย่อยลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เดิมเมื่อท่านเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมาก ท่านก็จะลงทุนให้มากขึ้น อัดเงินลงไปมากขึ้น ใช่ไหม? ทว่า นั่นเป็นวิธีขับเคลื่อนด้วยพลังงานเก่า แบบเดิม ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ตามหลักการของกลจักรทองคำ คือ ท่านจะไม่ใช้เงินเป็นตัวกระตุ้นอีกแล้ว แต่ท่านจะใช้ "คุณค่าของกิจกรรมแทนตัวเงิน" เพราะมันคือ "กลจักรทองคำ" ที่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่ใช่ "จักรเงิน" ที่ใช้เงินเป็นตัวหลักสำคัญในการขับเคลื่อนอีกต่อไป กล่าวคือ ตัวกิจกรรมที่ท่านทำลงไป มันมีคุณค่าหรือไม่ต่อสาธารณะประโยชน์ ถ้ามีก็ทำได้เลย ไม่ต้องรอเงิน โอเค? มันต่างกันมากใช่หรือไม่? ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมง่ายๆ เช่น เดิมท่านจะอัดตัวเงินเข้าสู้กับคู่แข่งขัน ในการซื้อโฆษณามากๆ ใช่ไหม? หรือลดแลกแจกแถม แบบกระหน่ำ ซึ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาด้วย แต่แบบใหม่นี้ ไม่ใช่เลย สิ่งที่ท่านจะอัดลงไปแข่งขันนี้เป็น "กิจกรรมอันทรงคุณค่าในตัวมันเอง ดุจทองคำ" ไม่ใช่เม็ดเงินแล้วนี่คือ เปลี่ยนวิธีคิดแบบ "กลจักรเงิน" เป็น "กลจักรทองคำ" โอเค ไหม?


สมมุติง่ายๆ อีกข้อหนึ่ง ถ้าร้านของท่าน เหงามาก คนเข้าร้านน้อยมากๆ แทนที่ท่านจะหาทางลงเงินโฆษณาเพิ่ม หรือลดแลกแจกแถม กระหน่ำเอาอย่างนี้ ท่านปิดร้านเลย 1 วัน แล้วไปที่ชุมชนที่มีผู้คนมากๆ แล้วท่านก็พาลูกน้องในร้านของท่าน แต่งชุดประจำร้านของท่านไปทำประโยชน์สาธารณะตรงนั้นเลย เอาให้มันสนุก เอาให้มันน่าสนใจ เอาให้มันดูมีค่าน่าสนใจ น่าติดตาม น่าเข้าร่วม จะทำความสะอาดวัตถุที่เขาไม่ค่อยสนใจกัน ก็ทำเลย ทำแบบสนุกสนานจริงจัง ดูแล้ว ใครๆ ก็ต้องมอง ชนิดที่เป็นข่าวไปเลย โอเคไหม? นี่ผมยกตัวอย่างง่ายๆ นะ ที่จริง คุณสามารถคิดอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ได้มากมาย ภายใต้แนวคิด "ไม่ใช้เงินเป็นหลัก" ในการขับเคลื่อน แต่ใช้ "คุณค่าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" นั้นๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทน เอาละ ผมแนะนำกลจักรทองคำ มาพอสมควรอันที่จริงมันมีอะไรอีกมากมาย ที่มากกว่ากลจักรทองคำ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ละเอียดลงไปใน "ระบบเศรษฐกิจพลังงานใหม่" นี้ เพื่อไม่ให้มากเกินไปจนเกินกว่าที่คุณจะนำไปทดลองประยุกต์ใช้ได้ ผมจึงขอยุติลงเพียงเท่านี้


18 พ.ค. 2555


"เสียงจากดาวแห่งการค้าขาย"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment