ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

การให้กำเนิดสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริง(ในอดีต) และการปลุกพลังวิญญาณทุกสรรพสิ่ง

สวัสดีครับ วันนี้ มีเรื่องวิทยาการ บางอย่างจากจักรวาล มาเล่าให้ ฟังเล่นๆ นะครับ คือ วิทยาการใน การปลุกพลังวิญญาณของสิ่งที่ เดิมมีแต่ "สังขาร" ขึ้นมา เช่น ถ้าคุณตั้งโรงแรม สร้างสังขาร วัตถุให้มันแล้ว แต่มันยังไม่มีสิ่ง ที่เรียกว่าวิญญาณ และไม่มีพลัง ดึงดูดนะครับ ดังนั้น คุณต้องทำ ให้มันมีพลังดึงดูดต่อไป มันจึง จะสำเร็จเป็นโรงแรมชั้นนำ และ คุณก็จะประสบความสำเร็จใน การดำเนินธุรกิจครับ เอาละ มันไม่ใช่เรื่องของคนที่รีบ นิพพานนะครับ ท่านไหนยังไม่รีบ นิพพาน และยังใช้ชีวิตอยู่บนการ แข่งขัน ก็ลองอ่านดูนะครับ ...


สำหรับ "ผู้สร้าง" แล้ว ย่อมให้กำเนิดสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริง ได้ทั้งสิ้นครับ


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ สรรพสิ่งไม่เที่ยง มีเกิดแล้วมีดับ, ดับไปแล้ว เกิดใหม่มาแทนที่ สำหรับในกระบวนการเกิดนั้น ก็จะมี "ผู้สร้าง" เข้ามา เกี่ยวข้องในแต่ละระดับครับ เช่น สร้างระดับโลก, ระดับประเทศ, ระดับใน ครัวเรือน ฯลฯ ได้ทั้งหมดครับ ไม่เว้นแม้แต่คนสร้างหนัง สร้างตัวละคร นี่ก็ ผู้สร้างเหมือนกันครับ แต่เขาสร้างเพียงหนัง ถ้าเราเอาตัวการ์ตูนของเขา มาสร้างต่อ ก็ได้เหมือนกันครับ จากหนังอาจกลายเป็นชีวิตจริง คนจริง ก็ ได้ครับ (ถ้าเรามีบารมีสร้างได้นะ) ไม่มีสาระครับ! เป็นเรื่องกิจกรรมยาม ว่างของ "ผู้สร้าง" ก็แค่นั้นเอง ไม่ยากอะไรเลยครับ อะไรที่มีสังขารแล้ว หรือมีนามรูปแล้วก็สร้างต่อไปตามลำดับของ "ปฏิจจสมุปบาท" ก็แค่นั้น เอง ไม่แปลกอะไร อะไรที่ไม่เคยมีก็สร้างได้ทั้งนั้นแหละครับ เอาง่ายๆ แค่ เว็บไซต์, อินเตอร์เน็ต, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เมื่อก่อนมีไหมครับ? แต่ตอนนี้ ละ แหม เต็มไปหมด ก็สร้างมันขึ้นไงครับ มันสร้างได้ทุกอย่างนั่นแหละ! ดังนั้น ไม่มีอะไรที่สร้างไม่ได้, ไม่มีอะไรที่ไม่อาจเป็นจริง ทุกสรรพสิ่งล้วน สร้างได้, ทำให้เกิดขึ้นได้, ทำให้มีได้, ทำให้เป็นจริงระดับสมมุติได้ทั้งสิ้น


สินค้าที่คุณสร้างขึ้นมา (สังขาร-รูป) ต้องมีแบรนด์ (นาม) และวิญญาณ


ต่อไปผมจะขอยกตัวอย่าง การสร้าง ที่คุณเห็นได้ทั่วไป และมีอยู่ดาษดื่น ในทุกวันนี้ เห็นได้แทบทุกที่ครับ นั่นคือ การสร้างสินค้าใหม่ (New pro duct) ซึ่งกว่ามันจะมี "ชีวิต" ขึ้นมาได้ นอกจากคุณจะสร้างสังขารซึ่ง เป็นวัตถุให้มันแล้ว มันมีรูปแล้ว สร้างชื่อ (นาม) ให้มันแล้ว คุณยังต้องมี "พลังวิญญาณ" ปลุกให้มันมีชีวิตด้วยนะครับ เอาง่ายๆ บางโรงแรมเคย ไปไหมครับ มันไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย เหมือนอะไรที่ชั่วคราว แค่นอนๆ ไปสักคืนหนึ่ง ตื่นขึ้นมาก็จากไปแต่บางโรงแรมมันมีชีวิตชีวา มีวิญญาณ ครับ เราผูกพันกับมัน พักแล้วอยากกลับมาพักอีกไงละครับ โอ้ ง่ายมาก! เข้าใจหรือยังครับ อะไรที่สร้างขึ้นมาแล้วมีพลังวิญญาณกับไม่มีพลังที่ว่า นี้ ผมคงไม่ต้องอธิบายเยิ่นเย้อนะครับ สรุปง่ายๆ ว่ามันสร้างได้ทุกอย่างที่ มีอยู่แล้ว และไม่เคยมีมาก่อนเลย (ตามแต่บารมีผู้สร้างครับ) แต่เมื่อสร้าง ขึ้นมาแล้วมันจะไปได้นานแค่ไหน? มันจะมีพลังแค่ไหน? จะมีวิญญาณมั้ย อันนี้ แตกต่างกันนะครับ เคยแวะโครงการบ้านจัดสรรบางแห่งมั้ยครับ บาง แห่งไม่นานเท่าไรก็คล้ายหมู่บ้านร้างแล้ว เก่าแล้ว เหมือนจะหมดอายุแล้ว แต่บางแห่งมีชีวิตชีวา สดชื่น มีพลังวิญญาณหล่อเลี้ยงอยู่ตลอด เอาละ นี่ ก็น่าจะพอเป็นตัวอย่างให้ท่านเข้าใจมากขึ้นได้แล้ว ใช่มั้ยครับ ทีนี้ วิศวกร ที่สร้างกันส่วนใหญ่ ถ้าบารมีไม่ถึงพระวิษณุเทพ ก็จะสร้างอะไร ที่ดูมีพลัง วิญญาณแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้ามีคนที่ดูแลวิศวกรอีกทีเช่น เจ้าของผู้สั่งสร้าง มีบารมีระดับวิษณุเทพ เมื่อสร้างแล้วก็ดูมีชีวิตชีวา มีพลังวิญญาณได้ครับ หรือสินค้าบางชนิด คนสร้างมาจากโรงงาน ดูไม่มีชีวิตเลย พอได้อาศัยคน ทำการตลาด "ปลุกชีวิตมันขึ้นมา" มันก็มีชีวิตชีวา ขึ้นมาทันทีได้เลยครับ


แม้แต่ "ตัวละคร" ในนิยาย ผู้สร้างก็สร้างให้มี "ตัวตนจริง" ขึ้นมาได้ครับ


ต่อไปผมจะอยากจะบอกว่า แม้แต่ตัวละครในนิยายที่อาจเริ่มต้นเพียงจาก จินตนาการ ก็สามารถ "ปลุกพลังวิญญาณ" ทำให้มีชีวิตชีวา มีจริงขึ้นมา ได้ครับ ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ "พระพุทธชินราช" แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นแค่ "รูปหล่อ" อย่างหนึ่ง ต่อมา ผู้คนศรัทธามากมาย พลังจิตเข้ามารวมกันได้ มากมาย ก็กลายเป็น "พลังวิญญาณที่ศักดิสิทธิ์" ขึ้นมาได้ครับ ชัดเจนมั้ย ครับ ทีนี้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับทุกสรรพสิ่งครับ แม้แต่การสร้างตัวละครซึ่ง อยู่ในหนัง หรือการ์ตูนขึ้นมา มันกสามารถสร้างไปจนถึง "ตัวตน" ระดับที่ เป็นวิญญาณก็ได้, สังขารก็ได้, นามรูปก็ได้ครับพวกเขาไม่ได้ใช้คุณไสย์ แบบที่พวกปลุกผี, ปลุกพระทำกันนะครับ เขาไปแบบชั้นสูง มีระดับครับ ก็ คือ "ใช้พลังจิต" อย่างไรละครับ ใช้กันทั่วไปแหละครับ ปลุกได้เก่งกว่าผู้ ที่ปลุกพระขายเสียอีก เอาง่ายๆ เช่น ทุกวันนี้เราเชื่อว่ามือถือยี่ห้อ ... จะมี คุณภาพดี รับสัญญาณได้ดีที่สุด ใช่มั้ยละครับ นั่นแหละ ปลุกพลังให้มันมี ชีวิตขึ้นมาแล้ว ทีนี้ มันจะมีชีวิตได้นานแค่ไหน ก็ต้องอาศัยพลังจิตของคน ที่ปลุกมันครับ คนรุ่นหนึ่งทำงาน ผ่านไป คนรุ่นต่อไปมาทำงานต่ออีก ถ้ามี การส่งพลังจิตต่อเนื่องไป ก็มีชีวิตอยู่ยาว ถ้าขาดตอน ทำไม่เป็น ก็ตายได้ ครับ (แบรนด์ตายไปจากตลาด) ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยครับ จะเป็นตัวละคร อะไร ก็สร้างได้ เกิดได้ มีตัวตนได้ในทุกมิติ และทุกระดับครับ ถ้าสร้างเป็น นะครับ แล้วแต่ว่าเราจะสร้างให้เป็นอะไร เป็นตัวช่วยมนุษย์โลกมั้ย? ถ้ามี คนส่งพลังแห่งความเชื่อให้มากๆ มันก็มีได้ เกิดขึ้นได้จริงๆ ครับ นั่นแหละ ที่เขาเรียกว่า "พลังแห่งความเชื่อ-ความศรัทธา" ไงละครับ มันก็ปรุงแต่ง ประกอบเหตุปัจจัยเกื้อหนุนกันมาเกิดอย่างนี้แหละ พอจะเข้าใจมั้ยละครับ


มนุษย์ทั้งหลาย คือ "ผู้กำหนด-ผู้สร้างร่วมกัน" ว่าจะให้อนาคตเกิดอะไร?


ต่อไปผมจะอยากจะบอกว่า มนุษย์โลกทุกคนเป็นผู้สร้างร่วมกัน ผู้กำหนด ให้อนาคตของโลก เกิดมี เกิดเป็นอย่างไรครับ เช่น เมื่อเราเชื่อว่าจะมีตัวที่ มาจากนอกโลก มาทำลายล้างโลก ด้วยภัยพิบัติ มันก็มีได้ครับ จากการที่ เราส่งพลังจิตปรุงแต่งหล่อเลี้ยงให้มันเกิดขึ้นมาไงละครับ แต่ถ้าเราเชื่อว่า จะมี "อุลตร้าแมน" มาช่วยมนุษย์โลกจริงๆ มันก็มาได้ครับ! มาจากไหน? ก็มาจาก "พลังจิตและเหตุปัจจัยต่างๆ" ที่เราช่วยกันปรุงแต่งขึ้นมาแหละ ครับ ดังนั้น มันไม่มีอะไรที่ไม่เป็นจริง มันเป็นไปได้ทั้งนั้นครับ อะไรที่ไม่เคย มี ไม่เคยเกิด ก็เกิด ก็มีได้ครับ นั่นด้วยอำนาจของพลังจิต ที่ผู้คนทั้งหลาย ได้ร่วมกันสร้าง ร่วมกันปรุงแต่งขึ้นมาอย่างไรละครับ ดังนั้น เราซึ่งล้วนคือ มนุษย์โลก เราอยากให้มี อยากให้เกิดสิ่งใดขึ้นมาละครับ? มันก็ขึ้นอยู่กับ ตัวเราเองแล้วที่จะกำหนด ที่จะส่งพลังความเชื่อไปหล่อเลี้ยงมัน ให้สิ่งนั้น ได้ถือกำเนิด เกิดขึ้นมา อย่าลืมครับ ว่าเราคือผู้สร้างโลกร่วมกัน เราคือ ผู้ กำหนดอนาคตของโลกนี้ร่วมกันเองนั่นแหละครับ และเรากต้องรับผลที่ได้ สร้างร่วมกันมานั้นเองครับ ดังนั้น คุณอยากให้โลกนี้มีอนาคตอย่างไรครับ


เมื่อเราดูทีวี เราก็ส่งพลังจิตไปให้สิ่งที่อยู่ในทีวีนั้น ให้มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว


ต่อไปผมจะอยากจะบอกว่า ท่านทั้งหลายต่างร่วมกันสร้างอะไรมากมาย โดยเฉพาะพลังจิตมากมายที่ท่านส่งเข้าไปใน "ทีวี" ก็ดี, "เน็ต" ก็ดี นั้น ได้สร้างอะไร มากมายขึ้นมาแล้ว เพราะอำนาจแห่งพลังจิตมวลรวมของ แต่ละท่านรวมกันแล้ว มันก็มากพอที่จะสร้างตัวตน ในหลากหลายมิติได้ เลยครับ เวลานักร้องขึ้นเวทีคอนเสริต์ เราเชียร์อยู่ข้างล่าง พลังจิตซึ่งได้ รวมกันมากมาย ก็ไปที่ตัวนักร้องครับ แต่นักร้องคนนั้นจะได้พลังแค่ขณะ หนึ่งเท่านั้น เพราะพลังเหล่านั้น "จะถูกซาตานสูบไปครับ" ซาตานได้ใช้ ช่วงเวลาที่คนรวมพลังจิตกันเยอะๆ เพื่อเสริมพลังอำนาจให้ตัวเอง โดยที่ มนุษย์ไม่อาจทราบได้ มนุษย์ก็สูญเสียพลังจิตไปมากมายแล้วครับ แล้วก็ เกิดอาการ "สูญเสียความมั่นใจ" เป็นมั้ยละครับ เวลาดูดารามากๆ ดูหนัง สือที่เขาถ่ายออกมาดีมากๆ พอดูกระจกเห็นตัวเองเลยสูญเสียความมั่นใจ แต่ดารา มั่นใจเอ้า มั่นใจเอา มากขึ้น มากขึ้นทุกวัน นี่ละ พลังจิตไหลถ่าย เทไปไงครับ อันนี้ มันเป็นพลังจิตระดับสูงครับ ระดับภาคมืดและต่างดาวที่ เขาถ่ายทอดวิธีการให้มามนุษย์โลกจึงไม่เข้าใจ ไม่อาจเข้าถึงวิทยาการที่ สูงกว่าระดับของตนได้ครับ กระบวนการสร้าง "ตัวตน" ด้วยพลังวิญญาณ ที่ส่งมาทางจิตนี้มีมานานแล้วครับ ดังนั้น เราจึงได้ตัวตนของ "เลดี้ กาก้า" บ้าง ตัวตนของ "ไมเคิล แจ็คสัน" บ้าง ฯลฯ เกิดขึ้นมามากมายครับ ตัวตน เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ตาม "กิเลสความพอใจของมนุษย์" ครับ ถ้า มนุษย์อยากให้พวกเขาเป็นแบบไหน ก็จะส่งพลังจิตน้อมนำให้พวกเขาจะ ต้องเป็นแบบนั้นครับ เช่น มนุษย์อยากได้ตัวสนองความลุ่มหลง ก็สร้างตัว ตนที่ทำให้คนลุ่มหลงขึ้นมาครับ มากมายเลย แล้วมนุษย์ ก็ลุ่มหลงกันต่อ ไป ด้วย "สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมา" ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่มาจากสิ่งมีชีวิตก็ดี ตัวตนที่มาจาก "วัตถุที่ไร้ชีวิต" ก็ดี (เช่น เทวรูปต่างๆ) ล้วนใช่ทั้งนั้นครับ


"ตัวตน" แห่งสิ่งดีงาม ถูกมนุษย์สร้างน้อยลงกว่าตัวตนแห่งความลุ่มหลง


ต่อไปผมจะอยากจะบอกว่า ขณะนี้ มนุษย์โลกได้ร่วมกันสร้าง "ตัวตนที่ดี งาม" น้อยกว่า "ตัวตนแห่งความลุ่มหลง" ทำให้คนมากมาย ไม่มีตัวแบบ ที่ดีให้ทำตามครับ พอใครแค่ช่วยหมาแมวจากถนนก่อนถูกรถชนได้ ก็เป็น ฮีโร่ไปเสียแล้ว เพราะอะไร? เพราะมันหาไม่เจอ คนที่ดี เป็นตัวแบบที่ดีได้ ไงละครับ มันก็เลยมีแต่แบบนั้น คำว่าฮีโร่เลยถูกใช้อย่างไม่มีระดับแบบนั้น เอาละ ทีนี้ เมื่อมนุษย์ร่วมกันสร้างตัวตนแห่งความลุ่มหลงกันมามากขึ้น ก็ จะส่งผลร้ายต่อสังคมมนุษย์เองมากมายครับ ทำให้มนุษย์โลก ตามืดบอด เบาปัญญาไม่รู้จักปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ไม่เข้าใจธรรมชาติและสุดท้าย จึงทำร้ายธรรมชาติ อยู่ร่วมกับธรรมชาติไม่ได้ เมื่อใดที่ธรรมชาติแสดงสิ่ง ไม่เที่ยงขึ้นมา ก็กลายเป็นว่า "คือ ภัยพิบัติ" ไปเสียหมดครับ กลายเป็นว่า การที่ธรรมชาติปรับตัว ไม่เที่ยง นี่คือ "ภัยพิบัติของมนุษย์เช่นนั้นหรือ?" นี่ มันไม่ควรเป็นเช่นนี้เลยครับ เพราะมนุษย์ที่แท้จริง ย่อมปรับตัวกับโลกได้ ก็ จะได้รับประโยชน์มากมายจากความไม่เที่ยงของธรรมชาติได้ครับ เช่น ถ้า ถึงฤดูฝน ก็โชคดีได้น้ำทำนา, ฤดูร้อน ก็โชคดีได้แสงแดดตากปลา เป็นต้น


จงรวมพลังสร้าง "ตัวตนที่ดีงาม" ขึ้นมา เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์


สุดท้าย ผมจะอยากจะบอกว่า เราควรรวมพลังกันเพื่อสร้างตัวตนที่ดี งามขึ้นมา เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษย์ในอนาคต และลด ละ เลิก ส่งพลังจิตไปหล่อเลี้ยงตัวตนที่เป็นภัยต่อมวลมนุษย์ด้านต่างๆ เสีย ก็ จะสามารถกำหนดทิศทางของโลกในอนาคตได้ด้วยตัวของเราเอง นี่ คือ สิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ครับ จากสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่เลยก็จะเกิด ขึ้นได้ครับ เช่น ถ้าเราเชื่อว่า "นักการเมืองที่ดีมีแค่คนเดียว แม้ว่าเขา จะโกงกิน เราก็เอา" เชื่ออยู่อย่างนี้ มันก็อยู่อย่างนี้ไปตลอดครับ ทว่า ถ้าเราเชื่อว่า "แผ่นดินนี้ไม่สิ้นคนดี สักวันหนึ่งคนดีจะขึ้นมาปกครอง" มันก็จะเกิดขึ้นได้ครับ ทว่า ตอนนี้พลังแห่งความเชื่อแบบนั้นยังมีน้อย เกินไปครับ เพราะพวกเขายังเชื่ออยู่ในคนเดิมๆ ทั้งๆ ที่แผ่นดินนี้ มีคน อยู่มากมาย ทำไมยอมให้เขาผูกขาดตัวเองได้ง่ายๆ อย่างนั้นละครับ? ทำไมเราไม่เปิดกว้างให้ตัวเองได้มีโอกาส ได้พบ ได้เจอ คนที่ดีกว่านั้น ละ? เมื่อเราทั้งหลายไม่ส่งพลังจิต พลังแห่งความเชื่อว่าจะมีคนที่ดีมา ช่วยเหลือเรา มันก็จะไม่มี ไม่เกิดขึ้นได้ครับ เอาละ ผมไม่ได้ต้องการให้ คุณหลง รอคอยใครสักคน จนไม่อาจพึ่งตัวเองได้นะครับ มันคนละเรื่อง กัน ถ้าคุณมีสติปัญญาดี คุณแยกแยะได้ระหว่าง "การพึ่งตัวเอง" และ การส่งพลังจิตสร้างตัวตนใหม่ๆ ลงมาช่วยโปรดสรรพสัตว์ โอเคมั้ยครับ


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดา จงช่วยน้อมนำคุณสู่ตัวตนที่ดีงาม สวัสดี


21 ก.ย. 2555

"เสียงจากกูรูด้านพลังงาน"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment