ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

มหัศจรรย์ "พลังต่างดาว" ที่คุณไม่เคยค้นพบ และไม่เคยได้ใช้พลังนั้น มีหรือไม่?

ฮาโหลๆ ทุกๆ ท่าน อย่าซีเรียส เกินไปนะครับ เพราะวันนี้ ผมมี เรื่องเล่าสบายๆ อันไกลโพ้น ที่ มาจากดาวต่างๆ นอกระบบสุริ ยจักรวาลของคุณ ซึ่งปกติแล้ว ไม่ค่อยมีพลังงานของพวกเขา มาถึง "ดาวโลก" นี้สักเท่าไร? เพราะพลังงานของดาวต่างๆ ในระบบสุริยจักรวาล ก็เพียงพอ สำหรับการวิวัฒนาการของโลก แล้ว ทว่า มันก็ไม่แน่ครับ บางครั้ง ก็มีเหตุจำเป็นให้พลังงานนอกระบบ สุริยจักรวาล เข้ามาสู่โลกเพื่อทำกิจ เฉพาะก็ได้ ซึ่งมนุษย์โลก "น้อยมาก" ที่จะได้รับพลังนี้ครับ เพราะว่ามันน้อย จริงๆ นั่นแหละ ผมจึงเล่าให้ฟังเล่นๆ ไงครับ เพราะมันไม่ได้เป็นพลังหลัก ใหญ่สำหรับโลกของคุณ ทว่า ในบาง ครั้ง มันก็จำเป็นมาก และขาดไม่ได้ครับ เพราะพลังงานอื่นๆ ไม่อาจทำหน้าที่ได้ จึงต้องใช้พลังงานจากดาวที่ห่างไกลไป จากระบบสุริยจักรวาลครับ ดังผมจะเล่า ต่อไปนี้ครับ


พลังงานต่างดาวในระบบสุริยจักรวาล คือ พลังงานหลักที่เชื่อมโยงโลก


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ พลังงานที่เชื่อมโยงกับโลกที่เป็นพลังหลัก คือ พลังของดาวต่างๆ ในระบบสุริยจักรวาล นั้นๆ เอง ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะมี แต่พลังงานเหล่านี้ครับ ที่ส่งมายังโลก เพราะยังมีพลังงานที่มาจากดาว ที่อยู่ "นอกระบบสุริยจักรวาล" ที่ถูกส่งมายังโลกด้วย ซึ่งไม่มาก และไม่ บ่อยครั้งนักครับ เพื่ออะไร? เพื่อทำกิจเฉพาะของเขาตามความจำเป็นซึ่ง พลังงานหลักในระบบสุริยจักรวาล ไม่อาจทำได้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ไปเพื่อ "คานดุลยภาพ" ของพลังงานต่างดาวที่ส่งมายังโลกครับ กล่าว คือ "พลังงานจากต่างดาวทุกชนิด" ที่ส่งมายังโลกจะมี "พลังปฏิภาค" หรือพลังงานตรงข้ามที่คอยคานดุลยภาพอยู่ครับ เช่น พลังจากอาทิตย์ ก็มีพลังภาคมืดที่อยู่ในโลกคานดุลยภาพอยู่ครับ ทีนี้ "ดาวเคราะห์" ซึ่ง อยู่นอกสุดของระบบสุริยจักรวาล ยังไม่มี "คู่ปฏิภาค ที่อยู่ในระบบสุริย จักรวาล" ครับ ดังนั้น จึงต้องใช้พลังงานปฏิภาคที่มาจากนอกระบบสุริ ยจักรวาล แทนไงครับ ทีนี้ คงพอเข้าใจนะครับว่าทำไมต้องมีพลังที่มา จากนอกระบบสุริยจักรวาล มายังโลกนี้ด้วยนะครับ (แต่ไม่บ่อยนะครับ)


พลังงานแห่งดาวมฤตยู ที่สามารถใช้พลังของดาวทุกดวงไปสู่ภัยพิบัติ


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ "พลังของดาวมฤตยู" ที่มีอิทธิพลต่อการเกิด ภัยพิบัติต่างๆ นั้น จะมาจาก "พลังของดาวต่างๆ" ทุกดวงในระบบสุริย จักรวาลนี้ เขาสามารถนำพลังงานเหล่านั้น "ทั้งหมดมาใช้ได้" แต่เขา จะนำมาใช้เพื่อ "ทำให้เกิดภัยพิบัติ" นะครับ เรียกว่าเขาเก่งมาก ที่ดึง เอาพลังงานของดาวทุกดวง ในระบบสุริยจักรวาลนี้ มาใช้ได้หมดครับ! ทว่า เขาไม่ได้นำมาใช้เพื่อการสร้างสรรค์นะสิ เพราะเขามีหน้าที่ทำให้ เกิดภัยพิบัติเท่านั้นครับ ดาวมฤตยูจะปรากฏเหมือน "ตัวตลกร้าย" ที่มี ภัยพิบัติมาสู่โลกพร้อมเสียงหัวเราะ นี่ละลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ ของเขาเลยละ จำไว้ให้ดีละครับ เพราะถ้าคุณเห็นลักษณะแบบนี้ จะได้ ทราบทันทีว่าพลังของเขามาถึงที่ใด คนใดแล้วบ้างครับ ทว่า ยังมีพลัง ของดาวดวงหนึ่ง ที่สามารถนำพลังดาวทุกดวง ในระบบสุริยจักรวาลนี้ ไปใช้ได้เหมือนกัน แต่เขาจะนำไปใช้ในด้านดี ด้านสร้างสรรค์ครับ หาก จะให้คุณจินตนาการ มันเหมือนระบบสุริยจักรวาล มี "กลจักร" อันหนึ่ง ที่ควบคุมดาวทุกดวง ผมขอเรียกชื่อเล่นๆ ว่า "จักร-เทพนพเคราะห์" ก็ แล้วกัน จักรอันนี้ มีผู้ใช้ได้เพียง 2 ท่าน คือ คนที่ได้รับพลังจากดาวสอง ดวง คือ 1. จากดาวมฤตยู และ 2. จากดาวไซย่า (ซึ่งอยู่นอกระบบสุริ ยจักรวาลออกไปครับ) เขาทั้งสองคน มีพลังมากมาย ในการขับเคลื่อน "ระบบสุริยจักรวาล" นี้ด้วย "จักรเทพนพเคราะห์" แต่ไปคนละทางครับ


แม้แต่ "พลังแห่งพระสุริยเทพ" เทพฝ่ายบุญ-ให้คุณ ก็กลายเป็นภัยได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ พลังของดาวมฤตยู สามารถนำพาให้พลังของ เทพฝ่ายบุญ-ให้คุณแก่มนุษย์ กลายเป็น "ภัยพิบัติได้ด้วย" ดังนั้น แม้ว่า ท่านจะใช้พลังของพระสุริยเทพ ซึ่งเป็นเทพผู้ให้คุณแล้วก็ตาม ทว่า เขา ก็ยังสามารถทำให้พลังของพระสุริยเทพ กลายเป็นภัยแก่ผู้คน จนถึงขั้น กลายเป็นภัยพิบัติได้ทีเดียว เช่น เขาสามารถรวบพลังแสงธรรม ที่คนได้ รับจากพระสุริยเทพมารวมกัน พอมันร้อนมากพอ ก็เอาไปใช้รวมกันให้มี ให้เกิดเป็น "ภัยทางด้านความร้อน-ไฟ" เช่น ไฟใหม้, สงครามก็ได้ครับ ดังนั้น ถ้าท่านจะใช้พลังของเทพฝ่ายบุญ ไม่ว่าท่านใด ก็ตาม ท่านยังไม่ อาจใช้ได้เมื่อยังมีพลังอำนาจของดาวมฤตยูครอบงำอยู่นะครับไม่เช่นนั้น มันจะกลายเป็น "ทำคุณให้โทษ-โปรดสัตว์เป็นบาป" ไปนะครับ ในช่วงที่ ดาวมฤตยูยังมีพลังอำนาจอยู่มากนี้ คุณต้องใช้พลังของดาวไซย่าเท่านั้น ซึ่งเป็นพลังที่ไม่เหมือนกับพลังใดๆ ในระบบสุริยจักรวาลเลย เพราะเขาไม่ มีพลังอะไรแบบดาวต่างๆ ในระบบสุริยจักรวาลเลย (มีพลัง ก็เหมือนไม่มี) อย่าใจร้อน อย่าเพิ่งรีบใช้พลังอะไรในช่วงนี้ (โดยเฉพาะในปีนี้ครับ) นอก จากพลังของดาวไซย่าเท่านั้น (ซึ่งเป็นพลังไร้พลัง แต่สามารถขับเคลื่อน ระบบสุริยจักรวาลได้) พลังอย่างอื่นๆ ล้วนถูกควบคุมด้วยดาวมฤตยู ครับ


อาญาสิทธิ์อาญาธรรมของดาวเทพฯ แต่ละองค์ มีสิทธิ์ขาดไม่เหมือนกัน


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ พลังงานจากต่างดาว ที่ได้รับอนุญาติจากสากล จักรวาลแล้วว่า ทำหน้าที่ได้ในโลกนี้ ล้วนได้รับ "อาญาสิทธิ์-อาญาธรรม มีสิทธิ์เด็ดขาดในเรื่องบางเรื่องได้ เป็นการเฉพาะครับ เช่น ดาวฝ่ายบุญ ก็ มีสิทธิ์เด็ดขาดในเรื่องการให้บุญคุณแก่มนุษย์, ดาวฝ่ายบาป ก็มีสิทธิ์เด็ด ขาดในการให้บาปเคราะห์แก่มนุษย์ ไม่มีใครต้านทานหรือขัดแย้งได้ นอก จาก "พลังปฏิภาค" ที่จักรวาลได้มอบหมายให้มาทำหน้าที่ "คานอำนาจ กัน" ครับ ดังนั้น พลังของดาวทั้งหมดในระบบสุริยจักรวาล ในเวลานี้ จึง ไม่มีพลังของดาวดวงใดที่จะต้านทานพลังอำนาจของดาวมฤตยูได้ นอก จาก "พลังของดาวไซย่า" เท่านั้นครับ นี่คือ อาญาสิทธิ์-อาญาธรรม อัน เป็นสิทธิ์ขาดที่ทั้งสองดวงดาวได้รับจากจักรวาล ให้มาทำหน้าที่ของตน ที่แตกต่างกันบนโลกนี้ครับ โดยดาวมฤตยูจะทำให้เกิดภัยพิบัติ เพื่อให้ผู้ คนไม่หลงโลก และพร้อมปฏิบัติตนเข้าสู่นิพพานครับ แต่ถ้าเขาทำกิจจน รุนแรงเกินไป โลกก็จะอยู่ไม่ได้ สัตว์ที่ยังไม่ถึงวาระจะได้นิพพาน ก็จะได้ รับผลกระทบไปด้วย เพราะโลกยังต้องมีอยู่ต่อไป เพื่อรองรับปวงสัตว์ซึ่ง ยังไม่ถึงวาระนิพพานครับ ดังนั้นดาวไซย่าจึงได้รับมอบหมายทำหน้าที่นี้


พระศรีอาร์ฯ สององค์ อัลฟ่าและโอเมก้า จะได้รับพลังจากดาวทั้งสองนั้น


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือจักรวาลได้เลือกพระศรีอาร์ฯ ทั้งสององค์คือองค์ อัลฟ่าและโอเมก้าในการรับพลังงานจากดาวที่ต่างกันทั้งสองนี้ เพื่อคาน ดุลยภาพอำนาจของกันและกันไว้ ไม่ให้การทำกิจด้านใด ด้านหนึ่ง มาก จนเกินไป พระศรีอาร์ฯ องค์หนึ่งจะได้รับพลังจากดาวมฤตยูและทำหน้าที่ "ขับเคลื่อนภัยพิบัติ" ส่วนพระศรีอาร์ฯ อีกองค์จะได้รับพลังจากดาวไซย่า และทำหน้าที่ตรงกันข้ามกัน องค์แรกจะเหมือน "ตลกร้าย" ที่ตลกแต่จะมี หน้าที่นำภัยมาสู่ปวงสัตว์ องค์ที่สองจะเหมือน "ตัวไม่ได้เรื่อง" เหมือนคน ที่ไม่มีอะไรดีเลย ไม่ได้เรื่องเลย ไม่มีพลังอะไรเลยเพื่อหยุดยั้งพลังแห่งภัย พิบัตินั้น แต่นี่คือ "บุคคลิกเปลือกนอกเท่านั้น" ไม่ใช่แก่นแท้ของบุคคลนะ ครับ อย่าเพิ่งไปติดแต่เปลือกนอกนี้ พลังงานของดาวทั้งสอง มีลักษณะที่ แตกต่างจากพลังงานจากดาวอื่นๆ ทำให้ผู้ที่ได้รับมีบุคคลิกแปลกๆ เช่นนี้ ก็อย่าเพิ่งติดใจอะไรมากกับบุคลิกเช่นนั้นครับ ทว่า ทั้งคู่จะเหมือนคนบ้าๆ เพี้ยนๆ เกินๆ ทะแม่งๆ เหมือนกันแหละครับ 555 อย่าคิดมากมันก็เป็นแค่ "บุคลิกเปลือกนอก" เท่านั้นเอง มันเป็นพลังของดาวดวงนี้ เขามีลักษณะ เป็นแบบนี้กันหมดทั้ง "ดวงดาวเลย" แต่อย่าคิดว่าเขาทำหน้าที่ ของเขา ไม่ได้ละ ที่เขาทำหน้าที่ของเขาได้ก็เพราะเขาเป็นแบบนี้เองนั้นแหละครับ


"จักรเทพนพเคราะห์" จะหมุนรอบ "เสาหลักจักรวาล" ซึ่งอยู่ในอีกคน?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ จักรเทพนพเคราะห์ จะไม่อาจหมุนอยู่ได้ อย่าง โดดเดี่ยว มันจะต้องมีเสาหลักรองรับครับ เหมือนฟันเฟืองในเครื่องจักร กล มันก็ต้องมีเพลามีล้อคู่กัน ทีนี้ จะมีคนที่มีบุญบารมีคนหนึ่งครับ ที่จะมี "เสาหลักจักรวาล" ซึ่งรองรับพลังจักรเทพนพเคราะห์ของคนทั้งสองได้ ในขณะที่คนทั้งสอง กำลังมีพลังจักร เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นั้น ก็จะมีผู้มีพลัง "เสาหลัก" มารองรับทีละคนๆ ไป ถ้าคนแรกมีพลังรองรับน้อยจนถึงที่สุด ก็จะหมดหน้าที่ รองรับต่อไปไม่ได้ จักรมีพลังอำนาจมากเกินไปแล้วก็จะมี คนที่สองถือคฑาเป็นเสาหลักมารองรับต่อไปครับ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จน กระทั่ง "คฑาอันเป็นเสาหลักแห่งจักรวาล" ออกมา คนผู้นี้จะมีบุญบารมีมี พลังอำนาจด้านความมั่นคงที่สูงมากครับ รองรับพลังของจักรนี้ได้ ก็จะได้ ร่วมพลัง สร้างบารมีร่วมกันต่อไปครับ ดังนั้น การบำเพ็ญบารมีของคนที่ใช้ พลังจักร จึงต้องคู่หยิน-หยางกับคนที่ใช้คฑาดั่งเสาหลักด้วยจึงจะช่วยให้ การหมุนเป็นไปด้วยดีครับ ซึ่งพระศรีอาร์ฯ ทั้งสององค์ที่ได้ครองจักรนั้น จะ ผลัดกันหมุนจักรไปมา (คนละทิศ) คนหนึ่งหมุนไปให้เกิดภัยพิบัติ คนหนึ่ง ก็หมุนไปในทางที่ไม่ให้เกิดภัยพิบัติอะไรเลย ผ่านคนที่รองรับด้วยเสาหลัก นี้ครับ ซึ่งคนที่ถือคฑาดั่งเสาหลักจะเรียงคิวมาบำเพ็ญตามบารมี จากน้อย ที่สุดไปมากครับ คือ คนที่มีบารมีน้อยมาก่อน พอผู้หมุนจักรมีกำลังมากขึ้น ก็จะต้องดึงเอาผู้มีบารมีมากขึ้นมารองรับแทนครับ นอกจากนี้ ยังมี "ตัวตน ในอนาคต" ที่จักรวาลเตรียมตัวให้เขาฝึกปรืออย่างยิ่งยวด รอไว้ ว่าถ้าคน หมุนจักร หมุนไปจนถึงที่สุดแล้วจะหาคนรองรับไม่ได้จะดึงเอาคนนี้มาครับ


เมื่อคุณใช้พลังของดาวไซย่า คุณจะดูไร้สาระงี่เง่าต่างจากพลังสุริยเทพ


สุดท้ายที่ท่านควรทราบคือ เมื่อใดที่คุณเปลี่ยนไปใช้พลังของดาวไซย่าก็ จะดูเหมือนคนไร้สาระ, งี่เง่า, ขี้โม้ไปวันๆ เหมือนคนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง และดูไม่เอาไหนสักอย่างเลย ตรงกันข้ามกับพลังที่ มาจากพระสุริยเทพ ที่จะดูมีสาระ, จริงจัง, น่าเชื่อถือ ฯลฯ มันเป็นเช่นนั้น เอง ความแตกต่างนี้ ไม่ใช่ปัญหา แต่คุณก็ต้องเดินหน้าต่อไป โม้ ในสาย ตาคนอื่นต่อไป เพราะนี่คือวิธีใช้พลังงานของคุณ ถ้าคุณจริงจังมากไปก็ จะได้รับพลังของพระสุริยเทพ ซึ่งดาวมฤตยูจะนำไปใช้ก่อไฟสงครามได้ ถ้าคุณมีสาระมากไป ก็จะได้รับพลังของพระสุริยเทพอีก ดังนั้น คุณต้อง ลอกคราบเอา "ชุดเกราะสุริยเทพ" ออกก่อน แล้วสวมชุดเกราะใหม่ของ "ดาวไซย่า" เข้าไปแทนที่ อย่าคิดมากละ มันก็แค่ "เปลือกนอก" เท่านั้น เอง ถ้าคุณไม่ทำเช่นนี้ คุณก็ไม่อาจรับพลังของดาวไซย่าได้ และไม่อาจ ที่จะหลุดยั้งกระบวนการภัยพิบัติของดาวมฤตยูได้ พร้อมมั้ย ที่จะมีเปลือก นอกเป็นคนงี่เง่า, ไร้สาระ, ตัวไม่ได้เรื่อง, เหลวไหลไม่ได้ความสักอย่าง? ในสายตาของคนอื่น แต่เพื่อภาระกิจที่สำคัญยิ่งยวดนี้ คุณพร้อมหรือยัง?


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล จงส่องทางคุณสู่จักรวาล สวัสดี


26 ก.ย. 2555

"เสียงจากดาวไซย่า"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment