ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

เทคนิกในการสื่อสารต่างมิติ ที่คุณก็สามารถฝึกทำได้ ไม่ยากดังนี้ครับ

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ เป็นเรื่องที่ หลายท่านอาจอยากทราบครับ ว่า ผมสื่อสารต่างมิติได้อย่างไร? เอา ละ มันมีหลายวิธีนะ เหมือนคุณจะ ติดต่อใครสักคน อาจใช้มือถือ, ใช้ จดหมาย, อีเมล, ฯลฯ ได้มากมาย ใช่มั้ยละครับ มันมีตั้งแต่วิธีที่ยากๆ และวิธีที่ง่ายๆ ครับ สำหรับวิธีที่ผม ใช้นี้เป็นวิธีที่ "ทุกคนสามารถทำได้" มันไม่ต้องมีหูทิพย์ตาทิพย์นะครับแต่ สำหรับบางคนก็ย้าก ยากครับ มันก็ ขึ้นอยู่กับใจของเรานี่แหละครับ มามะ เริ่มกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา


ทุกท่านล้วนได้รับ "การสื่อสารต่างมิติ" อยู่แล้วเพียงแต่ท่านอาจไม่ทราบ


อย่างแรกผมอยากจะบอกก่อนเลยนะครับว่าทุกท่านล้วนได้รับการสื่อสาร จากต่างมิติอยู่แล้วตลอดเวลา แต่เพราะบางท่านไม่อาจแยกแยะได้ว่าส่วน ไหนมาจาก "ต่างมิติ" และส่วนไหนมาจาก "ภายในตัวเอง" นี่ละ คือสิ่งที่ บดบังทำให้ท่านทั้งหลาย ไม่ทราบว่าตนเองได้รับการสื่อสารต่างมิติ อยู่ไม่ เว้นว่างครับ เพราะบางครั้ง สิ่งที่เราคิดว่า "เป็นความคิด ก็ดี, อารมณ์ ก็ดี, ความรู้สึก ก็ดี, ความรู้ ก็ดี, ปัญญาญาณ ก็ดี ฯลฯ" มันอาจจะไม่ใช่อย่าง ที่ท่านคิดก็ได้ เช่น ท่านคิดว่ามันเป็นความคิดของท่าน ด้วยอำนาจแห่งสิ่ง ที่เรียกว่า "อัตตา" ครอบงำให้ท่านเหมารวมว่ามันคือตัวตน ของตน ทั้งที่ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ มันอาจจะเป็น "ข้อความ ที่สื่อสารมาจากต่างมิติ" ก็ ได้ครับ ผมเห็นคนมากมายครับ ที่มีสังขารที่ไม่ได้เรื่อง, ไม่รู้เรื่องอะไรเลย บางคนสังขารเขาไม่ชอบผมด้วยซ้ำ ทว่า กายทิพย์ข้างใน ไหว้ผม แล้วก็ ด่าสังขารตัวเองให้หยุดพฤติกรรม ยิ่งกว่านั้นครับ "ตัวตนเบื้องบน" ของ เขา บางคนก็พยายามมากๆ ที่จะหาวิธีสร้างบุญบารมีร่วมกับผม ทว่า ร่าง สังขารของเขา ไม่ชอบผมเลยครับ ตัวตนข้างบนก็เสียใจที่ตัวตนข้างล่าง มันทำแบบนี้ 555 ตลกมั้ยละครับ ทว่า สุดท้ายแล้ว ตัวตนข้างล่าง ก็ต้อง ถูกจูน ถูกพลังงานต่างมิตินำพาชีวิตไปครับ ไปทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้เรื่องว่าทำไม ต้องทำอย่างนั้น สังขารมันงี่เง่ามั้ยละครับ แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมได้ พบเหตุการณ์เช่นนี้มามากมาย เลยไม่พูดอะไร ใครอยากว่าอะไร ก็ปล่อย ไป เดี๋ยวเขาจะได้ "โดนตัวตนเบื้องบนของตัวเอง สั่งสอน" พอตัวตนข้าง บนมันสั่งสอนไม่ดี พยายามมาสร้างบุญร่วมกับเรา แต่สังขารกลับใจคดนี่ ผมเลยแกล้ง ไม่ร่วมบุญด้วยเลย ตัวตนข้างบนก็ร้อนใหญ่ พยายามหาวิธี มากมายที่จะให้ "ตัวงี่เง่าข้างล่าง" มั้นทำบุญนั้นให้ได้ "น่าสงสารมั้ยละ" เอาละ ผมเล่าให้ฟังเล่นๆ ขำๆ นะครับ ไม่ต้องซีเรียสครับ น้อยคนครับที่จะ มีสังขารที่เข้าใจพลังต่างมิติที่สื่อเข้ามา หรือประสานเป็นหนึ่งเดียวกันได้


เทคนิกแรก "แยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจน" ก็จะจับกระแสต่างมิติได้ครับ


ต่อไปผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่หนึ่ง ครับ คือ การแยกแยะกระแสพลัง ที่มาจากส่วนต่าง ให้ชำนาญ ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่าพลังงานนั้นมา จากไหน เช่น ง่ายๆ แยกให้ได้ก่อนว่าพลังอะไรมาจากภายใน (ของเรา เอง) พลังอะไรมาจากภายนอก และพลังงานเหล่านี้ ขับดัน 1. ร่างกาย 2. จิตใจ เราอย่างไร? ไม่ใช่รู้แต่ที่ขับดันร่างกายนะครับ ต้องเข้าใจถึงที่ ขับดับจิตใจ ให้เรามีอารมณ์-ความรู้สึก-นึกคิดด้วย ข้อนี้ การฝึก "จิตให้ มีสติที่ละเอียด" โดยการพิจารณากายในกาย, จิตในจิตก็จะช่วยได้มาก นะครับ เอาให้ละเอียดชนิดอณูเส้นแสงไปเลย ก็จะทราบครับว่าพลังที่มา เกี่ยวข้องกับเรา มาจากภายในหรือภายนอก เป็นของเราจริงๆ หรือว่ามัน เป็นของสิ่งภายนอกเข้ามาครอบงำ, กระทบ, มีผลต่อตัวเรา ฝึกให้ดีครับ เพราะขั้นตอนนี้เป็นรากฐานที่สำคัญมากทีเดียว ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่อาจจะ แยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็จะมั่วไปหมดนะครับ ยิ่งแยกแยะพลังงาน ได้ชำนาญ เช่น นี่พลังนารายณ์ภาคมืดนะ แต่นี่พลังนารายณ์ภาคสว่าง นะ อะไรแบบนี้ได้ละก็ แจ๋วเลยครับ เพราะบางครั้ง พวกกายทิพย์อาจจะ มีกายทิพย์เหมือนกัน เช่น มาใน "รูปแปลงเป็นพระพุทธเจ้า" เราก็ต้อง ใช้การจับกระแสพลังแทนครับ มันแม่นกว่า สายตามันหลอกเราได้ครับ


เทคนิกที่ 2 "สาวให้ถึงต้นตอของพลัง" ก็จะจับกระแสต่างมิติได้ครับ


ต่อไปผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่สอง ครับ คือ การสาวให้ถึงต้นขอที่ มาของแหล่งพลังงานนั้นๆ ซึ่งจะทำได้ด้วย "จิตสู่จิต" ถ้าท่านเคยชิน กับการใช้จิตสู่จิต เราจะสาวพลังจิตที่ส่งมาที่เรา ไปจนถึงตัวต้นแหล่ง ที่ส่งพลังจิตนั้นมาได้ครับ เราก็จะทราบได้เลยว่าพลังงานนี้ พลังจิตนั้น ใครเป็นผู้ส่งมา มาจากไหน? มาทำไม และต้องการให้เราทำอะไร เพื่อ อะไร? บางครั้ง เราจะไม่ทราบนามของผู้ส่งครับ แต่เราจะพอทราบได้ เท่าที่ "จิตสัมผัสของเราจะบอกได้" เช่น บอกได้ว่ามาจากจิตพระพุทธ จิตพระโพธิสัตว์ หรือจิตมาร อะไรแบบนั้นเลย ไม่ต้องถึงขั้นทราบนามก็ ได้ครับ แค่นี้ ก็พอทำกิจของเราต่อได้แล้ว (ว่าจะเชื่อดี หรือไม่ควรเชื่อ) อนึ่ง การสาวให้ถึงต้นตอนี้ เริ่มต้นจาก "จิตสู่จิต" นี่แหละครับ เมื่อเรามี ความสามารถ "สู่จุดศูนย์กลางของพลังจิต" ที่เขาปล่อยออกมาได้ นั่น แหละครับ เราจะตรงสู่จิตเขาได้ เราก็จะทราบที่มา ทราบว่าเขาเป็นใคร ได้ในระดับหนึ่งครับ เพราะบางครั้ง "การถามอาจไม่ได้คำตอบกลับมา" เราก็เลยต้อง "สืบสาวเอาเอง" อย่างไรละครับ เมื่อเราคุ้นเคยกับต้นตอ ของแหล่งพลังงานแล้ว หลังๆ จิตรู้ของเราจะทำงานได้เองอัตโนมัติครับ คือ เวลาที่เราอยากสื่อสารไปยังจิตดวงนั้น ก็สามารถทำได้ครับ แต่ก่อน ที่เราจะส่งกระแสจิตไปได้แม่นยำขนาดนั้น เราต้องมี "สัญญา" คือจำได้ หมายรู้ในจิตของเราเสียก่อน ไม่ใช่ในสมองของเรานะครับ สังขารสมอง ของเรา มันไม่จำเป็นต้องมารู้อะไรในกระบวนการนี้หรอกครับ จิตเพียวๆ


เทคนิกที่ 3 "การรับและส่งพลัง" ด้วยการถามและการตอบ เป็นต้น


ต่อไปผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่สาม ครับ คือ การรับและส่งพลังซึ่ง เราจะใช้การถามและการตอบเสมือนหนึ่งว่าเรากำลังพูดอยู่กับใครสัก คนหนึ่ง เหมือนเขาอยู่เบื้องหน้าเรา (ทั้งที่มองไม่เห็น) แล้วเรากำลัง จะพูดกับเขาอยู่ครับ ซึ่งจุดนี้ต้องแยกแยะให้ออกนะครับ ระหว่างคำว่า 1. บ้า 2. จินตนาการ 3. การใช้พลังจิต สามอย่างนี้ ยังไงมันก็ไม่ใช่ สิ่งเดียวกันนะครับ อย่าไปสรุปมั่วว่าคนที่ใช้พลังจิต เป็นคนบ้าเข้าละ! เอาละ อย่างหนึ่งที่ผมอยากบอกท่านก่อนก็คือ ทุกคำถามไม่จำเป็นว่า จะต้องได้รับการตอบ และทุกคำตอบก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราถูกใจ และ มีได้มากกว่า 1 คำตอบ ซึ่งขัดแย้งกันได้ ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลต่างมิติ ที่เขาส่งมาให้เราครับ อย่าไปยึดหรือซีเรียสในความถูกผิดมาก คนเรา ยังคิดต่างกันได้เลยครับ ดังนั้น ควรทำให้ให้กว้างไว้ก่อนนะครับ และ ถ้ามีพลังหลายแบบส่งมาให้เรา แต่ละแบบต่างกัน ต้องระวังจะให้เรา รวน, สับสน และแปรปรวนภายในได้ครับ กว่าจะเรียบเรียงสิ่งที่ได้รับ มาให้มีระเบียบ และนำเสนอผู้อื่นได้อย่างเรียบง่าย ไม่ใช่ของง่ายเลย ครับ อนึ่ง บางท่านจะสื่อสารกับ "แหล่งข้อมูลใดแหล่งหนึ่งเป็นเฉพาะ" แต่บางท่านก็อาจสื่อสารกับ "แหล่งข้อมูลหลายแหล่ง" เพื่อการตัดสิน ใจที่ดีกว่า (ฟังจากหลายๆ ท่านส่งข้อมูลมาก่อนค่อยตัดสินใจ) อย่าง นี้ก็มีครับ เช่น นักสื่อสารบางคนอาจสื่อสารกับ "มหาเทพเมตตาตรอน" อย่างเดียว เฉพาะไปเลย หรือสอง-สามท่าน ก็พอ แต่บางท่าน ก็สื่อได้ มากมายครับ กว้างขวางมาก ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ความชำนาญของแต่ละค


เทคนิกที่ 4 "การสร้างมิติแห่งการสื่อสาร" ด้วยการมองเป็นโลกๆ หนึ่ง


ต่อไปผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่สี่ ครับ คือ เทคนิกในการสื่อสารในแบบ ที่เป็น "มิติ" ซึ่งแตกต่างจากการสื่อสารกับเทพหรือตัวตนเบื้องสูง แบบที่ เป็น "เฉพาะท่านลงไป" แบบนี้ต่างกันนะครับ กล่าวคือ เวลาที่คุณสื่อสาร แบบเทพเฉพาะองค์ คุณก็จะสื่อกับท่านนั้นๆ ชื่อนั้นชื่อนี้ แต่เวลาที่คุณได้ เปลี่ยนมาใช้ "มิติแห่งการสื่อสาร" แทน มันจะไม่ได้มองเป็น "ตัวตนหรือ บุคคล" ครับ มันจะมองเป็น "โลกหรือดาวดวงหนึ่ง กว้างๆ คร่าวๆ" คือมี เราส่งสารไปยังมิตินั้นๆ โลกนั้นๆ ทั้งหมด "องค์รวมเป็นหนึ่ง" ไม่แยกตัว ตน บุคคล หรือเทพองค์ใด เหมือนโยนคำถามไปเทวโลก แบบกว้างๆ ว่า ใครจะตอบก็ได้ อะไรแบบนั้นครับ นี่จะเรียกว่า "การสื่อสารต่างมิติ" อัน แท้จริง เพราะสื่อเป็นมิติๆ ทั้งหมดองค์รวม ไม่แยกตัวตนครับ เช่น เมื่อเรา จะสื่อสารกับตัวตนภาคสว่าง เราก็กำหนดจิตนึกถึง "มิติแห่งตัวตนภาค สว่าง" เท่านั้นก็พอ ไม่ต้องเฉพาะเจาะจงท่าน ถามไปกว้างๆ รอจนกว่า จะได้คำตอบจากท่านใด ที่ควรแล้วจะมาตอบให้ เหมือนเราถามคำถาม ในอินเตอร์เน็ตไปกว้างๆ ไม่เฉพาะเจาะจงใครนี่แหละครับ ถ้าท่านยังไม่ ชัดเจน ก็ลองเริ่มต้นจากจินตนาการก่อน ให้นึกถึง "ดวงแก้วกลมๆ" ก็ ง่ายดี นึกถึงว่าดวงนี้เหมือนดวงดาวหรือโลกอะไรสักโลกหนึ่ง แล้วก็นึก ถึงมิติที่เราต้องการสื่อสาร เช่น อยากคุยกับคนที่เก่งศิลปะ เราก็กำหนด นึกถึงดวงแก้วนี้เป็นเหมือนโลกแห่งศิลปิน แล้วก็ส่งคำถามลงไปที่นั้น ก็ ค่อยรอคำตอบกลับมาจากดวงแก้วดวงนั้นครับ ซึ่งมันกำหนดเวลาที่เขา จะตอบกลับมาไม่ได้ครับ บางคำถาม อาจผ่านไปเป็นเดือน ถึงจะได้ครับ


เทคนิกที่ 5 "การแปลและอธิบายความหมาย" ด้วยภาษามนุษย์โลก


ต่อไปผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่ห้า ครับ คือ การแปลและการอธิบาย ความหมาย ซึ่งบางท่านมีหูทิพย์ ได้ยินเป็นภาษาของตนเอง บางท่าน ก็ไม่มีหูทิพย์ จะได้ยินเป็น "ภาษามคธ" หรือภาษาจิตนะครับ มันจะไม่ อาจอธิบายได้ในตอนแรกครับ เคยไหมครับที่ท่านรู้สึกเหมือนเข้าใจได้ แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี? นั่นแหละครับ มันติดอยู่ที่การอธิบายก็เท่า นั้นเอง บางท่านสื่อสารได้ดี แต่อธิบายไม่เก่งก็มี มันจึงต้องมีเทคนิกใน การอธิบายเพิ่มเติมอย่างไรละครับ เอาละ ส่วนเทคนิกในการแปลภาษา จิตเป็นภาษามนุษย์นั้น ไม่ทราบจะบอกอย่างไรดีนะครับ บอกได้แต่ว่าจะ มีบางครั้งที่คุณได้รับข้อมูลแล้วเข้าใจแต่อิบายไม่ได้ นั่นคือ อาจเป็นไป ด้วยปัญหาเรื่องการแปลและอธิบายดังกล่าว ทีนี้บางครั้งคุณต้องเข้าใจ ด้วยว่า "ผู้แปล" มีศิลปะในการแปลที่ต่างกัน เช่น ในการพูดเรื่องพลังที่ อยู่ในโลก บางท่านก็แปลเป็นพลังคริสตัล เพราะอาจเน้นที่ลักษณะที่เป็น คริสตัล เป็นต้น แต่บางท่านอาจใช้คำอื่นในการอธิบาย เช่น พลังไกอา ก็ ได้ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่านี่ต้องเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่นะครับ แต่สิ่งเดียวกัน ก็อาจได้รับการเรียกและอธิบายต่างกันได้ ก็เท่านั้นเอง บางครั้ง เรื่องการ อธิบายนั้น ก็เป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับผู้รับสารด้วยครับ เช่น ถ้าผู้รับสารนี้ เป็นฝรั่ง เก่งมาก เขาอาจต้องการการอธิบายที่ดูน่าเชื่อถือ และมีระดับคือ ภาษาวยงามเลิศหรู แต่ถ้าผู้รับสารเป็นคนไทย ก็อาจต้องการ การอธิบาย ที่ง่ายๆ ชัดๆ ลึกซึ้ง, ตรงประเด็น ฯลฯ ไม่ต้องเน้นภาษาเลิศหรูก็ได้ เป็นต้น เอาละ ในส่วนการอธิบายนั้น ผู้รับสารอาจจะเพิ่มเติมความรู้ของตนเองลง ไปเพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นก็ได้ครับ ดังนั้น จึงมีบางส่วนจะถูกผู้รับ สารเพิ่มเติมลงไปได้ แต่ไม่ใช่เพื่อประสงค์บิดเบือนนะครับ ต้องการให้เข้า ใจได้ง่ายๆ อย่างแท้จริง ก็เท่านั้นเอง จึงต้องเพิ่มเติมอะไรลงไปบ้างนะครับ


เทคนิกที่ 6 "การเลือกใช้วิธีเฉพาะในการรับสาร" ในแบบต่างๆ


สุดท้าย ผมอยากจะแนะนำเทคนิกที่หก ครับ คือ เทคนิกในการที่ คุณจะเลือกใช้วิธีเฉพาะในการรับสารเช่น บางท่านอาจใช้หูทิพย์ ตาทิพย์ ในการสื่อสารต่างมิติ ก็ได้ แต่ท่านที่ไม่มีหูทิพย์, ตาทิพย์ ก็ไม่เป็นไรครับ อาจใช้วิธีเฉพาะอื่นๆ ก็ได้ เช่น การปล่อยพลังให้ ผ่านร่าง ใช้ร่างของเราทำงาน โดยที่เราแทบไม่ได้ใช้พลังของเรา เลย ดังนั้น ก็เหมือนเราให้เขาผ่านพลังใช้ร่างของเราเต็มที่ เราจึง ไม่ได้ทำเอง สิ่งที่พูด หรือเขียนออกมา จะถูกขับดันจากพลังที่มา จากภายนอกเป็นสำคัญ เหมือนเราเป็น "หุ่นเชิดให้เขา" นั่นหละ แต่เทคนิกนี้ ก็มีจุดสำคัญอยู่ที่ "การเปิดรับพลัง-เลือกพลัง" ก่อน นะครับ เพราะไม่เช่นนั้น ร่างสังขารของคุณ อาจถูกพลังงานที่ไม่ ดี ใช้ไปในทางที่ไม่ดี ได้นะครับ เอาละ ผมคิดว่าแต่ละท่าน มีสิ่งที่ พิเศษแตกต่างกัน ดังนั้น ก็ใช้ความพิเศษของคุณที่ต่างกันนั้น ให้ เกิดประโยชน์ในด้านการสื่อสารต่างมิติได้ครับ ผลที่ออกมาก็จะไม่ ต่างกันนะครับ ถ้าเข้าใจในหลักการสื่อสารเหมือนกัน ก็ใช้ได้ครับ!


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล จงช่วยสื่อธรรมถึงท่าน สวัสดี


23 ก.ย. 2555

"เสียงจากมิติแห่งการสื่อสาร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment