ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ทรัพย์สิน-บ้าน-ที่ดิน-รถยนต์-เพชรพลอย ก็อาจนำวิญญาณร้ายมาครอบงำคุณได้อย่างไร?

สวัสดีครับ วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ เรื่องของการมี ทรัพย์สินมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้น อาจนำ มาซึ่งพลังยึดโยง เอาคนที่ไม่มีบารมี หรือ กำลังจิตอ่อน ให้กลายเป็นทาสของมันได้ ครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ บ้านแต่ละ หลังจะมี "ผีเรือน" ประจำอยู่ 1 ตำแหน่ง ถ้าใครไปสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาอยู่เอง ก็จะ มีโอกาสสูงที่จะตายแล้วกลายเป็นผีเรือน เฝ้าบ้านครับ เหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์แหละ ครับ ทีนี้ ทำอย่างไร จึงจะบริหารสินทรัพย์ ให้สามารถใช้ได้พอดีขณะยังมีชีวิตอยู่และ ไม่ "ยึดพัวพันเรา" ขณะเราตายไปครับ วันนี้ เรามาคุยเรื่องนี้ กันแบบง่ายๆ นะครับ


อย่าไปปฏิเสธการมีทรัพย์สินและความร่ำรวย แต่จงใช้ปัญญาพิจารณาดู


อย่างแรกผมอยากให้ท่าน ลองใช้สติปัญญาพิจารณาดู "ความพอดี" ซึ่ง ท่านและทรัพย์สินแต่ละอย่างว่า "พอดีตรงไหน?" อะไรเกินพอดี ก็เอาไป จัดสรรสู่ส่วนอื่น เช่น จัดสรรไว้ในอนาคต (เช่น การฝากเงิน) คำถามก็คือ "ความพอดี" นี่ เราจะดูได้อย่างไรครับ? เอาง่ายๆ ครับ ถ้าเรามีเงินพอดี ก็ จะทำให้เราไม่มืดมนหรือมีชีวิตที่ตกต่ำเกินไปทั้งยังไม่ทำให้เราหลงตัวเอง หรือถูกเงินครอบงำ ทำให้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปครับเช่น เรามีเงินที่จะ ซื้อรถคันใหม่ได้ ทว่า ทำให้เราลืมใช้พลังของความเป็นมนุษย์ จัดการกับ รถคันเก่าให้สามารถใช้งานได้อีก (ทั้งที่มันสามารถทำได้) อย่างนี้ จะเป็น "เกินพอดี" ครับ แต่ถ้าไม่ซ่อมเลย จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ อันนี้ก็ไม่รู้จักใช้ เงินนะครับ (ใช้เงินน้อยกว่าความพอดี) พอเห็นภาพความพอดี ใช่มั้ยครับ เอาละ ผมไม่ได้แนะนำให้ท่านทำให้ทรัพย์สินของท่านสูญไปหมด ก็เพราะ ความคิดเชิงปฏิเสธสมมุติต่างๆ ในโลกนะครับแต่ผมกำลังบอกให้ท่านเห็น "ความมีสติปัญญา" แล้วจะพิจารณาความพอดีของทรัพย์สินแต่ละอย่าง ได้ครับ นั่นคือ "ทรัพย์สินอะไรที่เกินพอดี" สิ่งนั้นท่านจัดสรรออกจากระบบ การใช้ของท่านได้ เช่น ให้ผู้อื่นก็ได้ครับ เช่น มีเสื้อผ้ามากเกิน ล้นตู้ ไม่พอ จะเก็บ อันนี้ก็จัดการเอาออกได้ใช่มั้ยครับว่าอันไหน ตัวไหนที่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็เอาออกไปได้ ลองปรับเข้าสู่ความพอดีดู แล้วบางทีชีวิตจะเรียบง่ายขึ้น ก็ จะมีความยุ่งเหยิงลดลงนะครับ เช่นกัน ทั้งผู้ให้และผู้รับ ย่อมมี "ขอบเขต ของความพอดี" ที่จะรับสำหรับผู้รับว่ารับได้เท่าไร จะได้ไม่กลายเป็นชูชก ที่รับจนไม่ดูตัวเอง และผู้ให้ว่าอะไรที่เกินพอดี และสามารถให้ได้ อะไรที่ไม่ เกินพอดีและจำต้องใช้เองก็ควรจะเก็บเอาไว้ใช้ต่อไปครับเป็นหลักเบื้องต้น


ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นสังขารธรรม ที่จูนเอาวิญญาณเจ้าของมาผูกไว้ได้


ต่อไปที่ผมอยากให้ท่านทราบคือ ทรัพย์สินทุกอย่างเป็น "สังขารธรรม" ที่เมื่อมีสังขารเกิดแล้ว ย่อมมีวิญญาณเกิดตามมา กล่าวคือ วิญญาณที่ เกิดจากกระบวนการเข้าไปรู้ของคนทั่วไป อย่างหนึ่ง และวิญญาณที่มา จากการพัวพันยึดโยง ดึงให้เกิด "ความมีเจ้าของ" อีกประการหนึ่ง ไม่ ได้มีแต่ประการเดียวนะครับ ของทุกอย่างที่มีสังขาร เป็นสังขารธรรมจะ มีพลังดึงดูดให้มี "จิตวิญญาณ" มาครอบครองเป็นเจ้าของมันได้ ก็คือ "ผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์" นั่นแหละครับ เอาง่ายๆ แม้แต่ บ้าน ก็มีพลังดึงดูด เอาผีเรือนมาเฝ้า, ที่ดิน ก็มีพลังดึงดูดเอา "ผีเจ้าที่" มาเฝ้า, ไม่เว้นแม้ แต่ถนนหนทาง ก็มีผีเฝ้าถนน, สะพาน ก็มีผีเฝ้าสะพาน, คลองบึงเขื่อน มันร้องเรียกว่า "สร้างฉันเถอะ แล้วเธอก็จงตาย มาเฝ้าฉันด้วย" ทั้งนั้น เลยครับ คนบางคนพอสร้างบ้านใหม่เสร็จ ไม่นานก็ตาย, คนบางคนพอ สร้างถนนเสร็จ ไม่นานก็ตาย, คนบางคน พอสร้างเขื่อนเสร็จ ไม่นาน ก็ ตาย ครับ เอาละ คงไม่ต้องสาธยายมากไปกว่านี้ ยกเว้นผู้มีบุญบารมีซึ่ง ฟ้าส่งมาสร้างโดยเฉพาะ จึงสร้างได้ สร้างแล้วไม่ตายเป็นผีเฝ้าสิ่งที่ตน สร้างครับ เช่น สร้างเมืองใหม่ ก็ดี มันจะเปลี่ยนเทพ-ผี เฝ้าเมืองไปหมด เลย ชุดเก่าก็ได้รับการปลดปล่อยไป เช่น อยุธยาที่ล่มไป, ผี ก็ไดรับการ ปลดปล่อยไปครับ ส่วนคนที่สร้างเมืองใหม่ ถ้าไม่มีบารมี ไม่มีตัวแทนไป เฝ้า ตัวเองก็ต้องเฝ้าเองครับ ทว่า บางคนแม้มีบารมี มีบริวารเยอะ ให้ไป เฝ้าแทนตัวเองได้ ตอนตายก็ไม่รอดครับ ถูกพลังยึดโยงของผีบริวารซึ่ง เคยเป็นบริวารตน ดึงเอาไว้ ไปไหนไม่รอด ไม่ถึงสรรค์ อยู่แต่พื้นดินนี่ละ


แม้แต่พระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, สิ่งศักดิสิทธิ์ ฯลฯ ล้วนมีพลังยึดโยง


ต่อไปที่ผมอยากให้ท่านทราบคือ พระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, สิ่งศักดิ สิทธิ์ ฯลฯ ซึ่งเป็น "วัตถุสมมุติบนโลก" ก็ล้วนมีพลังยึดโยง มันจะดึงให้คน ที่เป็นเจ้าของ ตายไปแล้วเฝ้ามันอยู่ต่อไป ของเหล่านี้ แม้เป็นของชิ้นเล็กก็ มีพลังยึดโยงสูงครับ พอๆ กับบ้านหรือที่ดินหนึ่งแปลงเลย ยกตัวอย่างเช่น ผ้ายันต์ผืนหนึ่ง เดิมทีอาจมี "ยักษ์" เชื่อมโยงพลังกับผ้ยันต์ผืนนั้น เวลาที่ เราเอามาไว้ ก็เชื่อมโยงให้ยักษ์ตนนั้นมาบำเพ็ญบารมี ช่วยเหลือเราได้แต่ เมื่อเราตายไปละ แล้วถ้ายักษ์ตนนั้นหมดวาระพอดี บวกกับเราหวงในของ นี้มากอีกด้วยพอดี ก็ประจวบเหมาะพอดีกับครับ "ตัวตายตัวแทน" ก็มาได้ ด้วยเหตุนี้ ของมันถึงมีฤทธิ์ มันถึงศักดิสิทธิ์ได้ไงละครับ เพราะมันมี "ตัว" มันมีอัตตา เกิดขึ้นตามมาแล้ว หลังจากเริ่มต้นที่สังขาร เอาละ ทีนี้ เราจะมี วิธีจัดการกับของเหล่านี้อย่างไรดีละ? อย่าลืมว่าผมไม่ได้แนะนำให้ปฏิเสธ นะครับ เราใช้ได้ ถ้าเรามีบารมีพอ เช่น มีปัญญาบารมีพอ จะทราบได้ว่ามัน คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อเราในระยะยาวบ้าง และมีปัญญาพอจะทราบ ได้ว่าจะจัดการอย่างไรกับมันในท้ายที่สุด อันนี้ก็ใช้ได้ครับ แต่ถ้าเราไม่รู้ว่า จะจัดการอย่างไรถึงท้ายที่สุด ง่ายๆ ก็คือ เอาไปให้คนอื่นที่เขามีบารมี พอ ที่จะจัดการกับสิ่งนั้นๆ ได้ดีกว่าครับ เป็นการปลดภาระของเราไป (ทว่า ไป ให้ตอนที่เราใช้มาพอควรแล้ว หรือไม่ใช้แล้ว ก็ได้ครับ) เราก็จะรอดตัวได้


เทคนิกในการจัดการกับ "พลังยึดโยง" เพื่อไม่ให้รั้งการยกระดับของคุณ


ต่อไปที่ผมอยากให้ท่านทราบคือ เทคนิกในการจัดการกับ "พลังยึดโยง" เหล่านี้ ให้ไม่ขวางการยกระดับของคุณ กล่าวคือ เมื่อคุณจากโลกนี้ไปก็ จะได้ยกระดับ เลื่อนระดับไปสู่มิติที่สูงขึ้นได้จริงๆ ไม่ถูกพลังยึดโยงเหล่า นี้ ดึงรั้งไว้ จนต้องกลายเป็นผีเฝ้าทรัพย์ ดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณ มีที่ดิน ได้รับที่ดิน หรือไปซื้อที่ดิน มาก็แล้วแต่ สิ่งที่จะเป็นไปได้ก็คือ 1. ผี เจ้าที่ 2. พระภูมิ ให้คุณลองสังเกตุดูว่าที่ดินแปลงนั้นมีลักษณะอย่างไร? ถ้ารกร้าง ไม่ทำอะไรเลย ก็จะมี "ผีเจ้าที่" ยึดครองอยู่ครับ เวลาคนจะไป ทำอะไร เปลี่ยนแปลงอะไรก็มีปัญหาทุกที่ จะสร้างบ้าน, สร้างอาคาร, จะ ปลูกข้าว, ทำการเกษตรอะไร ก็มีปัญหาหมด นั่นละ "ผีเจ้าที่" ชอบขวาง ชอบหวง ไม่ให้ใครทำอะไรในที่ของตนครับ แต่ถ้าทำนาได้ดี เพาะปลูกได้ ขึ้นดีแล้ว แสดงว่าผีเจ้าที่ได้รับการเคลียร์แล้ว เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เช่น ผี เจ้าทุ่ง (ประจำทุ่งนา เป็นต้น) ถ้าปลูกบ้านได้ ก็มีโอกาสเปลี่ยนเป็นเทพก็ คือ "พระภูมิ" ครับ (พระภูมิเป็นเทพ แต่ผีเจ้าที่นี่ไม่ใช่เทพครับ) ดังนั้น ที่ ที่ปลูกบ้านแล้ว ก็ควรเชิญพระภูมิเข้ามาครับ จะได้ยกระดับที่ดินให้มีพลัง ที่ดีแทนที่พลังเดิม ก็แล้วแต่ความเชื่อ ความชอบ ว่าจะชอบพระภูมิในแบบ ใด เช่น คนจีนอาจมีพระภูมิไปอีกแบบก็ได้ ในบ้านมีพระภูมิที่เหมือนคนแก่ แต่ในร้านขายของอาจมีพระภูมิเป็นเทพค้าขายเก่งๆ เช่น ปี่เซี้ยะ ก็มีได้นะ ครับ นี่คือ ผ่านการยกระดับพลังงานแล้ว ซึ่งถ้ามี "พระภูมิ" มาประจำแล้ว ก็จะได้ไม่ต้องมีพลังยึดโยงเอาเจ้าของไปเป็น "ผีเจ้าที่" ครับ ผลมันจะไม่ เหมือนเดิม กล่าวคือ ตอนที่มีพลังของ ผีเจ้าที่อยู่ เจ้าของจะหวงที่ของตน มากครับแต่พอเปลี่ยนเป็น "พระภูมิ" แล้ว เจ้าของจะยินดีต้อนรับแขก ได้ มากขึ้นครับ ไม่ยึดมั่นในที่มากไปดังเดิมอีกแล้ว เมื่อตายไป ก็ไม่ต้องเฝ้าที่ พอจะเห็น "วิธีการจัดการกับทรัพย์สิน" ใช่มั้ยครับ ว่ามันมีพลังงานที่ต่าง กัน ตามแต่การ "ยกระดับของพลังงานยึดโยง" นั้นๆ ถ้าคุณมีบารมีทำให้ มันยกระดับไปสู่ขั้นเทพได้ มีเทพดูแลสิ่งนั้นๆ แทนคุณๆ ก็สบายใจได้ครับ


ชีวิตที่เรียบง่าย "มีของใช้เท่าที่จำเป็น" เพื่อไม่ให้รั้งการยกระดับของคุณ


ต่อไปที่ผมอยากให้ท่านทราบคือ การมีชีวิตที่เรียบง่าย มีของใช้เท่าที่ควร เท่าที่จำเป็น พอดีแก่การดำรงชีพ ทำให้คุณได้รับพลังงานที่ไม่ยุ่งเหยิงจน เกินไป ทำให้มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่สับสบวุ่นวาย เป็นการจัดการกับพลังงาน ที่ยึดโยงมากับ "วัตถุสิ่งของต่างๆ" ด้วย และจะทำให้พลังงานที่เชื่อมโยง กับคุณ เป็นพลังงานที่ไม่สับสน เรียบง่าย และสะอาดมากขึ้น ไม่ถูกแทรก หรือปลอมปนมากเกินไปครับ ดังนั้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเก็บไว้ให้เป็น ที่เชื่อมโยงพลังงานที่ไม่ควรเข้ามาครับ จัดการเสียให้เรียบร้อย ก็จะทำให้ พลังงานที่ประสานเชื่อมมาสู่ตัวคุณ สะอาด, สะดวก, โปร่งโล่ง, บริสุทธิ์ มากขึ้นครับ เคยสังเกตุไหมครับว่าทำไม คนที่ยิ่งมีอะไรมากมาย กลับยิ่ง มีชีวิตที่ซับซ้อน, วุ่นวาย, ยุ่งเหยิงมากขึ้น ฯลฯ นั่นแหละครับ เพราะพลัง งานยึดโยงที่เชื่อมโยงมากับวัตถุสิ่งของต่างๆ เหล่านั้น นั่นเอง ในขณะที่ คนที่มีสิ่งของน้อยๆ กลับมีชีวิตที่ราบเรียบมากกว่า เอาละ ผมไม่ได้เหมา ไปว่ามันคือทั้งหมดนะครับ เพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องยังมีอีกมากมาย แต่ก็ มีเยอะเหมือนกันนะครับ ที่เป็นเช่นนี้ ที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ใช่ทั้งการปฏิเสธ การมีทรัพย์สิน หรือความอยากบริจาคสินทรัพย์ หรือความประหยัดอะไร นะครับ คุณไม่ควรปฏิเสธการมีทรัพย์ แต่ก็ควรใช้ปัญญาเพื่อจัดการมัน, คุณไม่ควรอยากให้อะไรจนเกินไปโดยไม่รู้จักการจัดสรรเพื่อตัวคุณด้วย คุณไม่ควรประหยัดอะไรเลย แต่ควรบริหารทรัพยากรให้มีคุณค่าสูงสุด, ใช้เมื่อจำเป็นต้องใช้ และควรจะฝึกใช้มันให้เป็น ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในมิติของโลกนี้ และในมิติที่ตาเปล่ามองไม่เห็น ก็จะคุ้มค่าที่สุดครับ


ของใช้ธรรมดาของผู้มีพลังจิตสูง ก็อาจกลายเป็นของที่มีพลังพิเศษได้


สุดท้ายที่ผมอยากให้ท่านทราบคือ ของใช้ธรรมดาๆ ของคนที่มีพลังจิต สูง ก็อาจกลายเป็นสื่อตัวนำพลังพิเศษได้ กลายเป็นของที่ไม่ธรรมดาได้ และมันก็ต้องได้รับการดูแลอย่างพิเศษด้วย ไม่ควรตกไปอยู่ในมือของผู้ ที่ไม่รู้จักดูแล เพราะอาจมีปัญหาตามมาได้ดังที่ได้อธิบายแล้วข้างต้น ที่ อาจกลายเป็นเครื่องยึดโยง ทำให้เจ้าของไม่ได้ขึ้นสวรรค์แต่กลายเป็นผี เฝ้าของนั้นๆ ไปได้ ดังนั้น การได้รับของอะไร ก็ตาม มีของใช้อะไรก็ตาม ก็ควรเข้าใจที่จะใช้มัน จัดการกับมันอย่างไร ให้ถ่องแท้ด้วย ไม่ใช่รู้แต่ใน ด้านทางโลกนะครับ ในทางธรรม ในระดับทิพย์ ก็ควรทราบด้วยครับ เช่น นี้ก็จะเรียกได้ว่า "เป็นผู้มีบุญบารมีสมควรได้ครอบครองสิ่งนั้นๆ อย่างแท้ จริง" ทว่า คนเราในยุคปัจจุบันได้อะไรมาง่ายๆ ด้วย "เงิน" แค่เอาเงินไป บูชามา ก็ได้เครื่องรางของขลังแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะดูแลรักษาสิ่งนั้น ได้อย่างไร และกลายเป็นปัญหา เป็นภาระที่ผูกมัดตัวเองไป โดยไม่รู้ตัว !


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล ช่วยคุณพ้นจากพลังยึดโยง สวัสดี


19 ก.ย. 2555

"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment