ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

มนุษย์ที่ถูกต้อนไปสู่ต่างดาว อาจไปไม่ถึงดวงดาวและตกอยู่ในภพมืด ทำอย่างไร?

สวัสดีครับ สำหรับหัวข้อในวันนี้ผมขออธิบายต่อเนื่องเรื่องเมื่อวานเลยก็แล้วกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องของการถูกต้อนโดยมนุษย์ต่างดาว ให้เข้าไปสู่วิถีต่างดาวในแบบต่างๆ ซึ่งผมจะบอกเสมอว่ามันไม่มีดาวดวงไหนที่ผิดหรือถูก แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ที่สำคัญอยู่ที่ "ไปถึงดวงดาว" หรือไม่ ถ้าไม่ แล้วอย่างไรต่อ? เอาละ วันนี้เรามาคุยเรื่องง่ายๆ สบายๆ กันเรื่องนี้ ต่อเลยก็แล้วกันนะครับ


การถูกต้อนให้เข้าสู่วิถีต่างดาว อาจทำให้คุณไปไม่ถึงดวงดาว และ...


ดังที่ผมได้อธิบายแล้วว่าไม่มีดาวดวงไหนผิดหรือถูก คุณเลือกได้ และคุณต้องยอมรับในผลของการเลือกนั้นเอง นอกจากนี้ หลายท่านที่ถูกต้อนเข้าสู่วิถีต่างดาว อาจไปไม่ถึงดวงดาวเสมอไป แต่อย่าเพิ่งมองแง่ลบหรือโทษต่างดาวเสมอไปนะครับ เพราะสิ่งสำคัญคุณควรจะเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าของโลกนี้บ้างว่า "กรรมทั้งหลาย สัตว์นั้นเป็นผู้ก่อเอง และต้องรับผลมันเอง" อย่าไปโทษใครเลยครับ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไปไม่ถึงดวงดาวนั้น ไม่ใช่เพราะต่างดาวหรอก แต่เพราะตัวของเขาเอง เช่น พวกเขาโลภมากเกินไป, แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวมากเกินไป สุดท้าย พวกเขาจะหลุดออกจากระบบสามภพของโลกนี้ ไม่ได้เกิดในโลกนี้ ทั้งยังไม่มีดาวดวงไหนจะรองรับเขาด้วย เพราะเขาโลภ มีความเห็นแก่ตัวเกินไป จนพระเจ้าแห่งดาวต่างๆ ไม่มีท่านไหนต้องการที่จะรับเขาอีกแล้ว พวกเขาก็จะตกลงสู่ "ภพมืด" ซึ่งมีพลังด้านมืดควบคุมอยู่ พวกเขาจะได้รับความทุกข์และมืดมนยาวนาน แม้ไม่ถูกทัณฑ์ทรมานก็ตามที พวกเขาไม่มีโอกาสได้เกิดในดาวดวงใดอีก และต้องอยู่แบบหลบซ่อนตามภพมืดของโลกนี้ต่อไป และนั่นก็คือ ผลจากความเห็นแก่ตัวของพวกมนุษย์ที่แสวงหาผลประโยชน์จากมนุษย์ต่างดาวมากเกินไป นั่นเอง



การจรท่องไปในจักรวาลผ่านตัวตนต่างๆ นี้ คุณควรตรงต่อพระเจ้านั้น


เมื่อคุณจรท่องไปในจักรวาล ผ่านตัวตน สังขารต่างๆ ตัวตนแล้วตัวตนเล่า สังขารแล้ว สังขารเล่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ "คุณควรตรงต่อพระเจ้าประจำดาวของคุณ" เช่น ถ้าคุณไม่อยากหลง ออกจากระบบของโลกนี้ คุณควรมีจิตศรัทธาตรงต่อพระพุทธเจ้า แต่ถ้าคุณอยากกลับคืนไปสู่ดาวแม่ของคุณซึ่งเป็นดาวอื่นๆ ที่ไม่ใช่โลกนี้ได้ คุณก็ควรมีจิตตรงต่อ "พระเจ้าแห่งดาวดวงนั้น" เช่น ถ้าคุณต้องการกลับสู่สุขาวดีโลกธาตุซึ่งอยู่ห่างไกลจากโลกนี้มาก คุณควรมีจิตศรัทธาตรงต่อพระอมิตาภะนอกจากนี้ ถ้าคุณต้องการไปสู่ดาวดวงอื่นๆ ดวงใด คุณก็ควรที่จะรู้จักกับพระเจ้า (หรือสิ่งศักดิสิทธิ์สูงสุด) ประจำดาวนั้นๆ เสียก่อน เพื่อจะได้มี "จุดหมายปลายทาง" ในการจรท่องไปในจักรวาลของคุณ ทว่า ถ้าคุณมี "ศรัทธาที่ไม่แน่วแน่" คุณอาจจะถูกภาคมืดซึ่งดักรอระหว่างทางจากโลกนี้ไปสู่ดาวดวงอื่นๆ ชักนำพาออกนอกเส้นทางได้ และคุณจะไม่อาจกลับคืนสู่ดาวแม่ของคุณได้เลย นี่คือ อันตรายที่คุณควรระวัง



การค้นพบโลกธาตุอื่นหรือ "ต่างดาว" มีมานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล


และเพื่อให้ท่านที่ยังอ่อนต่อจักรวาลนี้ ไม่หลงทาง จึงมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้และแจ้งเรื่องราวของต่างดาวเอาไว้มากมาย ตามหลักฐานต่างๆ ซึ่งปรากฏในนามต่างๆ เช่น สุขาวดีโลกธาตุ, พรหมโลกธาตุ, ตรีสหัสสโลกธาตุ, พหุสุคันโธโลกธาตุ, อภิรตีโลกธาตุ ฯลฯ และอีกมากมาย ซึ่งท่านก็ได้ตรัสบอก ถึงสิ่งศักดิสิทธิ์สูงสุด ประจำโลกธาตุอื่น หรือดาวอื่นๆ ไว้มากพอควรแล้ว ท่านก็สามารถเลือกโลกธาตุต่างๆ นั้นได้ แต่ท่านจะไปถึงดวงดาวได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ "การเป็นผู้รับใช้" จะเรียกว่าทาสของพระเจ้า หรือพระบุตร หรือเทวทูต ก็ได้ สิ่งสำคัญคือ คุณไม่ควรทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ควรตั้งใจทำงานอุทิศตนเพื่อพระเจ้าแห่งดาวดวงนั้น ที่คุณปรารถนาจะไปให้ถึง นั้นจริงๆ และด้วยวิธีนี้เอง คุณก็จะได้รับการต้อนรับให้เข้าสู่ดาวดวงนั้นที่คุณรอคอยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ "ดาวดวงนั้นที่ภาคมืดสร้างไว้ดักรอคุณ" ซึ่งภาคมืดจะทำให้เหมือนและตรงตามความต้องการของคุณแต่สิ่งนั้นเป็น "ของปลอม" ภาคมืดจะทำของปลอมเลียนแบบได้เหมือนมาก เช่น การกำเนิดใหม่แบบภาคมืด (ปลอมๆ) พวกเขาจะหลอกล่อคุณว่ามาบนเวทีนี้สิ แล้วคุณจะได้ "เกิด" เป็นดาว เป็นดารา อย่างที่คุณต้องการนั้นถ้าคุณไม่มีศรัทธาที่แน่วแน่ต่อพระเจ้าประจำดาวดวงนั้น คุณก็จะไม่รอด!



การค้นพบโลกธาตุอื่น (ต่างดาว) โดยนักวิทยาศาสตร์อาจตั้งชื่อต่างกัน


สิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจอีกประการหนึ่งคือ การค้นพบดาวดวงอื่นหรือโลกธาตุอื่นๆ โดยนักวิทยาศาสตร์ อาจมีชื่อเรียกต่างไปจากในตำรา และคัมภีร์ทางศาสนาต่างๆ ได้ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร? ถ้าคุณไม่ใช่พวกยึดติดในคำศัพท์, นามสมุติ มากเกินไป คุณเข้าใจมันได้ไม่ยากเลย เหมือนกับการเรียกมะม่วง สิ่งเดียวกันกับที่ฝรั่งเรียกว่า Mango ก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่สาระที่จะไปเอามาหลง หรือยึดมั่นเพื่อทะเลาะหรือขัดแย้งกันเลย มันก็แค่ "ชื่ออ้างอิง" ก็เท่านั้นเอง ทว่า การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์อาจจะได้รายละเอียด ในมุมที่ต่างออกไป จากมุมของศาสนา เช่น ในมุมของนักวิทยาศาสตร์ ก็จะได้ข้อมูลเชิงวัตถุมาก ในขณะที่ศาสนาจะให้มุมมองแก่คุณในด้านจิตวิญญาณมากกว่า แต่ทั้งสองอย่างก็กำลังจะถูกปรับจูนเข้าให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในอนาคต เพื่อประกอบความเข้าใจ ที่รอบด้านให้แก่มวลมนุษยชาติต่อไป ดังนั้น ท่านจึงสามารถใช้ข้อมูลนี้ได้ทั้งสองมุมมอง



ข้อควรระวังจากการถูกล่อลวงโดยภาคมืด ทำให้คุณ "ไปไม่ถึงดวงดาว"


สิ่งที่คุณควรระวังไม่ใช่ "พวกต่างดาว" เพราะถ้าคุณไปถึงได้ เป็นพวกเดียวกับเขาได้ คุณก็มีดาวอยู่แน่นอน ทว่า สิ่งคุณควรระวังก็คือ การไปไม่ถึงดวงดาวต่างหากละ และนี่จะทำให้คุณเคว้งคว้างล่องลอยอยู่เหนือโลกแต่ไม่มีที่อยู่ที่ชัดเจน มันคือ "อาณาเขตแห่งความมืด" ซึ่งภาคมืดได้ทำไว้เพื่อดักรอคุณ มันคือ "กักดักที่เอาไว้เล่นงานนักท่องจักรวาล" ทั้งหลาย ที่ยังอ่อนด้อยต่อจักรวาลนี้มาก และยังท่องจักรวาลไม่ชำนาญพวกภาคมืดจะทำทุกอย่างให้เหมือน "ดาวที่คุณปรารถนา" เช่น ถ้าคุณอยากไปให้ถึงดาวแห่งการบันเทิงและแสดง ภาคมืดก็จะสร้างสิ่งนั้น ขึ้นมาให้เป็นจริงในโลกนี้ มันคือ "อาณาจักรบันเทิงและการแสดง" ที่ถูกทำให้เกิดขึ้นจริง เป็นดั่งโลกสมมุติ ในมิติซ้อนโลกใบนี้ คุณจะเข้าไปถึงมันได้ง่ายกว่าของจริงด้วยซ้ำไป เพราะมันจะดักรอคุณระหว่างทางก่อนคุณจะไปถึงและได้พบกับพระเจ้าแห่งดาวดวงนั้น เอาละ มันไม่ได้มีแค่ดาวนั้นเท่านั้นนะ มันยังมีอีกหลายดาวที่เป็น "ของปลอม-ของภาคมืด" เช่น ดาวธุรกิจ, ดาวแห่งการสื่อสาร, ดาวแห่งการช่าง, ดาวแห่งการกีฬา ฯลฯ ซึ่งทำปลอมเลียนแบบโดย "ภาคมืด" ที่ซึ่งมี "ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-ชื่อเสียงและสิ่งต่างๆ" เอาไว้หลอกล่อคุณ ก่อนที่คุณจะไปถึงดวงดาวที่แท้จริงนั้นเสียอีก และหลายคนเหลือในโลกนี้ที่ "ติดกับดัก" นั้น โดยเฉพาะคนมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งหลายในทุกวงการ พวกเขาไปถึง "ดาวปลอม" กัน ทั้งนั้น



คุณจะทราบได้อย่างไรว่าคุณ "ไปถึงดวงดาว" ที่แท้จริงนั้นๆ แล้ว?


นี่คือ คำถามที่ใครหลายคนอยากทราบสินะ เอาละ ผมจะเล่าให้ฟังคุณจะทราบได้ว่า คุณได้เลื่อนระดับ ถึงระดับของดาวดวงนั้นที่คุณปรารถนาได้ด้วยการ "ได้รับธรรมจากพระเจ้าประจำดาวดวงนั้นๆ" เช่น ถ้าคุณปราถนาดาวแห่งบันเทิงและศิลปะฯ เมื่อคุณเลื่อนระดับไปถึงแล้ว คุณอาจจะไม่ได้ขี่จานบินหรือขึ้นจรวดไปหรอก แต่มันก็คือ "การเลื่อนระดับทางจิตวิญญาณของคุณเอง" ซึ่งเมื่อคุณเลื่อนระดับไปถึงได้แล้ว คุณจะได้รับ "ธรรมจากพระเจ้าประจำดาวดวงนั้น" ทำให้คุณเข้าถึงธรรมได้ คุณเข้าใจสัจธรรมพื้นฐานในแบบนั้นๆ แม้ว่าคุณจะไม่รีบนิพพานก็ตาม พระเจ้าประจำดาวดวงนั้นจะบอกวิธีที่คุณจะดำรงอยู่ต่อไปในจักรวาลนี้อย่างไร ถ้าคุณยังไม่รีบนิพพาน ก็จะทำให้คุณ "ทราบวิธีดำรงอยู่โดยไม่รีบนิพพาน" แม้ว่าคุณจะบรรลุธรรมแล้วก็ตาม ซึ่งคุณสามารถบรรลุได้ทุกแบบ ตามแบบของดวงดาวนั้นๆ เช่น การบรรลุผ่านกรสร้างงานศิลปะ, การบรรลุผ่านที่สุดแห่งการสื่อสารหรือค้าขาย, การบรรลุผ่านที่สุดแห่งการแข่งขัน, การบรรลุผ่านที่สุดแห่งการเมืองการปกครอง ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนเป็นประตูไปสู่การบรรลุธรรมแบบต่างๆ ของดาวต่างๆ ได้ทั้งสิ้น แต่พวกเขายังไม่รีบนิพพาน พวกเขามีดาวอยู่ประจำของพวกเขาเอง เพื่อต้อนรับคุณด้วย!



เมื่อคุณบรรลุธรรมแบบ "ดาวดวงนั้น" แล้ว คุณจะกลายเป็นสุดยอด!


ผลจากการเลื่อนระดับไปจนบรรลุธรรมของดาวดวงนั้นๆ คุณจะกลายเป็นสุดยอดจอมยุทธตามแบบของดาวดวงนั้น เช่น ผู้ที่บรรลุธรรมจากดาวแห่งศิลปะ ก็จะกลายเป็นสุดยอดศิลปินหรือนักวิจารณ์ศิลปะได้ คือ สามารถใช้งานศิลปะสร้างสรรค์ให้ถึงแก่นธรรม ก็ได้ หรือวิจารณ์งานศิลปะไปจนถึงแก่นแท้แห่งธรรมเลย ก็ได้ เอาละ นี่แหละที่เรียกว่า "ไปถึงดวงดาว" อย่างแท้จริง เรียกว่า "ศิลปินของจริง" ไม่ใช่ "พนักงานการแสดง" อะไรแบบนั้น ทว่า เมื่อคุณยังอยู่บนโลกนี้ พลังงานภาคมืดจะกลบปิดสัจธรรมความจริง ทำให้คนไม่เห็นคุค่าของคุณได้ เหมือนที่ศิลปินในอดีตทั้งหลายไม่ได้รับการยอมรับในยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่า เขากลับกลายเป็นตำนานอำมตะในวงการศิลปะเลยทีเดียว ข้อนี้ ก็แตกต่างจาก "ภาคมืด" มาก เพราะภาคมืด จะให้ชื่อเสียงและอะไรมากมายในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกภาคมืดจะดูเหมือนประสบความสำเร็จ อันยิ่งใหญ่มาก ทว่า พวกเขาแค่ทำให้คนหลงกลเท่านั้นเอง มันคือ ภาพฉากหน้าที่หลอกลวงตาของพวกคุณ ให้หลงติดกับดักของพวกเขาได้ง่ายก็เท่านั้นเอง ดังนั้น ขอให้คุณไปให้ถึงดวงดาวที่แท้จริงละ จะได้ไม่ต้องถูกกับดักของภาคมืด "ผูกมัดพันธนาการ" และตกสู่ภพมืด ไปเสียก่อน


ขอพลังแห่งพระผู้เป็นเจ้าของดาวต่างๆ จงนำความสว่างแก่คุณ สวัสดี



13 ก.ค. 2555


"เสียงจากสภาฯ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王





  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment