ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

เมื่อพระศาสนาหักกลางคุณจะต่อสายธรรมจากใคร? พบมนุษย์ติดดาวได้ที่นี่

สวัสดีครับ ผมจำเป็นต้องอธิบายถึงเรื่องพื้นฐานต่อไป เพราะหลายท่านยังคงไม่เข้าใจนะครับ นั่นคือ เรื่อง "ศาสนาที่หักกลาง" มันมีผลต่อการสืบทอดสายธรรมเพราะมันหักกลางยุคพุทธกาล มันจึงสืบทอดสายธรรมตามเดิม คือ พระสงฆ์ไม่มีความสามารถในการสืบทอด "สายธรรม" ได้ดังเดิมอีก และนี่คือ "โจทย์ปัญหา" ที่พวกเราทั้งหลาย ได้ถูกส่งลงมาเพื่อช่วยในเรื่องนี้นะครับ ลองพิจารณาดูนะครับ...


การศึกษาและปฏิบัติธรรมโดย "ไม่เชื่อมสายธรรม" ทำให้เป็นปัจเจกฯ ได้


อย่างแรกที่ท่านควรทราบก่อนคือ ท่านไม่ควรศึกษาและนำธรรมะไปปฏิบัติเองโดยไม่มีการต่อสายธรรมจากครูบาอาจารย์ หรือผู้ดูแลใดๆ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ท่านเข้าสู่ "วิถีปัจเจกฯ" และอาจตรัสรู้เป็นพระปัจเจกฯ ได้ อันจะส่งผลต่อไปคือ ท่านต้องนิพพานในระยะเวลาอันสั้น ไม่อาจอยู่ได้นานเพราะไม่ใช่ยุคของพระปัจเจกฯ นั่นเอง ดังนั้น นี่ก็คือ สิ่งแรกที่ผมต้องเตือนท่านให้ระวังไว้ก่อน เพราะปัจจุบันท่านสามารถหาตำรา-คัมภีร์ธรรมะหรือแม้แต่วีซีดีธรรมะ และอะไรอีกมากมายมา "ศึกษาด้วยตัวเองได้" โดยที่ไม่มีครูบาอาจารย์ดูแล หรือใครเชื่อมต่อกับท่านเลย ดังนั้น ผมน่าจะเรียกว่า "ข้อห้าม" เล็กๆ ได้นะครับ ก็คือ ห้ามนำธรรมะไปปฏิบัติเองโดยไม่ผ่านการต่อสายธรรม ท่านจะไปรับรู้, รับฟังธรรมะจากที่ใด ก็ตาม ควรมีการต่อสายธรรม มีครูบาอาจารย์ดูแล และไม่ถูกปล่อยให้ศึกษา-ปฏิบัติเองนะครับดังนั้น อย่างแรกที่ท่านควรเข้าใจก็คือ "พระพุทธศาสนาคือ ศาสนาที่มีการเชื่อมต่อสายธรรม ไม่ใช่ศาสนาที่ปฏิบัติตัวใครตัวมัน ไม่เชื่อมโยงกับใคร" เพราะการปฏิบัติเอง ตรัสรู้เอง เป็นวิถีของพระปัจเจกฯ ไม่ใช่พุทธศาสนา!



การเชื่อมต่อสายธรรมแบบ "พุทธดั้งเดิมแท้" และแบบ "พุทธลัทธินิกาย"


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ พระพุทธศาสนาที่มีการต่อสายธรรม แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ 1. พุทธดั้งเดิมแท้ (ที่ ไม่มีลัทธิ-นิกาย) และ 2. พุทธแบบมีลัทธินิกาย ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่นิกายเซนของพระมหากัสสปะเป็นต้นมา ซึ่งในปัจจุบันโลกนี้ ไม่มีเหลือพระพุทธศาสนา แบบดั้งเดิมแท้อีกแล้ว บนโลกมนุษย์จะเหลือแต่พระพุทธศาสนาแบบมีลัทธิ-นิกาย เท่านั้น ส่วนพระพุทธศาสนาแบบไม่มีลัทธินิกาย (แบบดั้งเดิมแท้) จะมีอยู่ก็แต่บนสวรรค์เท่านั้น ซึ่งท่านสามารถเชื่อมต่อได้เมื่อท่านละสังขารแล้วมีโอกาสได้เกิดบนสวรรค์นั้นๆ ดังนั้น เมื่อท่านต่อสายธรรมบนโลกด้วยการบวช ท่านจะออกจากพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ และเข้าไปสู่พุทธศาสนาแบบมีลัทธินิกาย และจะไม่ได้นิพพานภายใน 5,000 ปี แต่จะได้จุติยังสวรรค์สุขาวดีอยู่ยาวนานโดยไม่รีบนิพพาน เพื่อฉุดช่วยสรรพสัตว์ให้นิพพานไปก่อนตน (ตามปรัชญาของสุขาวดี) ดังนั้น หากท่านต้องการเชื่อมต่อสายธรรมกับ "พระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้" ท่านจำเป็นต้องต่อสายธรรมให้ถูกด้วย ไม่ใช่นั้น ท่านก็ไม่ได้เชื่อมต่อสายธรรมกับพุทศาสนาแบบดั้งเดิมอยู่ดี



"พระรัตนตรัยดั้งเดิมแท้" และ "พระรัตนตรัยจอมปลอม" ที่ถูกสร้างขึ้น?


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ พระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้จะมีพระรัตนตรัยดั้งเดิมแท้ แต่พระพุทธศาสนาแบบมีลัทธิ-นิกาย จะไม่อาจเข้าถึงสิ่งนี้ได้ จะมีแต่ "พระรัตนตรัยจอมปลอม" เท่านั้น มันไม่เหมือนกันอย่างไร? เอาละผมจะอธิบายให้ง่ายที่สุดนะ 1. พระพุทธ ของแท้คือ ส่วนที่เป็นพระธรรมกายที่เหลือจากการทำสอุปาทิเสสนิพพาน (นิพพานบางส่วน) ซึ่งไม่ใช่ส่วนของพระธาตุนะครับ พระธาตุที่เหลือจากการนิพพานบางส่วนนั้น ยังไม่ใช่พระพุทธเจ้าแท้ ของแท้คือ พระธรรมกาย ที่เหลือแต่ "มโนธาตุ" ที่ไร้ลักษณ์ ไร้รูป เหมือนแสงแห่งธรรม และยังไม่นิพพานไปหมด ยังทำกิจโปรดสัตว์อยู่จนกว่าจะครบ 5,000 ปีครับ 2. พระธรรมที่แท้จริงไม่ได้มาจากตำราใดๆ พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้ตำราสอนใครนะครับ ท่านเขียนตำราได้ก็จริงแต่ท่านไม่เคยทำ (ทั้งๆ ที่ทำได้แต่ท่านก็ไม่ทำ เพราะทราบว่ามันไม่ช่วยให้ใครบรรลุแบบต่อสายธรรมได้) พระธรรมที่แท้จริงจะมาจากจิตสู่จิต หรือจากพระธรรมกายของพระอรหันต์โดยตรงเท่านั้น ไม่ได้ มาจากตำรานะครับ คนที่ศึกษาธรรมะจากตำราได้แค่สุตตมยปัญญา แต่ถ้าบรรลุได้เองก็จะอยู่นอกธรรมวินัยเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าครับ 3. พระสงฆ์ที่แท้จะนับจากพระสาวกที่ปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าเท่านั้นครับ ท่านที่ไม่ได้ปรินิพพานก่อนนั้น ได้เข้าร่วมสังคายนาพระไตรปิฎก และร่วมสร้างนิกายเซนกับพระมหากัสสปะไปหมดแล้ว ท่านเหล่านั้น "ทำสังฆเภท" แตกหน่อแตกกอ ออกจากพระพุทธศาสนาดั้งเดิมไปหมดแล้ว ไม่ใช่พระสงฆ์แท้ครับที่นี้ท่านพอแยกแยะพระรัตนตรัย "ของแท้" และ "ของปลอม" ได้หรือยัง?



ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงและเชื่อมต่อกับ "พระรัตนตรัยดั้งเดิมแท้" ได้?


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ เมื่อท่านไม่เข้าสู่วิถีปัจเจกฯ ท่านต้องการต่อสายธรรม และท่านก็ได้ทราบแล้ว ว่ามีสายธรรมทั้งที่เป็น "ดั้งเดิมแท้" และที่เป็น "ลัทธิ-นิกาย" (สังฆเภท) ถ้าท่านต้องการต่อสายธรรมกับพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ ท่านก็ต้องออกจากพระพุทธศาสนาที่มีลัทธินิกายเหล่านั้นให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น และท่านจึงจะค้นหาพระรัตนตรัยที่แท้จริงได้ต่อไป อนึ่ง พญามารหลังจากครอบงำพระมหากัสสปะแล้วก็ได้ทำอะไรที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำ และไม่ได้สั่งให้ทำ และไม่เคยมีในพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้มากมายยิ่งกว่าสิ่งที่พระเทวทัตจะทำเสียอีก เช่น การสังคายนาพระไตรปิฎก, การใช้ "เสียงข้างมากของหมู่สงฆ์" เพื่อโหวตหาความถูกต้องของพระธรรม (ซึ่งพระพุทธเจ้า ก็ไม่เคยทำแบบนี้ เพราะเสียงข้างมากอาจผิดก็ได้ อาจพากันหมดไปทั้งหมู่ ก็ได้)และอะไรอีกมากมายที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ เอาละ ที่นี้ เราจะมาเชื่อมต่อกับพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมแท้กัน ซึ่งเราต้องเริ่มต้นจาก "พระรัตนตรัยแท้" ให้ได้ก่อน คือ พระพุทธแท้, พระธรรมแท้และพระสงฆ์แท้ ถ้าเราหาสามอย่างจริงแท้นี้ไม่ได้ ก็ไม่ถึงพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ได้ ซึ่งการเข้าถึงนั้นไม่ยากเลย เพียง "จิตสู่จิต" เท่านั้นเองก็สามารถเข้าถึง ซึ่งพระรัตนตรัยแท้ได้ โดยไม่ต้องเดินทางค้นหาเลย



การดำเนินไปของพระพุทธศาสนาหลังกึ่งพุทธกาลคือ "มนุษย์ติดดาว"


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ เมื่อพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ ไม่เหลืออยู่อีกแล้วในโลกนี้ (เหลืออยู่แต่บนสวรรค์เท่านั้น) การดำรงอยู่ของชาวพุทธก็จะเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมคือ จะเหมือน "ชาวคริสต์" เพราะอะไร? ก็เพราะชาวคริสต์ใช้วิธีเชื่อมต่อกับพระเจ้าต่างดาวของเขาโดยที่พระเจ้าไม่มีสังขารเป็นมนุษย์บนโลก เช่นกันในเมื่อพระพุทธเจ้า-พระสงฆ์สาวกของท่านไม่มีขันธ์ห้าเหลือบนโลกแล้ว (เพราะได้ดับขันธ์ห้านิพพานโดยรอบไปหมด เหลือแต่มโนธาตุไว้โปรดสัตว์จนครบห้าพันปีเท่านั้น) ดังนั้น การที่เราจะ "เชื่อมต่อสายธรรม" กับท่านเหล่านี้ได้จะต้องใช้วิธีเดียวกันกับชาวคริสต์ที่เชื่อมต่อกับพระเจ้าที่ไม่มีสังขารเป็นมนุษย์ของพวกเขาก็จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อกันได้แบบ "ข้ามพ้นขีดจำกัดของสังขาร" เป็นการต่อเชื่อมพระพุทธศาสนาที่หักกลางแบบหนึ่ง ที่ไม่ฝืนธรรมชาติ และกฏแห่งกรรมมากเกินไป และท่านควรทราบว่า มโนธาตุ ที่เหลือจากการดับขันธปรินิพพานนั้นจะไร้รูป, ไร้ลักษณ์ ส่องสว่างดั่ง "แสงแห่งธรรม" จะเชื่อมต่อสายธรรมถึงท่านได้ไม่ยาก เหมือนการที่ท่านรับพลังจักรวาลนั่นแหละ ให้ท่านระลึกว่ามี "พระธรรมกายหรือแสงแห่งธรรม" อยู่เหนือจักระที่เจ็ด (เหนือศีรษะขึ้นไป) เหมือนดวงดาว ส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะท่านส่งพลังแสงแห่งธรรมลงมา ไม่ยากใช่ไหมครับ? นั่นแหละ ผมจึงมีคำเรียกเก๋ๆ ว่า "มนุษย์ติดดาว" ด้วยเหตุนี้ นั่นเอง ซึ่งท่านไม่จำเป็นต้องบรรลุถึงอรหันตผลก็ได้เพราะท่านสามารถไปเชื่อมต่อสายธรรมที่สวรรค์และได้อรหันตผลและนิพพานบนสวรรค์นั้นได้ ท่านจึงปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสได้โดยไม่ต้องบวช (เฉพาะท่านที่ถึงอรหันตผล จึงจำต้องบวช)



การปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหันต์ จะส่งผลให้ท่านดำรงอยู่บนโลกได้ยาก?


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ท่านที่บรรลุอรหันตผลบนโลกแล้ว จำต้องบวชพระจึงจะทรงขันธ์ได้ไม่เช่นนั้นท่านจะละสังขารภายใน 7 วัน ทว่า ในเมื่อไม่มีพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ให้ท่านบวชอีกแล้ว แล้วท่านจะบวชเข้าในพระพุทธศาสนาลัทธิ-นิกายใด? เมื่อท่านเข้าสู่ลัทธินิกายนั้นๆ ท่านก็ต้องปฏิบัติตามเขา และท่านก็จะไม่ได้นิพพานใน 5,000 ปี แต่จะไปจุติยังโลกอื่นเช่น สุขาวดีโลกธาตุแล้วไม่ได้นิพพานยาวนาน มีชีวิต มีสุข อำมตะเช่นนั้นเอง ซึ่งอาจผิดไปจากจุดประสงค์เดิมของท่านได้ ดังนั้น แม้แต่การบวชก็ยังมีปัญหา ถ้าท่านบวชแล้วออกจากลัทธินิกายนั้นๆ ท่านจะจรธุดงค์ไปก็จะเหมือน "สายหลวงปู่เทพโลกอุดร" ซึ่งอยู่ในพระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้ซึ่งปัจจุบันหลวงปู่ทั้งหลาย (ท่านมีหลายรูป) ได้ละสังขารไปหมดแล้ว จึงส่งผลให้ท่าน "ไม่มีหมู่คณะ และจะกลายสภาพเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า" ได้ และผลจากการที่ท่านเข้าสู่วิถีปัจเจกพุทธเจ้า ท่านก็ต้องละสังขารในระยะเวลาอันสั้นอยู่ดี ไม่อาจทรงขันธ์ทำกิจบนโลกได้นาน ดังนั้น ธรรมซึ่งอยู่ยนโลกหลังกึ่งกลางพุทธกาลจึงไม่มีใน "ผ้าเหลือง" (ผ้าเหลืองอยู่ในลัทธิ-นิกาย เป็นสังฆเภททั้งหมด) จึงมีเฉพาะในฆราวาส และมีได้ก็เพียง "อนาคามี" เท่านั้น (เพราะถ้าถึงอรหันต์แล้วอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องตายไป) ดังนั้น เมื่อท่านไม่อาจจะอยู่แบบอรหันต์ได้ ท่านก็ต้องอยู่แบบอนาคามี คือ อยู่แบบมีตัวตนสักหนึ่งตัว ก็คือ ตัวตนแห่งมนุษย์ติดดาว ที่กล่าวถึงนั่นเอง



ถ้าท่านไม่ติดอะไรเลยจะอยู่ได้ยาก ดังนั้น ท่านจึงต้อง "ติดดาว" สักดวง


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ถ้าท่านไม่ติดอะไรเลย ท่านจะบรรลุอรหันต์และละสังขารอย่างรวดเร็ว เพราะบนโลกไม่มีหมู่คณะให้ท่านอยู่ร่วมแล้วและท่านจะกลายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าผิดยุคที่ต้องนิพพานไปอย่างเร่งด่วนดังนั้น ถ้าท่านประสงค์จะอยู่ต่อเพื่อสานกิจพระพุทธศาสนา หรือกิจอื่นก็ดีท่านจึงต้อง "ติดอะไรสักอย่างหนึ่ง" ไว้บ้างเล็กน้อย เพื่อไม่ให้มีธรรมเกินไปคงระดับธรรมไว้ที่ "อนาคามี" ก็พอ และสิ่งที่ข้าพเจ้าแนะนำท่านให้ติดก็คือ "แสงแห่งธรรมจากพระธรรมกายของพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้า" ที่ข้าพเจ้าเรียกสั้นๆ ว่า "ติดดาว" นั่นแหละ ไม่เช่นนั้น ท่านก็อาจจะถูกดึงไปอยู่ในกลุ่ม "มนุษย์ต่างดาว" เช่น มนุษย์จากดาวสุขาวดีโลกธาตุ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดหรือเลวร้ายอะไร เพียงแต่ถ้ามันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของท่าน ท่านต้องการจะต่อสายธรรมตรงสู่พระพุทธเจ้าจริง พระพุทธศาสนาดั้งเดิมแท้จริง ท่านก็ควรจะต่อสายธรรมให้ถูก ซึ่งมันก็มีสองสายใหญ่ดังที่ผมเรียกเป็นชื่อเก๋ๆ ให้เลือกว่า "มนุษย์ติดดาว" กับ "มนุษย์ต่างดาว" เท่านั้นเอง


ขอพลังแห่งพระธรรมกายนั้น จงประสิทธิ "แสงแห่งธรรม" สู่ท่าน สวัสดี



3 ส.ค. 2555


"เสียงจากนิรนาม"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment