ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

กฏหมายไม่ใช่สิ่งสูงสุดในการปกครอง และอาจกลายเป็นฉนวนทำลายประเทศ?

ลูกเอ๋ย ยังมีความเข้าใจผิดอย่างยิ่งอย่างหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในโลกนี้ ในช่วงหลังมานี้ คือ ความเชื่อที่ว่าการปกครองที่ดี ต้องมีกฏหมายเป็นสิ่งที่สูงสุด ลูกเอ๋ย ฟังให้ดีนะ ความเชื่อนี้เป็น "มิจฉาทิฐิ" และเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างยิ่ง ที่เหล่านักกฏหมายสร้างขึ้นเพื่อยกตัวเองให้เหนือคนเหล่าอื่นแล้วกดข่มคนเหล่าอื่นให้ต่ำลงไปเพื่อให้ตนเองได้ความชอบธรรมในการขึ้นมามีอำนาจในการปกครอง มันเป็นแนวคิดที่ผิดพลาดหลายจุดมาก ผมจะเล่าให้ฟังต่อไป ว่ามันผิดพลาดอย่างไร?


"มหาตมะ คานธีร์" ผู้หันหลังให้กฏหมายแล้วหันมาใช้จารีตในชาติตน


ก่อนอื่น ผมจะขอยกตัวอย่าง "บุคคลสำคัญของโลก" ท่านหนึ่ง ได้แก่ มหาตมะ คานธีร์ ซึ่งเป็นคนอินเดีย ได้ไปเรียนกฏหมายจากต่างประเทศทว่า เมื่อเขาพยายามใช้ความรู้ที่ตนเรียนมาจากเมืองนอก เพื่อต่อสู้ให้ประเทศอินเดียได้รับเอกราช ก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะอะไรหรือ? เพราะกฏหมายที่ว่าทั้งหลายในโลกนี้ ก็มีที่มาจากประเทศที่ยึดครองอินเดียนี้นั่นเอง เอาละ หลังจากนั้น ท่านก็เปลี่ยนไปใช้ "จารีตของคนอินเดีย" ที่จะต่อสู้กับอำนาจการครอบงำของประเทศมหาอำนาจ ในที่สุด ท่านก็ได้รับชัยชนะพร้อมด้วยสันติภาพ นับเป็นการปลดแอกที่งดงามและสงบที่สุดเท่าที่พอจะหาได้ในโลกนี้ทีเดียว นี่คือ "ตัวอย่าง" ให้เห็นว่าบางครั้งสิ่งที่ลูกถูกครอบงำและสอนมาว่า "กฏหมายคือสิ่งสูงสุด" มันไม่จริงเสมอไป



แม้แต่ "นักกฏหมาย" ก็ไม่มีใครสักคนที่จะยอมอยู่ใต้กฏหมายเลย?

สิ่งต่อไปที่คุณถูกพวกนักกฏหมายหลอกลวงอย่างยิ่ง คือ แม้แต่นักกฏหมายเอง ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่ยอมอยู่ใต้กฏหมาย พวกเขานั้นคิดว่ากฏหมายเป็นแค่ "ทาสรับใช้" หรือ "เครื่องมือหนึ่ง" ของพวกเขาที่จะเล่นงานคนที่รู้กฏหมายน้อยกว่าพวกเขา ก็เท่านั้น เอาง่ายๆ ไม่มีศาลที่ใดในโลกนี้หรอก ที่จะยึดความจริง, ความถูกต้อง หรือว่าความยุติธรรม ทุกศษลในโลกล้วนยึด "ผลจากชัยชนะของการต่อสู้ของทนายสองฝ่าย จากหลักฐานอ้างอิงต่างๆ" แม้ว่าหลักฐานเหล่านั้นจะ "ไม่ครบและทำให้ผิดกลับเป็นถูก หรือถูกกลับเป็นผิด" ก็ตามเขาเรียกกันว่า "ผู้ใช้กฏหมายต้องมีศิลปะ" หรือ "ศิลปะในการใช้กฏหมาย" ไม่มีใครโง่และทื่อจนยอมจำนนต่อกฏหมายอย่างแท้จริงหรอก พวกเขามีแต่จะใช้กฏหมายในมือเอารัดเอาเปรียบคนที่รู้น้อยกว่าโดยไม่สนใจว่าอะไรคือความจริง, ความถูกต้อง, ความยุติธรรมดังนั้น อย่าโง่ นะลูกนะ เอาง่ายๆ คนรวยทำผิด เขาไม่ต้องรับโทษ ก็ได้ ถ้าเขาฟาดเงินให้ทนายดีๆ ทำคดีให้เขาชนะ เขาก็ไม่ต้องรับโทษนี่คือ "ความจริงที่เป็นจริงของโลก" นะลูกนะ กฏหมายจึงไม่ใช่สิ่งที่สูงสุด หรือศักดิสิทธิ์อย่างที่ลูกถูกหลอกให้หลงอยู่ "มาตั้งนานแล้ว"



"เหนือกฏหมาย" ยังมี "สัจธรรม, กฏแห่งกรรม, ศีลธรรม, จริยธรรม"


สิ่งต่อไปที่ลูกควรรู้อย่างยิ่งคือ "กฏหมาย" เป็นแค่ เหลนของบางสิ่งที่มีมาก่อน เพราะอะไร? เพราะมันเกิดทีหลัง และมันก็มาจากสิ่งเหล่านั้นมันจึงมีทั้ง "พ่อ" มี "ปู่" มี "ปู่ทวด" ที่เหนือกว่ามันอยู่อีกมากมายเช่น สัจธรรม (ปู่ทวด), ศีลธรรม (ปู่), จริยธรรม (พ่อ) ของกฏหมาย ด้วยกฏหมายเกิดได้ ก็ด้วยสิ่งเหล่านี้มีมาก่อน และกฏหมายทั้งหลาย ก็เอามาจากแนวคิดของสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น นะลูกนะ และสิ่งเหล่านี้ "ยังไม่ตาย" ฟังไว้ให้ดีนะลูกนะ "ปู่ทวด, ปู่ และพ่อของกฏหมาย มันยังไม่ตาย" มันยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น มันจึงยังทำหน้าที่เป็น "บรรทัดฐานในการปกครองประเทศ" ได้อย่างเต็มกำลัง และ "เหนือกฏหมาย" อย่าลืมนะลูกนะว่า"บรรทัดฐานในการปกครองประเทศมีมากมาย" กฏหมายเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งให้ผู้ปกครอง นำมาใช้ในการแก้ปัญหาเท่านั้น แต่ถ้ามันกลายมาเป็น "ตัวปัญหา" เมื่อไร พ่อของมัน ก็ดี, ปู่ของมัน ก็ดี, ปู่ทวดของมัน ก็ดี ฯลฯ จะจัดการมันเอง ในฐานะที่มันก่อปัญหานัก และลูกไม่ต้องกลัวนะว่าประเทศหรือสังคมจะอยู่ไม่ได้ ตราบใดที่รากเหง้ายังอยู่ ปู่ทวด, ปู่และพ่อของกฏหมาย มันยังมีชีวิตอยู่ เอาละ ลูกเอ๋ย ต้องพูดแรงแบบนี้ ก็เพื่อให้ลูกตื่นขึ้น นะลูกนะ ตื่นได้แล้ว อย่าให้ใครมาครอบงำลูกตลอดไปได้ละ



"กฏหมาย" มี "ต้นทาง" มาจากสวรรค์ชั้นหกแต่จารีตมาจากพรหมโลก


เอาละ ลองมามองในมุมต่างมิติกันบ้าง แล้วลูกจะตกใจถึงความจริงเรื่องหนึ่ง คือ "กฏหมายที่ลูกคิดว่าสูงสุดนั้น" มาจากสวรรค์ชั้นที่หก มารเป็นผู้ต้นคิด ต้นธาตุ ต้นธรรม ต้นกำเนิด กฏหมาย นะลูกนะ ทว่า ยังมีสิ่งที่ใช้มาก่อนกฏหมาย และเหนือกฏหมายมาตั้งนานแล้ว คือ "จริยธรรม" หรือ"จารีตประเพณี" เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ มาจาก "พระพรหม" เป็นผู้สร้างขึ้นให้แก่โลกและมนุษย์ได้ใช้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข นะลูกนะ สิ่งนี้มาจาก"พรหมโลก" ที่สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่หก ดังนั้น จารีตประเพณีจึงเป็นสิ่งที่มีฐานะเหนือกฏหมาย โดย "ธรรม" โดยพิจารณาจากระดับของพลังงานต้นทางที่สร้างมันขึ้นมา นะลูกนะ และแน่นอนว่าเมื่อพญามารเป็นผู้สร้างกฏหมายขึ้นมาเพื่อกดขี่ผู้คนให้ยอมก้มจำนนต่อตน เขาก็ต้องมารักษาที่เขาสร้างขึ้น และบังคับใช้ให้ได้ ยิ่งกว่านั้นคือการหลอกลวงว่า มันคือสิ่งสูงสุด ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย นะลูกนะ มันเป็นแค่การครอบงำ ก็เท่านั้น



ความจริงอีกข้อคือ "กฏหมาย" ถูกใช้น้อยมากและทีหลังบรรทัดฐานอื่นๆ


เอาละ ต่อไปนี้เป็นสัจธรรมความจริงอีกข้อที่ลูกควรรู้และตื่นได้แล้ว เพราะในความเป็นจริง กฏหมายถูกใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับบรรทัดฐ่านอื่นๆ ขอยกตัวอย่างเช่น ใน 100 กรณีที่มีการทำผิดหรือขัดแย้งกัน มักจบลงด้วยการเจรจาถึงกว่า 50% จบลงด้วยการใช้จารีตประเพณีกว่า 25% และจบลงด้วยการยอมความเพราะตำรวจช่วยแก้ไขความขัดแย้งนั้นอีก 20% ดังนั้น ในความผิดและความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นบนโลกเข้าสู่ชั้นศาลจริงๆ ไม่น่าจะถึง 5% นะลูกนะ ดังนั้น กฏหมายจึงมีผลจริง ในทางปฏิบัติน้อยมาก มากกว่า ศีลธรรม, จารีตประเพณี, การเจรจายอมความ ฯลฯ อีกดังนั้น ถ้าลูกถูก "กักดักของกฏหมาย" ดึงดูดให้หลงวนอยู่กับมันอยู่ ละก็"ยกระดับตัวเอง" ขึ้นมาเสีย ก่อนที่ลูกจะตกต่ำลงไปสู่สวรรค์ชั้นมาร ทั้งที่ลูกสามารถไต่ระดับไปเหนือกว่านั้น ได้มากมายอย่างน้อยก็ พรหมโลก นะ



"กฏหมาย" สำคัญในประเทศที่ "ไร้รากเหง้าของตนเอง" เช่น USA


เอาละทีนี้ ทำไมกฏหมายมันถึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญกันนักหนา มันมาจาก USA นะลูกนะ ประเทศนี้ "ทำลายรากเหง้าของผืนแผ่นดินตัวเอง" ด้วยการทำลายจารีตประเพณีดั้งเดิมของชาวอินเดียนแดง และพวกเขาก็บุกยึดเข้าไปสร้างชาติร่วมกัน จากหลายเชื้อชาติ พวกเขาไม่อาจจะมีรากเหง้าหรือจารีตประเพณีร่วมกันได้ (เพราะมาจากหลายแหล่งจึงเกิดความแตกต่างทางจารีต และไม่มีเวลาพอ ที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกันได้) พวกเขาจึงต้องใช้ "กฏหมาย" อ้างอิงร่วมกัน เพื่อจะได้จบปัญหาความขัดแย้งลงได้ เพราะมันไม่มีรากเหง้าไงลูก เพราะมันไม่มีจารีจประเพณีใดที่จะใช้แล้วเป็นที่ยอมรับร่วมกันของคนทุกเชื้อชาติได้ไงลูก ทว่า นั่นมันเป็นเพราะความจำเป็นของประเทศเขา มันเลยเกิด "กระแส" ที่ทำให้บางประเทศไปเอาอย่างบ้าง ไปเอากฏหมายเขามาใช้บ้าง เพราะคิดว่ามันดีนักหนา แท้แล้วเพราะมัน "อับจนหนทาง" แล้วต่างหากละลูก ด้วยมันไม่มีศีลธรรม, จารีตประเพณี ฯลฯ ให้ใช้ ไงละลูก มันถึงต้องทำเช่นนั้นเอาละ ประเทศไทยของลูกมีรากเหง้า "ไม่เคยขาด" นะลูกนะ อย่าไปหลงตามตูดพวกเขานั้น ลูกใช้ ปู่ทวด, ปู่ และบิดาของกฏหมายได้ อย่าลืมละ!



สุดท้ายแล้ว นะลูกนะ "กฏหมายมันมาจากใคร?" ใครเป็นบิดาสร้างมันขึ้นมา? ลูกเอ๋ย ก็คนไม่ใช่หรือที่สร้างมันขึ้นมา ถ้ามันกลายเป็นตัวปัญหาก่อเรื่อง เป็นฉนวนสร้างความขัดแย้งนัก ก็อย่าให้มันได้เกิดเลย ทำแท้งมันซะ มันจะมายิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ "ผู้สร้าง" มันขึ้นมาได้อย่างไร? เอาละ นี่ไม่ใช่การสอนให้คนแหกคอกหรือผิดกฏหมายนะ อย่าเข้าใจผิดไปอย่างนั้น แต่ให้เข้าใจว่าทำไม ทนายความบางคนที่เรียนกฏหมายมากๆ เขาถึงทำผิดหรือว่าความให้คนทำผิด แล้วพลิกคดีให้ชนะได้ โดยไม่สนว่าความจริง เป็นเช่นไร? ความยุติธรรมแท้จริง เป็นเช่นไร? เอาละ หวังว่าลูกคงเข้าใจ ไม่ใช่ให้ลูกไปทำผิดกฏหมาย หรือแหกคอก ทำลายมันนะ แต่ให้ลูก "รู้จักใช้มันอย่างที่มันควรรับใช้ลูก" ไม่ใช่ให้ลูกซึ่งเป็นคนเป็นมนุษย์ สร้างมันได้แท้ๆ ต้องมายอมจำนน เป็นทาสของมันตลอดไปเอาละ ในแง่การเมืองการปกครองยังมีอะไรที่เหนือกว่านั้นอีกมากมายแต่เอาแค่นี้ก่อน แค่ประเด็น "กฏหมาย" ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งนี้ก่อน


ขอพลังแห่งพระผู้สร้างจงนำทางให้ลูกพ้นความเป็นทาสของกฏหมาย สวัสดี ... 



27 ก.ค. 2555


"เสียงจากปู่ทวด"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment