ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

คุณอาจมีปรปักษ์แปลกหน้า ถ้าคุณรับพลังงานจากภายนอก (มองหน้าก็ตีหัวกันเลย)?

สวัสดีครับ วันนี้ ก็มีเรื่องเกร็ดความรู้เล็กๆ ที่เอามาให้อ่านกันเล่นๆ ครับ เป็นเรื่องของ คนที่ได้รับพลังงานจากจักรวาล แล้วส่งผล ให้มี "ปรปักษ์" ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เช่น อยู่ๆ ไม่รู้จักกัน ก็มาหาเรื่องกันได้ หรือ คนรอบข้างที่เป็นญาติมิตร อยู่ๆ ก็ทำตัวเป็น ปรปักษ์เราได้เฉยเลย ทั้งๆ ที่ดีกันอยู่แท้ๆ ? นี่ละครับ พลังงานตรงข้ามที่จูนเข้ามา ซึ่ง ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปในรายละเอียดนี้ครับ


ดุลยภาพของ "การรับใช้สิ่งศักดิสิทธิ์" และ "ความเป็นตัวของตัวเอง"


อย่างแรกผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ เมื่อเราได้รับพลังงานจักรวาล เราจะถูกพลังงานนั้นขับดันให้ทำหน้าที่ของจักรวาล เราจะอยู่ในฐานะ "ผู้รับใช้" หรือ "สาวก-ทาส-พระบุตร" ก็ได้ครับ แล้วแต่จะเรียกกันไป เมื่อนั้น พลังงานจะขับดันให้เราทำอะไรต่อมิอะไร ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการ ดำรงคงสังขารปัจจุบันนี้เลย มันเป็นกิจของจักรวาลครับ ทีนี้ มันก็ต้องมี สมดุลหน่อย คือ เราจะต้องมีความเป็นตัวของตัวเองบ้าง 1, และมีความ เป็นผู้รับใช้สิ่งศักดิสิทธิ์ที่ดีบ้าง 1, ทั้งสองประการนี้ควรจะต้องสมดุลกัน ใช่มั้ยครับ ในคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองน้อยมาก ก็อาจถูกพลังงานนี้ ขับดันไปจนเหมือนเป็นใครก็ไม่รู้ ทำอะไรไปทำไม เพื่ออะไรก็ไม่รู้ ได้ครับ ส่วนคนที่เป็นตัวของตัวเองมาก ก็อาจจะประสานพลังจักรวาลได้น้อย จะ ใช้แต่กำลังของตนเอง สนองความดำรงอยู่ของสังขารปัจจุบันของตนไป มากครับ ดังนั้น ผมจึงแนะนำว่า "ควรสมดุลกัน" ก็จะไปได้ดีทั้งสองทาง


ใครบางคนอาจสูญเสีย "ความเป็นตัวของตัวเอง" และเป็นปรปักษ์ท่าน


ต่อไปที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ อาจมีใครบางคนที่ "ไม่ได้บ้า" นะ ครับ แต่เขาถูก "พลังจักรวาลชนิดตรงกันข้าม" กับพลังงานที่คุณได้รับ และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เป็นผู้เป็นคนหรือสูญเสียความเป็น มนุษย์ไปชั่วขณะ ก็ดี อาจเข้ามาทำร้าย กลายเป็นปรปักษ์ของคุณได้ครับ โดยที่ไม่มีมูลเหตุ ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย เขาไม่ได้บ้า จะว่าบุ่มบ่ามทำไป ห่ามๆ ก็ไม่ใช่ แต่เขาถูกพลังจักรวาล "แบบตรงข้ามกับของคุณ" กระทำ แล้วก็ ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เหมือนคนบ้าขาดสติ แต่ไม่ได้บ้าจริงครับ เขาอาจ จะเข้ามาปองร้าย หรือทำร้ายคุณได้ ถ้าเขาได้รับพลังงานที่ตรงข้ามกับที่ คุณได้รับครับ ดังนั้น เราจะต้องแยกแยะให้ออกว่า "เขาเป็นแค่ร่างที่ถูกใช้ มาทำหน้าที่เท่านั้น" เอาเข้าจริง เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองทำไป มันถูกมัน ผิดหรือไม่ ด้วยซ้ำครับ เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ ได้รับยาเสพติด, กำลังเมาอยู่ มักจะมีกำลังจิตต่ำและกลายเป็นเหยื่อที่ถูก พลังงานเหล่านี้ "ครอบงำและช่วงใช้" นะครับ ดังนั้น เราควรเข้าใจ สิ่งนี้ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเราได้รับพลังจักรวาลด้วย ว่าเราไม่ได้รบกับสังขารที่ ถูกครอบงำอยู่นี้ แต่เรากำลังมีปรปักษ์เป็นพลังงานที่มองไม่เห็นอยู่นะครับ


ปิดสวิตท์รับพลังจักรวาล เมื่อคุณไม่จำเป็นต้องใช้ จะเป็นทางออกที่ดีได้


ต่อไปที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ การปิดสวิตท์รับพลังจักรวาล ใน เวลาที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ เพื่ออะไร? เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกจูนด้วยพลัง ที่ตรงกันข้าม เข้ามาในเวลาที่ไม่จำเป็นครับ เพราะเมื่อเราใช้พลังแบบนี้ พลังสายตรงข้าม ก็จะจูนร่างสังขารที่กำลังจิตต่ำๆ ไม่เป็นตัวของตัวเอง มาเล่นงานเราได้ครับ มันเป็นผลมาจากพลังงานตรงข้าม (หยิน-หยาง) ที่คอยมาควบคุมดุลยภาพกับเรา ซึ่งร่างสังขารที่งี่เง่าเหล่านั้น จะถูกใช้ ให้ก่อกรรม และไม่ได้อะไรเลย เพราะความงี่เง่า, ขาดสติ, ไม่อาจควบ คุมตัวเองได้ นั่นเอง เขาก็เหมือนคนที่ถูกหลอกใช้ครับ อันนั้นก็พวกหนึ่ง อีกพวกคือ กระทำด้วยเจตนาเต็มกำลัง ไม่ได้ถูกครอบงำ หรือถูกอะไรที่ จูนเข้ามาแบบนี้ อันนี้ เราคงต้องแยกแยะด้วยนะครับเพื่อจะได้จัดการกับ ปัญหาและสถานการณ์ที่ยุ่งยากนี้ ได้อย่างเหมาะสมครับ และวิธีปิดสวิต นี้ เป็นวิธีที่ดีมากครับ เมื่อเราไม่ได้ใช้พลัง เราเหมือนคนปกติ เหมือนไม่มี พลังพิเศษอะไรเลย สำหรับท่านที่ไม่คุ้นชินอาจทำไม่ได้ในช่วงแรกก็ลอง ต่อไปครับ แล้วท่านจะพบว่ามันจบปัญหาได้โดยไม่ต้องมีเรื่องกับใครเลย


ญาติสนิทมิตรสหาย อยู่ดีๆ กลับกลายเป็นปรปักษ์ของท่านได้เพราะเหตุนี้


ต่อไปที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ พลังงานจักรวาล "สายตรงข้าม" อาจจูนและครอบงำ "ญาติสนิทมิตรสหายของท่าน" รอบตัวท่าน ที่เคย ดีต่อท่าน ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็น "ปรปักษ์" ตั้งตัวเป็นเหมือนศัตรูของท่าน ได้ (เป็นบางครั้ง) เพราะเหตุนี้ คือ พลังงานจักรวาลสายตรงข้าม ได้ทำ การครอบงำหรือจูนเขา เช่น เวลาที่เขาไม่เห็นด้วยกับคุณ แค่ไม่เห็นด้วย เท่านั้น ไม่ได้เกลียดหรืออยู่คนละข้างกับคุณเลย ทว่า พลังงานจักรวาลที่ มีจำนวนมากมาย อาจใช้ร่างเขาทำหน้าที่ต่อต้านคุณอย่างรุนแรงราวกับ เป็นปรปักษ์, เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไปได้ ทั้งๆ ที่หาเหตุผลไม่ได้เลยว่าคุณ ไปทำร้ายอะไรเขาหรือไม่? ไม่มีเลย ไม่มีเหตุผล นี่ละ พลังงานจักรวาลที่ เป็นกลุ่มสายตรงข้ามกับคุณ พยายามเอาใครก็ได้ทั้งนั้นที่พร้อมจะทำกิจ "ตรงกันข้าม" กับคุณ แค่เถียง แค่คิดต่าง ก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตที่ พร้อมจะสร้างความร้าวฉานให้สัมพันธภาพที่ดีของคุณได้เลย ทั้งๆ ที่คุณ และญาติสนิทมิตรสหายเหล่านี้ ก็รักคุณดีแท้ๆ แต่ทำไมกลายเป็นเช่นนั้น


แรงขับดันจาก "พลังงานภายใน" และ "พลังงานภายนอก" ที่ต่างกัน?


ต่อไปที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ คนเราอาจได้รับการขับดันจากสิ่ง ต่างๆ หลากหลาย ได้รับแรงขับดันจากพลังงานที่มาจากสองแหล่ง ซึ่ง แตกต่างกันได้ เช่น พลังงานภายใน อาจเป็น + กับเรามาก แต่พลังงาน ภายนอกอาจเป็น - กับเราได้ เราจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องพลังงานภายใน และพลังงานภายนอกนี้ให้ดีครับ เพราะบางครั้ง คนบางคนลึกๆ แล้วเขา อาจจะดีกับเรามาก หวังดีกับเรามาก แต่ทำไม เวลาที่แสดงออก ดูเปลือก นอกแล้วเหมือนเป็นศัตรูกับเรามาก เหมือนเป็นลบกับเราได้ ในขณะเดียว กัน คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูของเรา คิดร้าย ปองร้าย เล่นงานเรา อาจจะกลาย เป็นคนที่ทำให้เราเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ด้วย เพราะพลังงาน "ปฏิภาค" หรือ พลังงานจักรวาลที่ตรงกันข้าม ครอบงำ ขับดับ ปกคลุมเขาอยู่ ดังนั้น เรา ก็อย่าเพิ่งไปรักหรือเกลียดใครมากเกินไป ไม่มีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร แต่ ให้มองดูให้ดีๆ ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้น อะไรส่งผลต่อเราอย่างไร เราก็จะได้ โอกาสดีๆ มากมาย จากคนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนให้โอกาสเรา ก็ได้ครับ เรียกว่า บางครั้ง "ศัตรูอาจหนุนดวงเรา แต่บางครั้ง มิตรอาจตัดดวงเรา"


ผลจากการจูนพลังงานเช่นนี้ อาจทำให้คนธรรมดากลายเป็นคนพิเศษได้


ต่อไปที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ เมื่อท่านได้รับพลังพิเศษนี้แล้ว จะ มีพลังงานจักรวาลสายตรงข้าม จูนเข้ากับคนรอบตัวท่านได้ ทีนี้ คนรอบ ตัวท่าน ที่เคยเป็นคนธรรมดาไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ก็อาจกลายเป็นคนที่ได้มี ฤทธิ์เดชพิเศษขึ้นมาได้ ดังนั้น คุณไม่ควรไปก่อกรรมทั้งดีและชั่วอะไรกับ คนที่ไม่ควรได้รับพลังพิเศษเหล่านี้ เช่น บางคนไม่ได้เรื่องอะไรเลย แต่พอ อาศัย "กรรมเกี่ยวเนื่องเป็นปรปักษ์กับคุณ" เขาก็จะได้รับพลังพิเศษมาก เกินกว่าที่สังขารของเขา กำลังอินทรีย์ของเขา หรือความพร้อมของเขาที่ จะได้รับ ช่วงหนึ่งเขาอาจจะดูเก่งมากๆ เพราะไต่เต้ามาด้วยการเกาะ ด้วย การตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับคุณ แต่พอเขาไปต่อไม่ไหว เขาก็จะสิ้นสภาพ ไม่ อาจมีฤทธิ์เดชได้เช่นนั้น ทั้งยังได้รับกรรมมากมาย จนอาจจะเกินตัวรับได้ เรียกว่า "ไม่รู้จักเจียมตัว" อาศัยพลังงานครอบงำตัวเองให้มีพลังพิเศษที่ ได้รับชั่วขณะเท่านั้น ต่อไป ก็มีแต่ผลร้าย ผลเสีย ทั้งนั้น นี่แหละ การที่ถูก จูนด้วยการ "ตั้งตัวเป็นปรปักษ์" ก็จะได้รับพลังงานตรงกันข้ามไปเช่นกัน ทว่า ผลร้ายจะเกิดขึ้นมากกว่าผลดี ได้ไม่คุ้มเสีย ถูกหลอกใช้เท่านั้นเอง!


คุณก็สามารถ "เลื่อนระดับ" ด้วยการ "ตั้งตัวเป็นปรปักษ์" กับสิ่งใดได้


สุดท้ายที่ผมอยากเรียนให้ท่านทราบคือ คุณเองก็สามารถเลื่อนระดับให้ สูงขึ้นได้ด้วยการ "ตั้งตัวเป็นปรปักษ์" หรือทำสิ่งตรงข้ามกับคนที่สูงส่ง เพื่อรับพลังงานสายตรงข้ามกับเขาให้ได้ ซึ่งพลังงานที่ตรงข้ามกับเขา ก็อาจมีทั้งพลังงานที่ดีและไม่ดี เช่น พลังงานที่ตรงข้ามกับโพธิสัตว์องค์ หนึ่ง ก็อาจเป็นโพธิสัตว์อีกองค์ที่หยิน-หยางกัน หรืออาจเป็น "มาร" ก็ ได้ ดังนั้น "นักไต่ระดับที่ดี" ก็ควรเกาะเกี่ยวพลังงานสายดี ไม่ใช่ลงต่ำ ไปสู่พลังงานที่ไม่ดี เพราะผลจากการตั้งตัวเป็นปรปักษ์นี้ ด้วยเหตุนี้ ใน การเลื่อนระดับด้วยการตั้งตัวเป็น "ปรปักษ์" ก็ต้องทำอย่างมีความเข้า ใจอย่างแท้จริง เช่น ถ้าคุณตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับ "อิลูมินาติ" คุณอาจมี ความเป็น "มาร" ไปก็ได้ หรืออาจจะเป็น "เทพภาคสว่าง" ก็ได้เช่นกัน


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล ช่วยนำทางพลังของท่าน สวัสดี


16 ก.ย. 2555

"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment