ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

เรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระศรีอาร์ฯ "สององค์อัลฟ่า-โอเมก้า" ต่างกันอย่างไร?

สวัสดีครับ วันนี้ ผมมีเรื่องคุยเล่น ที่เพื่อนๆ หลายคนอาจอยากทราบ เพราะมันเป็นเรื่องที่สับสนวุ่นวาย และบางทีก็ลึกลับพิสดารครับของ พระศรีอาร์ฯ ที่มีตัวตนมากมายจน กระทั่ง ตัวตน 2 ตัวตน จะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าคนละยุคกัน แต่ก็ มาจาก "จิตต้นธาตุ" เดียวกันละ เรื่องนี้ ใหม่มากเลยครับ เพราะจริงๆ แล้วองค์อวตารองค์ที่สองต้องรอให้ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายก่อน คือ มี การลงมาเกิดเพื่อรับคำทำนายก่อนก็ จะนั่งแท่นและมีเทพเทวดาทำงานร่วม ได้เต็มที่อย่างเป็นทางการครับ ดังนั้น ตอนนี้ จึงมีการบำเพ็ญบารมีอย่างไม่ เป็นทางการไปก่อน ดังจะเล่าต่อไปนี้


เรื่องราวของ "พระศรีอาร์ฯ โอเมก้า" ที่จะตรัสรู้เป็นองค์สุดท้ายในกัปนี้


อย่างแรก ผมอยากเล่าเรื่องพระศรีอาร์ฯ องค์สุดท้ายของกัปนี้ก่อน เพื่อ ให้ท่านเข้าใจเป็นพื้นฐาน ก่อนที่จะทำความรู้จักกับองค์อวตารที่บำเพ็ญ บารมีเพื่อไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกองค์เช่นกัน ผมก็ขอสรุปง่ายๆ เลย นะครับว่า "โอเมก้า" นี้ ท่านจะมีลักษณะเหมือนคนโง่ หรือปัญญาอ่อนก็ ว่าได้ แต่ท่านไม่ได้โง่จริงๆ นะครับ ท่านแสร้งโง่? เพื่อจะได้ไม่ต้องทำเวร ทำกรรมอะไร ไม่ต่างจาก "พระเตมีย์ใบ้" ที่แสร้งเป็นใบ้นะครับ ทว่า เพื่อ ให้มันสมจริง ก็เลยเอา "วิบากกรรม" มาทำให้ท่านเป็นเสียจริงๆ ไปเลย แต่ว่าท่านหายได้ครับ องค์นี้จะไม่ทำอะไรเลย บุญไม่ทำ (เพราะมีมากพอ ดีแล้ว) กรรมก็ไม่สร้างเลยครับ นั่งรอแต่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งไม่ผิดแปลกอะไร พระนิตยโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากๆ ก็เป็นเช่นนี้ ท่านจะ มี "ผู้ช่วย" คือ "พระนิตยโพธิสัตว์องค์ต่อไป มาทำแทนทั้งหมด เพื่อให้มี บารมีไปข้างหน้า (องค์ต่อไป) และเพื่อไม่ให้องค์ที่จะตรัสรู้ฯ ต้องมีกรรม ครับ ดังนั้น ท่านจึงกลายเป็น คนที่ไม่เอาไหน, ห่วยแตก, ไม่รับผิดชอบ, ไม่ทำอะไรเลย ในสายตาของชาวโลกครับ ไม่มีเปลือกนอกใดๆ ที่บ่งบอก ว่าท่านคือผู้มีบุญบารมีเลย รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้จะเหมือนคนมีบุญบารมี นะครับ ยกเว้นอย่างเดียว ท่านจะเกิดมามีพ่อที่มีเงินและอำนาจครับ นี่ละ ที่บ่งบอกว่าท่านคือ คนมีบุญบารมีมาเกิดโดยแท้ ผมจะยกตัวอย่างอดีตฯ ที่ท่านบำเพ็ญมาครับ เช่น พระเจ้าเล่าเสี้ยน (ลูกเล่าปี่), โชกุนอิเอซาดะ (ยุคก่อนปฏิวัติเมจิฯ 1 สมัย), ปูยี ฮ่องเต้องค์สุดท้าย ทว่า เกิดมีปัญหา นิดหน่อยครับ คือ องค์อวตารที่ต้องมาช่วยงานท่านกลับไม่ยอมช่วยเลย มีปัญหาครับ ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังรวมๆ กันในแต่ละชาติ เลยก็แล้วกันครับ


เรื่องราวของ "พระศรีอาร์ฯ อัลฟ่า" ที่จะตรัสรู้เป็นองค์ปฐมในภัทรกัปหน้า


ต่อไป ผมอยากเล่าเรื่องพระศรีอาร์ฯ องค์ปฐมของภัทรกัปหน้า ซึ่งท่านได้ แบ่งภาคออกมาจากองค์ต้นธาตุ แล้วอวตารเป็น "มหาโพธิสัตว์" ในหลาก หลายรูปแบบ เช่น แบบมัญชุศรีอวตาร ในชาติที่เป็นพระเยซู, แบบอวโลกิ เตศวรอวตาร ในชาติที่เป็นบูเช็คเทียน, แบบกษิติครรภ์อวตาร ในชาติที่มา เป็นพระถังซัมจั๋ง และแบบอื่นๆ อีกมากมาย ทีนี้ เดิมทีท่านไม่ได้ปรารถนา จะตรัสรู้โดยตรง ทว่า ต่อมามันมีปัญหานิดหน่อยแล้วกลับกลายไปว่าท่าน ได้บารมีมากพอที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้อีกองค์แต่ด้วยเพราะบำเพ็ญ หลังจากพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จึงยังไม่ได้รับคำทำนายใหม่อีกครั้ง อย่างเป็นทางการ ทว่า อาศัยหลักที่ว่าท่านแบ่งภาคมาจากพระศรีอาร์ฯ ก็ ย่อมได้รับผลจากคำทำนาย จากจิตต้นธาตุเดิมมาด้วย ต่อไปก็คือ การจัด เรียงผูกบุญกรรมให้พระนิตยโพธิสัตว์เหล่านี้ บำเพ็ญบารมีเป็นลำดับให้มี ความเกี่ยวเนื่องกันไป "ด้วยบุญกรรม" ดังนั้น เมื่อองค์หนึ่งมาเกิดเป็นพระ เจ้าเล่าเสี้ยน อีกองค์ก็ลงมาเกิดเป็น "ขงเบ้ง", องค์หนึ่งมาเกิดเป็นโชกุน อิเอซาดะ อีกองค์ก็ลงมาเกิดเป็น "เรียวมะ" ฯลฯ ทว่า องค์อวตารยังไม่ได้ ทำหน้าที่เป็น "ผู้ช่วย" ที่ดีให้องค์ต้นธาตุต้นธรรม เลยสักชาติครับ ปัญหา จึงเกิดขึ้น คือ ไม่ทราบว่าจะเชื่อมต่อ "สายธรรม สายพุทธะ" กันอย่างไร?


เมื่อคนที่ "กระทำโดยไม่กระทำ" ต้องมาพบกับ "ช่วยโดยไม่ต้องช่วย"


ต่อไป ผมอยากเล่าเรื่องวิธีการทำหน้าที่ของพระศรีอาร์ฯ ทั้งสององค์นี้ ว่าท่านมีวิธีการทำงานอย่างไร? อย่างแรก พระศรีอาร์ฯ - องค์โอเมก้า จะใช้หลัก "กระทำโดยไม่กระทำ" ท่านจะอยู่แบบไม่ทำอะไรเลย เป็น "ลูกเทวดา" เกิดมามีบุญ เสวย ก็เสวยไป ปล่อนทุกอย่างไปตามกรรม ตามธรรมะ ธรรมชาติ บุญไม่ทำ กรรมไม่สร้างแล้วครับ เพราะท่านทำ ไว้เต็มหมดแล้ว ลงมาเสวยผลกรรม (ฝ่ายดีบ้าง-เลวบ้าง) อย่างเดียว ก็พอ เช่น บางชาติอาจเกิดมาเป็นลูกคนรวย มีอำนาจ แต่ว่าต้องมีโรค ประจำตัว เป็นเอ๋อ (สมมุตินะครับ) แล้วรอให้องค์อวตารภาคแบ่งของ ตน มาทำแทนตน มาเปื้อนมือแทนตัวเองครับ เหมือนเล่าเสี้ยนที่ไม่ทำ อะไรเลย รอให้ขงเบ้งทำแทนทุกอย่าง อะไรแบบนั้นแหละครับ ทีนี้ อีก ท่าน (องค์อัลฟ่า) ก็เลยสนองให้ ด้วยการ "ช่วยโดยไม่ต้องช่วย" ก็ คือ ปล่อยให้ทุกอย่างที่ย่ำแย่ มันล่มสลายลงไปเองเหมือนกับภัทรกัป ที่มันจะปิดแล้ว จะจบแล้ว จะหมดสิ้นแล้ว มันก็จะต้องจบครับ มันจะไป สู่ความล่มสลายสิ้นหมด ตามธรรมชาติของมัน เพราะท่านจะลงมาใน ช่วงสิ้นกัปไงครับ เลยต้องปล่อยให้มันสิ้นไป ไปช่วยพยุงมันมาก มันก็ จะไม่ยอมสิ้นไป กัปนั้นก็ปิดไม่ลงครับ ปิดไม่ได้สักที ด้วยเหตุนี้ อีกองค์ ที่เป็นผู้ช่วยเลย "ช่วยโดยไม่ต้องช่วย" ปล่อยให้มันล่มสลายไปเอง ก็ จะได้องค์ศรีอาร์ฯ องค์สุดท้ายเกิดขึ้นได้ครับเช่น จักรพรรดิองค์สุดท้าย จะเกิดเป็นองค์สุดท้ายได้ก็ต้องใช้วิธีนี้ครับ ช่วยมากไปจะไม่ได้เป็นองค์ สุดท้ายครับ เช่นนี้ จึงเป็นเหตุให้ "ขงเบ้ง" ทั้งๆ ที่รู้หมดทุกอย่างว่า ถ้า ตนไม่ดูแลเล่าเสี้ยน คนไม่ดีรอบข้างก็จะนำพากันล่มจม แต่ขงเบ้งก็ยอม ปล่อยให้มันเกิดไปครับ โดยไม่ยอมเข้าเมือง อยู่แต่แนวหน้า สนามรบ ก็ ไม่มีใครไปต่อว่าได้นะครับ เพราะเขายอมสละตัวเองอยู่กลางสมรภูมิรบ จนตัวตายนี่ครับ แต่นี่แหละ คือ "การสั่งสอน" ครับ สั่งสอนว่าฉันไม่ต้อง การรับใช้เธอ ปล่อยเธอไป เธอก็จะล่มจมเอง ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกไว้ ว่าเธอห่วยแตกไม่เอาไหน เลยทำให้ประเทศชาติล่มจม ไม่ใช่เพราะฉัน ฉันไม่เคยยึดอำนาจเธอ ไม่เคยคิดแย่งบัลลังก์ของเธอ เธอทำมันล่มเอง


เมื่อพระศรีอาร์ฯ องค์โอเมก้า เกิดบำเพ็ญบารมีผิดพลาดบางประการ?


ต่อไป ผมอยากเล่าเรื่องของพระศรีอาร์ฯ องค์โอเมก้า ที่บำเพ็ญบารมี แต่ผิดพลาดบางประการ ไล่เรียงชาติ เลยนะครับ ชาติที่เป็นเล่าเสี้ยน เมื่อประเทศล่มจมแล้ว "ท่านต้องมีจิตอิสระไม่ยอมจำนนเป็นขี้ข้าใคร" ทว่า ด้วยการที่ท่านมีเปลือกนอกยอมเป็นลูกน้องเขา ก็ยากที่จะไม่เป็น ลูกน้องเขาได้ครับ จึงไม่ตรงพุทธภูมิสักเท่าไร ต่อมา ชาติที่เป็นโชกุน อิเอซาดะ ก็ต้องเป็น "โชกุนองค์สุดท้าย" ท่านจึงจะบำเพ็ญสำเร็จ แต่ ท่านกลับสืบทอดต่อให้โชกุนอิเอโมจิเป็นองค์สุดท้ายแทน อันนี้ ก็ไม่ได้ ครับ เลยต้องมี "ภาคสาม" มาเกิดเป็น "จักรพรรดิองค์สุดท้ายคือ ปูยี" ครับ ทว่า ท่านยอมสละบัลลังก์แล้วกลับไปร่วมมือกับพวกญี่ปุ่นจนยอม เป็น "หุ่นเชิดของญี่ปุ่น" เพื่อก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา (ได้ไม่นานและ ประวัติศาสตร์จีนก็ไม่ยอมรับราชวงศ์นี้ เพราะมีญี่ปุ่นบงการครับ) นี่ละ ก็เลยต้องมี "ภาคสี่" ที่ประเทศไทยครับ บำเพ็ญเป็นองค์สุดท้ายให้ได้ อ่า ไม่เล่าแล้ว มันเสียว! ใกล้ตัวเกินไป ความลับสวรรค์ ไม่ควรเปิดเผย


เมื่อพระศรีอาร์ฯ องค์อัลฟ่า เกิดมาช่วยองค์โอเมก้าให้เป็นองค์สุดท้าย?


ต่อไป ผมอยากเล่าเรื่องของพระศรีอาร์ฯ องค์อัลฟ่า ซึ่งเกิดมาเป็นผู้ช่วย ให้องค์โอเมก้าบำเพ็ญเป็นองค์สุดท้ายให้ได้สำเร็จ ท่านจึงต้อง ช่วยโดย ไม่ต้องช่วย ไม่ยากครับ รู้อยู่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ปล่อยมันไปตามกรรม ก็ ปล่อยไปตามธรรมะ ธรรมชาติครับ "ช่วยโดยไม่ต้องช่วย" ก็จะสำเร็จได้ ไงครับ ส่วนองค์อัลฟ่า (ผู้ช่วย) ก็เอาเวลาไปบำเพ็ญบารมีของตัวเองครับ จะปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปทำไมละ ในเมื่อท่านต้องสร้างบารมี, สร้างยุค สมัยของตนเองด้วยไงละครับ เมื่อบารมีมันมากขึ้น ล้นจนกระทบถึงกัน มัน ก็จะเกิดผลกระทบจนทำให้ท่านได้สำเร็จเป็น "องค์สุดท้าย" เอง นั่นแหละ ดังนั้น องค์อัลฟ่านี่จึงต้องบำเพ็ญบารมีมากครับ ต้องทำอะไรมากมายกว่า องค์โอเมก้าที่มีบารมีเต็มพร้อมแล้ว ดังนั้น บทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน จึงตกทอดมาสู่ "องค์อัลฟ่า" ซึ่งเป็นองค์อวตารครับ ว่าจะกำกับให้ละครนี้ ดำเนินไปอย่างไร? อย่างน้อยก็ต้องให้ท่านได้เป็นองค์สุดท้ายครับ จึงจะมี ความสำเร็จในการบำเพ็ญบารมี ทว่า ถ้าองค์โอเมก้า (องค์ต้นธาตุ) ไม่คิด ที่จะเป็นองค์สุดท้ายแล้ว ก็จะทำการ "สลับตัวกัน" ครับ เหมือนครั้งที่เคย ได้อธิษฐานจิต สลับดอกบัวกับพระพุทธเจ้าสมณโคดมนั้น เพราะอะไร? ก็ เพราะท่านทำกรรมไว้ในชาติที่เป็นจักรพรรดิปูยี (องค์สุดท้าย) ด้วยการที่ ก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นมา ทำให้กลายเป็น "องค์ปฐม" ของกัปหน้าได้ไงละ ครับ นั่นคือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งสององค์จะต้องทำการ "สลับตำแหน่งกัน อีกครับ" คือ ให้องค์ปฐม มาเป็นองค์สุดท้ายเพื่อปิดกัป และให้องค์สุดท้าย ไปเป็นองค์ปฐมฯ ของภัทรกัปหน้าแทน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ลงตัวในข้อนี้นะครับ


ยุคสมัยของพระศรีอาร์ฯ ทั้งสององค์ สองยุค แตกต่างกันอย่างไร?


สุดท้ายคือ เมื่อมีพระศรีอาร์ฯ สององค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทั้งสององค์ จึงมียุคสมัยสองยุค คือ ยุคสิ้นกัปนี้ ดังที่ท่านได้อ่านมา จากตำรานั่นคือ "ส่วนดี" นะครับ แต่มันมีส่วนแย่อยู่ คือ สิ่งที่คนใน ยุคนั้นได้รับจะเป็นเหมือน "ของที่เหลือแล้ว จากสี่องค์แรก" สร้าง ร่วมกันมา เหมือน "สมบัติเก่าของบรรพบุรุษสี่ยุคก่อน" ที่ของบาง ก็ดูไม่ตรงใจ ไม่เป็นที่นิยม ล้าหลัง หรือสู้ของใหม่ๆ ไม่ได้ และท่าน จะต้องพอใจในของๆ ท่านนั้น ไม่อาจไปเอื้อมคว้าเอาของใหม่ของ ผู้อื่นได้ ทว่า ยุคขององค์ปฐมฯ ของกัปหน้านั้น เขาจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายเลยครับ เอาง่ายๆ เทียบกับยุคนี้ ดูปัจจุบันนี้นะครับ "ยุคโอเมก้า" ก็เหมือนสมบัติของคนเก่าแก่ แต่ไม่จน มีครบ แต่ไม่ ใหม่ครับ แต่ "ยุคอัลฟ่า" ก็เหมือนของที่มาจากสมัยใหม่ เครื่องมือ สมัยใหม่ อิเล็คโทรนิก, เครื่องยนต์ อะไรต่อมิอะไร นั่นแหละ เป็นสิ่ง ที่เขาจะสร้างบารมีกันให้เกิดใน "ภัทรกัปหน้า" ไม่ใช่บุญของคนใน ภัทรกัปนี้ ที่เราได้ เรามีกันนี่ มันมาจากอำนาจของซาตาน นำพลังที่ อยู่ใน "โลกอนาคต" มาให้เรา "ยืมใช้" และ "ติดหนี้" กันอยู่ครับ !


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระธรรมกายนั้น จงช่วยเปิดดวงตาธรรม สวัสดี


13 ก.ย. 2555

"เสียงจากอวตาร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment