ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

สัตว์เลี้ยงของท่านเป็นสื่อนำวิญญาณ "ได้ทั้งดีและร้าย" ดังนั้นควรทำอย่างไร?

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องเล่าเป็นเกร็ด ความรู้เล็กๆ สำหรับท่านที่ชอบสัตว์ เลี้ยงนะครับ เชื่อมั้ยครับว่ามันสามารถ เป็นสื่อนำวิญญาณ ได้ทั้งฝ่ายดีและร้าย นะครับ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมันเป็นหลักหรอก แต่ขึ้นอยู่กับเราเป็นสำคัญมากกว่าครับ เอาละ เราลองมาคุยรายละเอียดกันดีกว่า


ทุกสรรพสิ่งที่ทำให้ท่าน "เปิดใจรับ" ล้วนพร้อมทำหน้าที่สื่อนำวิญญาณ


อย่างแรกที่อยากให้ท่านทราบเป็นพื้นฐานก่อนคือ อะไรก็แล้วแต่ที่สามารถ ทำให้ท่าน "เปิดใจรับ" ได้ มันย่อมสามารถทำหน้าที่เป็น "สื่อนำวิญญาณ ต่างๆ" ได้ เช่น ทีวี ที่ท่านดูทุกวัน, ดอกไม้ข้างทาง, ก้อนหิน ที่เก็บมาจาก ชายหาด, ของที่ระลึกที่เก็บมาจากป่า, เครื่องรางของขลังทุกชนิด ที่ท่าน มีใจเปิดรับมัน, คนหรือสัตว์เลี้ยง ฯลฯ ทุกอย่าง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ก็ ล้วนทำหน้าที่เป็น "สื่อนำวิญญาณ" ได้ (Soul media) แต่ในที่นี้ ผมจะ ขอพูดเฉพาะเจาะจงลงไปในเรื่อง "สัตว์เลี้ยง" ก่อนก็แล้วกัน ว่าสิ่งนี้จะนำ เอาวิญญาณฝ่ายดีหรือร้าย เข้ามาสู่ "ชีวิตของคุณ" ได้อย่างไร ซึ่งหลัก การมันไม่ยากครับ เป็นหลักการสากลที่ใช้ "เปิดใจคุณ" ทำให้คุณเปิดใจ รับ อะไรก็ได้ที่ทำเช่นนั้นได้ มันก็ทำหน้าที่เป็น "ผู้เปิดหน้าต่างหัวใจ" ให้ คุณเปิดรับ "วิญญาณ" ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดี หรือร้าย ก็ได้ทั้งนั้นครับ ดังนั้น อย่าไปเก็บอะไรมั่วซั่วมาจากชายทะเล หรือป่าละครับ เพราะมันเป็นสื่อนำ วิญญาณที่เร่ร่อนอยู่แถวนั้น มาสู่ชีวิตคุณและนำพาวิบากกรรมของมัน มา ร่วมกับคุณได้ เอาละ ต่อไปเราจะพูดเฉพาะเรื่องของ "สัตว์เลี้ยง" ก็แล้วกัน


เทคนิกสำคัญของการทำคุณไสย์คือ ทำให้ท่าน "เปิดใจรับ" อย่างไร?


ต่อไปที่อยากให้ท่านทราบเป็นพื้นฐานก่อนคือ ความรู้พื้นฐานอย่างแรก ที่พ่อมด, หมอผี, นักไสยเวทย์, นักพลังจิต ฯลฯ ควรเข้าใจก่อน นั่นคือ เทคนิกการทำให้คนเปิดใจรับ เช่น การทำนายทายทัก จี้ชี้ลงไปเพื่อให้ เขาตกใจหรือยอมเปิดใจรับ เขาก็จะได้รับอะไรบางอย่างไป เช่น พลังที่ ทำให้เกิดเหตุตามคำทำนายจริงๆ ครับ หรือบางท่านก่อนจะถูกคุณไสย์ อาจมีอะไรหล่นมาบนหลังคาบ้าน แล้วตกใจไปทักเข้า ของก็เข้าตัวครับ ซึ่งบางครั้ง เขาไม่ได้ตั้งใจปล่อยมาใส่ใคร แต่อาจเป็นช่วงเวลาที่เขาจะ ต้องปล่อยออกมา (เรียกว่า ช่วงปล่อยของ) ไงครับ ของมันแรง เก็บกด ไว้ที่หนึ่งที่ใดตลอดไม่ได้ ก็ต้องมีการปล่อยออกมาเป็นช่วงๆ ครับ ทีนี้ ก็ จะเข้าตัวคนทั่วไปได้ เช่น คนเลี้ยงผีรักสวยรักงาม ปล่อยมันไปแล้ว มัน ก็อาจจะไปอยู่แถวๆ กอดอกไม้ที่ไม่มีเจ้าที่ เจ้าทาง หรือเทพคอยดูแลที่ดี พอ รอคนหลงๆ มา เปิดใจรับ เด็ดดอกไม้ไป ผีมันก็เข้าตัวได้ด้วยวิธีนี้ได้ ครับ คือ อาศัยใจคนเปิดรับ แล้วเอา "สื่อนำวิญญาณ" นั้นไป ก็จะไปกับ คนๆ นั้นได้ ทีนี้ การใช้เทคนิกแบบนี้ มีอยู่ทั่วไปครับ สารพัดวิธี แม้แต่คน ที่ใช้สื่อทีวี, วิทยุ ฯลฯ เหล่านี้ ก็สามารถใช้สื่อพวกนี้ เปิดใจให้คนรับเอา สิ่งที่ตนมีอยู่ ไปได้นะครับ ดังนั้น แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ไม่เว้นครับ ไม่ต่างกัน


จิตวิญญาณอาศัย "สัตว์เลี้ยง" เพื่อให้ท่านเปิดใจ ก่อนครอบงำท่าน?


ต่อไปที่อยากให้ท่านทราบคือ จิตวิญญาณเร่ร่อนบางชนิด อาศัยสัตว์ เลี้ยงที่ท่านรัก เมื่อท่านเปิดใจรับมัน ผีเร่ร่อนนั้นก็อาศัยมากับสัตว์เลี้ยง เกาะมาเป็นพาหะสื่อนำ แล้วครอบงำท่านอีกที เวลาที่ท่านเปิดใจรับไง ครับ ทว่า ไม่ใช่ว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวจะเลวร้ายไปหมดนะครับ บางตัวนั้น ก็เป็นสื่อนำ "เทพนักษัตร" ได้ครับ เราต้องลองสังเกตุมันดีๆ รู้จักเลือก ครับ คนโบราณเขาถึงขนาดมีตำรับตำราดู "ลักษณะสัตว์" ให้ดีก่อนที่ จะเอาเข้าบ้านเลยนะครับ ไม่ใช่อะไรก็เอามาเลี้ยง สุ่มสี่สุ่มห้า ไม่คิดให้ ดีก่อน โอ้ย บรรพบุรุษไทยโบราณทำมาดีมาก มีมรดกทางวัฒนธรรมที่ ไม่ล้าหลังใครนะครับ อย่าลืมซะละ ทว่า เดี๋ยวนี้เรามี "เงิน" เงินไงครับ ที่เป็นพระเจ้าเก๊ เราใช้เงิน แล้วอยากได้อะไร ก็ได้ทั้งนั้น อยากซื้ออะไร ก็ได้ทั้งนั้น เอาหมาตัวนั้น เอาแมวตัวนี้ เห็นสวยงามตามสมัยนิยม ก็เอา มา ไม่ทันได้พิจารณาอะไร นี่ละ ถึงถูกอะไรไม่รู้ ครอบงำทำให้ปัญญาก็ มืดบอด ต่ำลง มัวหมอง แยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่ได้ เห็นคนเลวเป็นคนดี เลือกเป็น ส.ส. ทีไร ห่วยทุกที ทำไมแค่คนดีคนเลวยังแยกไม่ออก นี่ละก็ เพราะมันมี "อะไรบางอย่างกระทำให้เป็นเช่นนั้นอยู่" และมันมาจากไหน ละ มาได้หลายสาเหตุ และหนึ่งในสาเหตุนั้นที่ผมอยากเตือนท่านก็คือมัน มากับ "สัตว์เลี้ยง" ของท่านนี่ละ ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาผมไปซื้อสัตว์มา จากคนที่ดีมีบารมี ผมจะได้สัตว์เลี้ยงและพลังงานที่ดีตามมาครับ ทว่า ถ้า ผมไปซื้อสัตว์เลี้ยง มาจากคนที่ไม่ดี ผมจะได้สัตว์เลี้ยงที่นำพาพลังงานที่ ไม่ดี ตามมาครับ นี่พอเข้าใจได้มั้ยครับ ว่ามันส่งผลไม่เหมือนกันอย่างไร?


"สัตว์เลี้ยง" ที่ไม่สวยงามเลย แต่ถ้ามีผู้มีบารมีให้มา ก็จงเลี้ยงไว้?


ต่อไปที่อยากให้ท่านทราบ คือ หลักการในการดูลักษณะสัตว์เลี้ยง ก็ อาจใช้ได้ดีบางกรณี แต่บางสถานการณ์ ก็ใช้ไม่ได้นะครับ สมมุติว่า มีคนดีมีบารมี เอาสัตว์เลี้ยงมาให้ท่าน แม้สัตว์นั้น ดูไม่ดี, ไม่สวยงาม อะไรเลย ก็เลี้ยงไว้เถอะครับ มันเป็นสิ่งที่ดีงามแน่นอน แต่ถ้ามันสวย งามน่าหลงไหลมากเลย แต่มันมาจากคนไม่ดี มาจากการซื้อได้ด้วย เงิน ฯลฯ อันนี้ต้องระวังให้มากครับ ว่ามันอาจจะเป็นสื่อนำสิ่งที่ไม่ดีก็ ได้ ตามมาสู่ชีวิตของคุณ เอาละ นอกจากนี้ สัตว์เลี้ยงแต่ละชนิด ก็มี ระดับของพลังงานไม่เท่ากัน สมมุติว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมีแต่พลังที่ดี นะ แต่ต่างชนิดกัน ระดับพลังงานของมันก็ไม่เท่ากันอีก เช่น พลังใน ช้าง มากกว่าม้า, ม้า ดีกว่า วัวควาย, วัวควาย ยังดีกว่า ไก่, ไก่ ยังดี กว่า หมา เป็นต้น เอาละ เวลาเราจะชอบ จะหลงรักสัตว์อะไรสักอย่าง หนึ่ง มันจะสะท้อนถึง "ระดับชั้นของบารมีเราด้วยครับ" เช่น ผู้มีบารมี สูง จะไม่นิยมสุนัข แต่จะชอบช้าง-ม้า มากกว่า, คนที่เป็นได้แค่ลูกน้อง ก็จะชอบสุนัข ครับ ดังนั้น ก็อย่าไปหลงอะไรที่จะพาคุณเสื่อมต่ำไปมาก เพราะมันลากพาไปได้ ก็ไม่ต่างจากสุภาษิต "คบคนพาล พาลไปหาผิด คนบัญฑิต บัญฑิตพาไปหาผล" หรอกนะครับ เลือกกันหน่อยว่าจะชอบ อะไร? รักอะไร ชอบอะไร มันส่งผลต่อความคิด จิตใจ และระดับชั้นของ พลังงานของเราได้เลยครับ คลุกคลีกับสิ่งที่เสื่อมต่ำมากๆ ก็พาเราไปที่ ต่ำครับ คบหาสิ่งมงคลมากๆ บ่อยๆ ก็พลอยพาชีวิตเราพัฒนา เจริญขึ้น


"สัตว์เลี้ยง" ที่สวยงามมาก ก็เลี้ยงมันอย่างที่มันเป็น อย่าเกินพอดี?


ต่อไปที่อยากให้ท่านทราบ คือ สัตว์เลี้ยงที่สวยงามมาก ก็ไม่ต่างจาก เมียที่สวยงามมาก ถ้าท่านหลงเมียที่รูปงามมากเกินไป จนเสียคน มัน ก็เป็นไปได้ครับ สัตว์เลี้ยงที่สวยงามนี้ ก็เหมือนกัน มันก็ไม่ต่างไปจาก เมียรักของคุณหรอก อย่าไปหลงที่รูปมันงามมากเกินไป แต่ควรทำตัว ให้เป็น "ผู้นำ-ผู้ปกครอง" ที่ดี ผู้นำครอบครัวที่ดีควรทำอย่างไรกับสิ่ง ที่ตนเองรักในครอบครัวละครับ? นั่นแหละ ก็ควรทำอย่างนั้น กับสัตว์ที่ คุณเลี้ยงเหมือนกัน ควรเลี้ยงหมาให้เป็นหมา อย่าเกินความพอดี จนมี "หมาเป็นเจ้านายเหนือหัวตัวเอง" ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำทุกอย่าง เพื่อเอาใจ มัน อาบน้ำให้มัน ให้อาหารมันแพงๆ (กว่าที่ซื้อให้คนกิน) นี่ละ มันจะ เพาะบ่มนิสัยให้คุณเสียนิสัยได้แล้วทำให้คุณสูญเสียความเป็นผู้นำไป คุณจะไม่ได้ "ขี่มังกร-ขี่พยัคฆ์" แต่คุณทำได้แค่ "ขี่หมา" เท่านั้น มัน จะไปได้ไกลเท่าไรกันเชียว? อย่างมากก็แค่ "ขี้ข้าชั้นดีที่เลีย, ประจบ เก่ง" ก็เท่านั้นเอง เอาละ ถ้าคุณอยากเป็นเหมือนหมาที่มีเจ้านายเลี้ยง ดี ก็ไม่ว่ากัน เอาเลย เลี้ยงมันดุจพระราชา, ดุจพระเจ้าต่อไป แต่ถ้าคุณ ไม่คิดแค่นั้น ไหนๆ เกิดมาเป็นคนแล้ว เหนือกว่าหมาแล้ว คุณก้าวหน้า ต่อไปได้ คุณก็จะไม่หลงมันเกินไป เลี้ยงหมาตามธรรมะ ธรรมชาติ ให้ "หมายังคงเป็นหมา" ไม่ใช่ไปเทิดทูนมันเป็นพระราชา ในบ้านของตน


"สัตว์เลี้ยง" ที่มีคุณจริงๆ เราก็เคารพกราบไหว้ดุจเทพได้ ไม่ผิดครับ?


ต่อไปที่อยากให้ท่านทราบ คือ ถ้าสัตว์เลี้ยงนั้นบำเพ็ญบารมี สร้างคุณ งามความดีจริงๆ เราก็เคารพกราบไหว้ได้ครับ ผมไม่ได้ต่อต้าน, อิจฉา โกรธแค้น, หรือรังเกียจอะไรมันเลย แต่เราต้อง "แยกแยะให้ชัดเจน" ครับ ไม่ใช่หลงมัวเมาไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปหมด คิดว่ามันเป็นแค่สัตว์ จะเอา อะไรกะมันนัก จะไปดุอะไรกับมันนัก ที่ไหนได้ มันเป็นสื่อนำวิญญาณ ร้ายเข้ามาครอบงำคุณได้ครับ อย่าประมาทไปเหมือนกับของทุกสิ่งที่ คุณไปเอามาจากไหนไม่รู้ เอามาเข้าไว้ในบ้าน นั่นแหละครับ สัตว์เลี้ยง ก็เหมือนกัน (ทุกอย่างมีวิญญาณ เป็นสื่อนำวิญญาณได้หมด ตามหลัก ปฏิจสมุปบาทเมื่อมี "นามรูป" จึงมีวิญญาณและสมมุติทุกอย่างในโลก ก็มี "นามรูป" ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ ก้อนหิน ก็มีวิญญาณครับ แต่ไม่ใช่มี แบบเป็นตัวเป็นตน (อัตตา) นะครับ) เอาละ ทีนี้ เราสามารถเคารพและ ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดี ก็ได้ ถ้าเขาเป็นสัตว์ที่มีคุณมากครับ เช่น เคยได้ สร้างคุณงามความดีไว้มาก เมื่อตายไปเราจะสร้างอนุสรณ์ไว้กราบไหว้ ก็ได้ครับ เพราะเขาก็คือ "เทพนักษัตร" องค์หนึ่งเหมือนกัน ทว่า ก็อย่า มั่วครับ สัตว์บางตัวเป็นเทพนักษัตร แต่สัตว์บางตัวก็เป็น "ปีศาจ" ครับ


"สัตว์เลี้ยง" สามารถประสานพลังกับคุณได้ ดุจมีร่างหนึ่งเดียวกัน?


สุดท้ายที่อยากให้ท่านทราบ คือ แม้ว่าสัตว์เลี้ยงไม่อาจจะประสานร่าง สังขารเป็นหนึ่งเดียวกับคุณได้ก็จริง ทว่า เขาสามารถประสานพลังใน ร่างของเขาร่วมกับคุณ หรือคุณจะประสานพลังเข้าร่วมกับเขา ราวกับ เป็น "ร่างเดียวกัน" ก็ได้ครับ เมื่อเขาทำหน้าที่เป็นสื่อนำวิญญาณแล้ว พลังวิญญาณนั้นจะเข้ามาประสานกับคุณ ก็ได้ และมักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ด้วยครับ และนั่นทำให้ "คนเลี้ยงสัตว์ ติดนิสัยสัตว์ ที่ตนเลี้ยง" ได้ครับ ในบางคนที่ขึ้นช้างไปรบ ก็ดี, ขี่ม้าไปรบ ก็ดี, ฯลฯ เขาจะประสานพลัง จิตใจร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับสัตว์ตัวนั้นที่เขาขี่ครับ และทำให้เกิดพลังซึ่ง ประสานร่วมกันมากขึ้นเป็นทวีคูณทีเดียว ทว่า ถ้าคุณไปร่วมพลังกับสิ่ง ที่ไม่ดี ผลออกมาก็ไม่ดีครับ เช่น ร่วมใจกับหมา คุณก็เหมือนหมา ได้นะ ครับ, ประสานใจกับช้าง ก็เหมือนช้างได้ครับ (ทำงานใหญ่, งานระดับ ชาติได้) เรื่องนี้ เกิดขึ้นจริงและบ่อยมาก จนคุณอาจไม่ทันสังเกตุว่ามัน มีสาเหตุและผลเป็นเช่นนี้ เอาละ เมื่อท่านทราบแล้ว จะจัดการอย่างไรก็ แล้วแต่ท่านแล้ว ผมไม่อยากพูดมาก เพราะคนที่ "กำลังหลง สัตว์ที่ตน รัก" มันเตือนอย่างไร ก็ไม่ได้ครับ ความหลงรัก ที่ไม่ใช่ความเมตตาอัน แท้จริง มีอยู่มากมาย เพียงแต่พวกเขามัก "อ้างความรัก" อ้างว่ารักมัน รักสัตว์ แล้วโยนบาปให้คนที่ตักเตือนว่าเป็นคนเลว ไร้เมตตาต่อสัตว์ แต่ กลับไม่ดูความจริง ไม่แยกแยะผิดชอบชั้วดี ก็มีครับ ผมคงเตือนได้เท่านี้


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระธรรมกายนั้น จงช่วยเปิดตาธรรมให้คุณ สวัสดี


12 ก.ย. 2555

"เสียงจากกูรูด้านพลังงาน"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment