ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

การฝาก "ตัวอ่อนต่างมิติ" ที่กำเนิดใหม่ ผ่านการโปรดของตัวตนกลุ่มอื่น?

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องเทคโนโลยีการถ่ายฝาก ตัวอ่อน ที่ได้รับมาจาก "ต่างดาว" และได้นำ มาใช้ในโลกแล้ว เป็นการถ่ายฝากตัวอ่อนใน ครรภ์ของหญิงคนอื่น เป็นต้นครับ ทีนี้ เราจะมา ศึกษา "ต้นรากเหง้าของวิทยาการ" นี้ดูว่าจะมี หลักการเบื้องต้นมาอย่างไร ซึ่งชาวต่างดาวได้ ใช้วิทยาการนี้ในการถ่ายฝากตัวอ่อนของตนใน ร่างมนุษย์โลกมานานแล้ว หลักจากนั้น มนุษย์ โลกจึงได้นำวิทยาการนี้มาปรับใช้บ้างครับ เอาละ เราลองมาดูที่มาของวิทยาการนี้กันครับ


การกำเนิดใหม่ "ผ่านการโปรดด้วยตัวตนกลุ่มอื่น" หมายความว่าอะไร?


อย่างแรกที่ท่านควรเข้าใจคือ เรามิได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่เราในที่นี้ จะ มี "กลุ่มตัวตนในเครือข่ายของเรา" อยู่หลายตัวตน ในมิติต่างๆ ซึ่งล้วน มีที่มาจากกลุ่มเดียวกัน และเชื่อมโยงถึงกัน ราวกับว่าเป็นคนๆ เดียวกัน ทีเดียว ทว่า อย่างไรก็ดีเราก็มี "ตัวตน" ของเราเองแยกกันราวกับว่าไม่ ได้เป็นตัวตน ตัวเดียวกันอย่างนั้นแหละ ผมจึงเรียกว่า "กลุ่มตัวตนเครือ ข่ายหลากมิติ" นั่นเอง ทีนี้ เมื่อมีตัวตน ตัวหนึ่งตัวใด มีธรรมมาก มีแสง สว่างมาก เขาก็จะมี "พลังแห่งการให้กำเนิดใหม่" ได้มาก เขาก็จะทำ หน้าที่ชำระล้างตัวตนอื่นๆ ที่มืดมนอยู่ แล้วให้กำเนิดตัวตนนั้นๆ ใหม่ได้ ตัวตนที่กำเนิดใหม่แล้ว จะอาศัยอยู่ใน "ร่างสังขาร" ของผู้โปรด เพื่อมี หน้าที่ช่วยเหลือร่างสังขารนั้นต่อไป ในฐานะ "ภูติ" ตนหนึ่ง ทว่า หาก มี "ตัวตนในกลุ่มเครือข่ายอื่นๆ" เข้ามาขออาศัยบารมีให้เราช่วยโปรด ละ? เราจะให้กำเนิดเขาใหม่ได้หรือไม่? คำตอบคือ ได้ แต่ก็ไม่อาจที่จะ ให้เขาอยู่ในร่างสังขารของเราในฐานะภูติได้ เขาจะกลายเป็น "ตัวอ่อน ต่างมิติ" ที่ต้องกลับไปสู่ "ร่างสังขาร" ของคนที่มาจาก "ตัวตนในเครือ ข่ายของเขา" ตัวตนใดตัวตนหนึ่งที่เหมาะสม ก็ได้ เช่น ถ้าตัวตนในกลุ่ม พระศรีอาร์ฯ ช่วยโปรดจิตวิญญาณดวงหนึ่งของพระยามาราธิราชฯ ได้ แล้ว กำเนิดใหม่แล้ว จิตวิญญาณที่กำเนิดใหม่ดวงนั้นๆ ไม่อาจจะอยู่ใน ร่างสังขารของพระศรีอาร์ฯ ได้ จะต้องได้รับการ "ถ่ายฝากตัวอ่อนต่าง มิติ" นี้ไปสู่ "ตัวตนตัวหนึ่งของพระยามาราธิราชฯ" ที่มีร่างสังขารเป็น "มนุษย์" จึงจะพัฒนาและเติบโตต่อไปได้ จนกว่าจะสิ้นสุดวาระชาตินั้น


"องค์ธรรมบิดา" ผู้ให้กำเนิดและ "องค์ธรรมมารดา" ผู้อุ้มครรภ์เลี้ยงดู


ต่อไปที่ท่านควรเข้าใจคือ เมื่อผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณนั้นๆ ช่วยชำระจิต วิญญาณที่มืดมนให้สว่างไสว กำเนิดใหม่ได้แล้ว แต่ไม่อาจจะให้เขาอยู่ ในร่างสังขารได้ จำต้อง "ถ่ายฝากตัวอ่อนต่างมิติ" ไปสู่ร่างสังขารอื่นที่ รับได้ ก็จะนับว่าผู้ให้กำเนิดใหม่นี้คือ "องค์ธรรมบิดา" ของจิตวิญญาณ ที่เกิดใหม่นั้น ส่วนร่างสังขารซึ่งรับจิตวิญญาณที่เกิดใหม่นั้นไปอยู่ในตัว ต่อเพื่ออุ้มชู และทำให้เกิดการพัฒนาการต่อไป ก็คือ "องค์ธรรมมารดา" นั่นเอง นี่คือ การให้กำเนิดจิตวิญญาณต่างมิติ ที่จำต้องอาศัยบุคคลร่วม มือกันอย่างน้อย สองท่าน คือ องค์ธรรมมารดา และองค์ธรรมบิดา ซึ่งใน การกำเนิดใหม่นี้ เราจะนับว่าจิตวิญาณนั้นสำเร็จ "เซียน" และนับให้ว่า เป็น "มนุษย์" ได้สมบูรณ์ ไม่ใช่จิตวิญญาณมืดหรือว่าสัมภเวสีอีกต่อไป ถ้าเขากำเนิดใหม่เป็นกุมาร เขาจะมีตำแหน่งคือ "เซียนกุมารนาจา" นั่น เอง ทว่า นี่ไม่ใช่วิถีของพระพุทธศาสนาจึงไม่อาจนับได้ว่าได้สำเร็จธรรม ขั้นใดๆ หากต้องการสำเร็จธรรม จำต้องเข้าสู่วิถีธรรมในพระพุทธศาสนา อีกต่อหนึ่งครับ ซึ่งจิตวิญญาณมืดต่างมิติที่ต่ำกว่ามนุษย์ทั้งหลายล้วนจะ ต้อง "ผ่านการกำเนิดใหม่" เช่นนี้ ก่อนทั้งหมด จึงจะพร้อมรับธรรมนั้นได้


"กฏแห่งตัวตายตัวแทน" และ "พลังงานใหม่ที่แทนที่พลังงานเก่า" ?


ต่อไปที่ท่านควรเข้าใจคือ ในโลกนี้มีกฏอย่างหนึ่ง ผมเรียกง่ายๆ ว่าตัว ตายตัวแทน นะครับ มันคืออะไร? มันก็คือ "ตำแหน่งทางธรรม" ที่มีอยู่ ทุกตำแหน่งจะต้องมีผู้สืบทอดต่อไปจนกว่าจะหมดวาระหน้าที่ครับ หรือ ก็คือ "การต้องมีตัวตายตัวแทน" มาแทนที่ในตำแหน่งทางธรรมของตน ตนจึงจะเลื่อนก้าวไปสู่จุดอื่นได้ เช่น แม่พระคงคาประจำประเทศไทย ซึ่ง เดิมอาจจะมีอยู่ สมมุติว่าชื่อ "แม่ปลาบู่ทอง" ก็แล้วกัน ทีนี้ แต่ละท่านจะ มี "วาระในการทำหน้าที่อยู่" เมื่อหมดวาระหน้าที่แล้ว จะได้รับการโปรด และปลดปล่อยไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นครับ แล้วตำแหน่งที่ว่างอยู่ แต่ยังต้อง มีผู้ทำหน้าที่ต่อ เพราะประเทศยังไม่ถึงวาระล่มสลายก็จะหา "ตัวตายตัว แทน" มาแทนที่ตนครับ วิธีการไม่ยาก ผีแม่ปลาบู่ทอง ก็จะไปเลือกเอาผู้ ที่เหมาะสม สักหนึ่งคน แล้วดลใจให้เขาทำอะไรสักอย่างพอเป็นพิธี ให้รู้ กันว่ายอมรับตนแล้ว เช่น ตนก็จะบัลดาล ให้เขาร่ำรวย ได้ดังใจต้องการ เมื่อเขาหมดบุญแล้ว เหมาะสมพอที่จะมาแทนที่ตนได้ ก็จะตกน้ำตาย จะ กลายเป็นแม่พระคงคา แทนตน เป็นต้น นี่เรียกว่าพลังงานใหม่ มาแทนที่ พลังงานเก่า นั่นเอง เอาละ เมื่อมีการโปรดจิตวิญญาณตกค้าง ชำระล้าง พลังงานเก่า ให้กำเนิดใหม่ ก็จะมี "พลังงานใหม่" ที่มาจาก "ตัวตายตัว แทน" เช่นนี้ มาทำหน้าที่แทน เป็นปกตินะครับ ใครที่ได้แหล่งบุญดีก็จะมี บุญพ้นไป ไม่ต้องเป็นตัวตายตัวแทนของใคร ใครที่ทำบุญสร้างบารมี ไม่ พอหรือหมดบุญก็จะต้องกลายเป็น "ตัวตายตัวแทน" ของผู้อื่นไปนะครับ เช่น ลูกที่ไม่สรางบุญบารมีอะไรเลย อาศัยพ่อแม่อย่างเดียว สุดท้าย ก็จะ ต้องได้รับช่วงต่อ "อะไรบางอย่าง" มาจากพ่อ และกลายเป็น "ร่างใหม่" ของเขา แทนพ่อของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทายาทอสูร หรือจิตวิญญาณอื่น ใด ในมิติสูงหรือต่ำก็อยู่ภายใต้กฏตัวตายตัวแทนนี้เหมือนกันหมดนะครับ


ช่วงเวลาแห่งการปรับเปลี่ยน "พลังงานใหม่ที่แทนที่พลังงานเก่า" ...


ต่อไปที่ท่านควรเข้าใจคือ ช่วงยุคกึ่งกลางพุทธกาลนี้ คือ ช่วงเวลาแห่ง การปรับเปลี่ยนพลังงานในโลกครั้งใหญ่และมันจะส่งผลต่อการเกิดภัย พิบัติบ้าง ด้วยนะครับ เพราะผลจากการเคลื่อนย้ายของพลังงานใหม่ที่ เข้ามาแทนที่พลังงานเก่าและพลังงานเก่าที่ได้รับการปลดปล่อยออกไป จะส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อธาตุทั้งสี่ในโลกได้ ตามอำนาจของพลังนั้น เช่น ถ้าพลังงานที่เปลี่ยนแปลงเป็นพลังของแม่พระคงคาที่มีอำนาจดูแล ทั้งประเทศไทยก็ส่งผลกระทบต่อน้ำในประเทศไทยทั้งประเทศได้นะครับ เอาละทีนี้เราจะมามองภาพรวมของทั้งโลกกัน ทั้งโลกก็มีการปรับเปลี่ยน ของพลังงานทั้งหมดนะครับ และส่งผลให้จิตวิญญาณที่ดูแลโลกในส่วน ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยพลังงานใหม่ที่เข้ามาแทนที่ จะเป็นคนที่มี สังขารอยู่บนโลกแล้วตายลงไป นี่ละ ซึ่งก็คือ "ตัวตายตัวแทน" ของพลัง งานเก่านั่นเอง คนเหล่านี้จะถูกเลือก และได้รับการช่วยเหลือจากพลังงาน พิเศษเหล่านั้น ให้ได้ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ และอะไรอีกมากมาย เพื่อ จะทำให้พวกเขา "ติดหนี้" และต้องชดใช้ ชำระหนี้ด้วยตัวเอง มาทำงาน แทนที่พวกเขาครับ ดังนั้น "ทุกที่บนโลกนี้" ล้วนรอให้ "คนตายเพื่อจะไป เป็นตัวตายตัวแทนของตน" ทั้งสิ้น เช่น ถนนหนทาง ก็มี "ผีเจ้าทาง" ที่มี หน้าที่ดูแลเฝ้าถนน, เจ้าที่ แต่ละแปลง ก็จะมีผีเจ้าที่ มาตายแล้วหวงที่ไว้, เจ้าทุ่ง ก็จะมีชาวนาที่ยึดติดที่นาเกินไป ตายแล้วเป็นผีเจ้าทุ่ง ฯลฯ เอาละ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะถ้าคุณ "ให้กำเนิดพลังงานใหม่" ได้ซะอย่าง คุณ ก็จะไม่มีทางไปเป็น "ตัวตายตัวแทน" ของใครบนโลกนี้ได้เลย เพราะคุณ สามารถผลิต "จิตวิญญาณใหม่ๆ" ขึ้นมาจาก "พลังงานเก่า" แทนที่คุณ ได้เสมอๆ นั่นเอง ดังนั้น โชคดีนะครับ ที่คุณได้มาศึกษาในนี้ก่อน เพราะว่า คุณจะทราบวิธี "การให้กำเนิดใหม่" และกระบวนการทั้งหมดนี้ ก่อนใครๆ


สิ่งที่ท่านสามารถสังเกตุได้ด้วยตาเปล่าช่วง "ให้กำเนิดพลังงานใหม่"


ต่อไปที่ท่านควรเข้าใจคือ เทคนิกในการสังเกตุด้วยตาเปล่าว่าท่านจะมี การกำเนิดใหม่หรือไม่? และมีใครมารับช่วงต่อจิตวิญญาณที่กำเนิดนั้น หรือไม่? ก็มีดังนี้ครับ คือ 1. ท่านจะไม่เหมือนเป็นตัวของตัวเอง 100% นัก เหมือนเป็นคนอื่น เหมือนต้องทำอะไรอย่างคนอื่น ที่ไม่ใช่ตัวเอง ด้วย จิตวิญญาณดวงนั้นที่มาอาศัยคุณนำพาวิบากกรรมของเขามาสู่คุณด้วย 2. ท่านจะต้องพบเจอกับคนที่เกี่ยวข้องกับ "จิตวิญญาณดวงนั้นๆ" เช่น เช่น ถ้าท่านโปรดจิตวิญญาณนางเอื้อย ท่านก็จะต้องพบเจอกับคนที่เป็น แม่ปลาบู่ทองและพ่อของเอื้อยมาเกิด นั่นแหละ สิ่งที่เขาพัวพันอยู่ไม่ยอม ไปเกิดได้เพราะมีห่วงอย่างนั้น 3. ท่านจะต้องเข้าหาธรรม หรือปฏิบัติ ทั้ง ที่ไม่น่าจะต้องทำ บางครั้งสงสัยว่าทำไมต้องเป็นเราเนี่ย? มันไม่น่าจะใช่ เราที่ต้องมาทำนะ? (ก็ทำเพื่อโปรดเขาไง) 4. เมื่อท่านกำลังจะให้กำเนิด เขา ท่านจะมีอาการคล้ายคนท้องได้ เช่น อยากกินของเปรี้ยวๆ ทั้งที่ท่าน ก็ไม่ได้ท้องจริงๆ ซะหน่อย หรืออาการอื่นๆ ที่คล้ายคนท้อง และ 5. ท่านก็ จะได้พบกับ "ร่างสังขาร" ที่จะมารับ "จิตวิญญาณ" ที่กำเนิดใหม่นี้ไปต่อ บางครั้ง เขาจะแย่งกันรับต่อ บางทีมาหาท่าน 3-4 ตัวตน เพื่อรับสิ่งนั้นไป แต่ท่านก็จะรู้สึกเองว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วท่านจึงจะปล่อยให้ไป เอาละ ทั้ง 5 ข้อนี้ ก็พอสังเกตุได้นิดหน่อยนะครับ ซึ่งเรื่องราวชีวิตของท่านจะเหมือนสิ่ง ที่ท่านโปรดเลย เช่น ถ้าท่านโปรดนางเอื้อย ชีวิตท่านก็จะเหมือนเขาได้แต่ เมื่อท่านได้เจอตัวจริงแล้ว ท่านจะพบว่าตัวจริงทำหน้าที่ได้ดีกว่าท่าน และ ท่านพร้อมที่จะ "ส่งมอบ" ภาระหน้าที่ให้เขาได้ต่อไป โดยท่านไม่ต้องทำ อีกต่อไป เพราะมีคนมารับช่วงทำแทนแล้ว ท่านก็จะเลิกอยากทำไปเองได้


พลังงานเก่าที่หมดวาระแล้ว จะหาตัวตายตัวแทน แล้วมาให้ท่านโปรด?


ต่อไปที่ท่านควรเข้าใจคือ ถ้าท่านคือผู้ที่สามารถให้กำเนิดจิตวิญญาณ ใหม่ได้ ท่านโปรดพวกเขาได้ พวกเขาก็จะมาหาท่าน แต่ก่อนที่พวกเขา จะมาหาท่าน พวกเขาจะหา "ตัวตายตัวแทน" มาทำหน้าที่แทนตนก่อน เมื่อนั้นพวกเขาก็จะมาหาท่าน เมื่อพวกเขาได้รับการโปรดแล้ว "ตัวตาย ตัวแทน" ก็จะตายลงเพื่อไปเป็น "พลังงานใหม่" ประจำตำแหน่งในทาง ธรรม ตำแหน่งเดิมนั้น ดังนั้น ยิ่งท่านโปรดจิตวิญญาณเก่าได้มาก คนจะ ตายมาก ตามมาด้วย เพื่อทดแทนที่กัน แต่ท่านไม่ได้ต้องการให้มีใครมา ตายหรอกใช่มั้ย ท่านทำแต่ส่วนโปรดจิตวิญญาณเท่านั้น ส่วนที่คนตาย ก็มาจาก "สิ่งอื่นกระทำ" คือ เจ้ากรรมนายเวรของพวกเขา นั่นเอง กรณี นี้ ก่อนจะมีตัวตายตัวแทน "ตัวตนหลากมิติ" จะแข่งขันกันเองก่อน เช่น ถ้า สมเด็จพระนเรศวร เป็นเทพที่คนไทยยังนับถือ และตำแหน่งนี้ยังจะมี อยู่ต่อไป หากท่านได้แบ่งภาคมาเกิด (หลังได้เป็นโพธิสัตว์แล้ว) เป็นตัว ตนมากกว่า 1 ตัวตน สมมุติ 5 ตัวตน ทั้ง 5 ตัวตนนี้ จะต้องบำเพ็ญบารมี แข่งกัน จนกระทั่งตัวตนใด "ยอมแพ้" แค่นั้น ก็จะได้ตำแหน่งนั้นไป ส่วน คนที่ยังไม่ยอมแพ้ ก็จะเลื่อนลำดับไปสู่ "ตำแหน่งเทพที่สูงขึ้น" ต่อไปได้ คนที่แพ้ จะได้รับอะไรมากมายในทางโลก เพื่ออะไรครับ? เพื่อให้เขาติด หนี้แก่ "จิตวิญญาณ-พลังงานเก่า" ก่อนที่พลังงานเก่า จะเอาเขาไปเป็น "ตัวตายตัวแทน" อย่างไรละครับ ส่วนพลังงานเก่านั้น ก็จะไปหาท่านผู้มี ธรรม พอที่จะโปรดเขาได้แท้จริง เพื่อที่จะได้กำเนิดใหม่ เลื่อนระดับให้สูง ขึ้นไป อย่างไรละครับ แหม! สบายไป ไม่ต้องอยู่เฝ้าภาคพื้นโลกจะได้ขึ้น สวรรค์แล้วมีคนมาเฝ้าผืนแผ่นดินแทนตัวเองแล้ว นั่นแหละเขาทำอย่างนี้


สมภารสรางวัด กลายเป็น "ผีเสื้อวัด" คนไปช่วยกลับได้วิมานชั้นฟ้า?


สุดท้ายที่ท่านควรเข้าใจคือ การทำบุญ "สร้างอะไรในโลกนี้ ทุกอย่าง" จะมี "ผีเฝ้าหมด" แต่ถ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สวรรค์เขามอบให้คนมาสร้างก็ จะเรียกว่า "มีตำแหน่งเทพให้ท่านที่เฝ้า" ครับ เช่น สร้างนา ก็มีผีเจ้าทุ่ง เฝ้านา, สร้างบ้าน ก็มีผีเรือนเฝ้าบ้าน, สร้างวัด ก็มีผีเสื้อวัด คอยเฝ้า ฯลฯ เอาละ ถ้าไม่อยากนั่งเฝ้าประจำผืนที่บนโลกเป็น 1,000 ปีทิพย์ ก็ต้องมี ความรู้ มีปัญญาจริงๆ หน่อยครับ เพราะ "สมภารที่สรางวัด ตายไปกลาย เป็นผีเสื้อวัด" เยอะแยะ (แต่ก็ยังดีกว่าพระที่ตกนรก เกิน 50% ของทั้ง หมดนะครับ และอีกเกินกว่า 25% ของพระตายแล้วกลายเป็นเปรตครับ) เอาละ คนหลายคน ไม่ได้เป็นตัวเจ้ากี้เจ้าการในวัด แต่มีใจบุญ ก็ช่วยเขา ไป พวกนี้ ตายแล้วไปสูงกว่าพวกยึดวัด ได้วิมานบนสวรรค์ครับ ส่วนคนที่ สร้างบารมีในการสร้างครั้งนั้นสูงสุด เช่น ไม่ได้ใช้เงินสร้าง, ไม่ได้เป็นผู้มี ชื่อเสียงอะไร แต่ทำงานจริงๆ จังๆ พวกนี้ ที่ทีบุญบารมีสูงสุด จะตายแล้ว ไปเกิดเป็น "เทพเจ้าของวิมานมีบริวารมากมาย" นะครับ เรียกว่าไปได้สูง กว่าสมภารเจ้าของวัดเสียอีก แปลกใจมั้ยละครับ เอาละ "ตามนุษย์มันมืด มัว" แต่ "ดวงตาสวรรค์ แจ้งชัด" เลยมองเห็นต่างกัน ก็เท่านั้นเองละครับ


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระธรรมกาย จงช่วยท่านให้การกำเนิดใหม่ สวัสดี


11 ก.ย. 2555

"เสียงจากองค์ธรรมบิดา"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment