ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

จักรวาลจะสร้าง "มนุษย์ต้นแบบ" ของมวลมนุษย์มาก่อนคือ The one นั้นคือใคร?

พี่น้องครับ พี่น้องทั้งหลาย ผมมีเรื่องจะบอกว่า ในการสร้างมวลมนุษย์ทั้งหลายนั้น จักรวาลจะ สร้าง "มนุษย์ต้นแบบ" ขึ้นมาก่อน ๑ คนเท่านั้น ที่ดีที่สุด แล้วจากนั้น เมื่อสำเร็จดีแล้ว มวลมนุษย์ ทั้งหลายก็จะอาศัยมนุษย์ต้นแบบ (The one) คนนั้นเป็นแบบอย่างต่อไป อาวละ วันนี้ เราก็มา คุยเรื่องนี้กันเลยเหอะ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้กันแล้ว


จักรวาลเลือก "พระอาภาโพธิสัตว์และพระศรีอาร์ฯ" เป็นมนุษย์ต้นแบบ?


สรุปเลยละกัน ยุคนี้ จักรวาลเลือก "พระมหาโพธิสัตว์อาภา" เป็นต้นแบบ ของมวลมนุษย์ทั้งหมด และให้ภาคหนึ่ง ตัวตนหนึ่งของท่านลงมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ส่วนตัวตนอื่นๆ จะตามมาทำหน้าที่เป็นต้นแบบมนุษย์ใน รูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าครับ ทว่า เรื่องของเรื่องมันมีปัญหาครับ คือ พระอาภาโพธิสัตว์ท่านมีบารมีไม่มาก ท่านจะไปได้ถึงเพียงจุดหนึ่งก็ จะทำหน้าที่ต่อไม่ได้ ท่านมาได้เท่านั้น ทำได้แค่นั้น เหมือนครั้งอธิษฐาน แลกเปลี่ยนดอกบัวนั่นแหละ พระอาภาฯ เลือกดอกบัวบานแล้วไปก่อนแต่ มันบานไม่นานก็เหี่ยวครับ เป็นนิมิตหมายให้รู้ว่าแม้ท่านจะได้รับพลังนั้น ไปก่อน แต่มันจะอยู่ได้ไม่นาน ท่านก็จะต้อง "ส่งทอดต่อให้พระศรีอาร์ฯ" ไม่เช่นนั้นกำลังบารมีของท่านจะเอาไม่อยู่ สถานการณ์จะร้ายแรงเกินไป กว่าที่ท่านจะดูแลได้ครับ เรื่องของเรื่องเป็นแบบนี้ เลยทำให้มนุษย์ตัวตน แรกที่จะได้รับ "ต้นแบบพลังงานจากจักรวาล" จึงเป็นพระอาภาโพธิสัตว์ และจะมีพระศรีอาร์ฯ มารับช่วงต่อไป หลังจากนั้นครับ (จนจบตลอดยุคนี้)


"พระอาภาฯ และพระศรีอาร์ฯ" ก็มีหลายตัวตน แล้วมันตัวไหนกันล่ะ?


สรุปเลยละกัน "ตัวตนในมิติแห่งจักรวาล" ครับ แม้ว่าตัวตนของท่าน จะมีหลายตัวตนมากมายก็จริง ทว่า แต่ละตัวตนประจำอยู่ในมิติที่ไม่ เหมือนกัน ต่างกันไปครับ ดังนั้น ตัวตนที่ทำหน้าที่เป็นต้นแบบมนุษย์ และจะได้รับ "พลังจักรวาลที่ดีที่สุด" ก่อนใครๆ ก็คือตัวตนในมิติแห่ง จักรวาล นั่นเอง นั่นหมายความว่า ตัวตนนั้นๆ จะต้องไต่ระดับขึ้นไปให้ ถึงระดับจักรวาลให้ได้ จึงจะได้รับพลังนั้นและกลายเป็นต้นแบบของ มวลมนุษย์ในยุคนี้ได้ครับ นี่แหละ วิธีเลือก, วิธีสร้างมนุษย์ของพระผู้ สร้าง ท่านจะต้องทดลองและเลือกที่ดีที่สุดก่อน ๑ คนแล้วจึงจะขยาย ไปยังคนอื่นๆ จำนวนมากต่อไปครับ สำหรับตัวตนอื่นๆ ที่ไม่อาจจะไต่ ระดับไปถึงจักรวาลได้ก็จะไปทำหน้าที่ในมิติอื่นๆ ครับเช่น ในมิติของ ประเทศชาติก็ดี, ในมิติของนานาชาติก็ดี ฯลฯ ซึ่งจะยังไม่ถึงมิติของ จักรวาลครับ อ้าวละ ทีนี้ "ตัวตน" ของพระมหาโพธิสัตว์อาภา ก็จะมี มาเกิดเรื่อยๆ เพราะ "ตัวตนภาคสว่าง-ตัวตนที่สูงขึ้น" จะอยู่เป็นสิ่งที่ เรียกว่า "จิตอำมตะ" นี้ ไม่นิพพานยาวนาน และจะแบ่งภาคส่วนของ พลังลงมาเรื่อยๆ ครับ เพื่อให้ได้ตัวตนที่ทำหน้าที่ต่างๆ กันไปอย่างทั่ว ถึงครับ ไม่ต่างจากตัวตนของพระศรีอาร์ฯ เหมือนกัน ในที่สุดของการ บำเพ็ญบารมี จักรวาลก็จะเลือกเขาทั้งสองให้ได้รับรู้เรื่องราวของจักร วาลครับ เพื่อเตรียมพร้อมร่างสังขารตัวตนนั้นๆ ให้กลายเป็นตัวตนต้น แบบของมวลมนุษย์ (The one) ในยุคสมัยนี้ นั่นเอง (ทั้งสององค์ฯ)


"พระอาภาฯ" จะถูกเลือกก่อน แล้ว "พระศรีอาร์ฯ" จะรับช่วงต่อภายหลัง


สรุปเลยละกัน พระมหาโพธิสัตว์อาภา จะได้รับเลือกให้ได้รับพลังจักรวาล "ต้นแบบของยุค" ไปก่อน ซึ่งจะเป็นพลังจักรวาลที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่ สุดของมนุษย์โลกครับ แต่ต่อมา ท่านจะทำกิจไม่ไหว ไปต่อไม่ได้ ก็จะมีคน ที่สองมารับช่วงต่อไปซึ่งก็คือ "พระมหาโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย" นั่นเอง ดังนั้น ผู้ที่ดูออกว่าต้นแบบของมนุษย์คือใคร และจะรับช่วงต่อจากใครได้ก็ ต้องเป็นพระศรีอาริยเมตตรัยแน่นอน เพราะคนอื่นไม่อาจทราบได้ และไม่มี ความสามารถที่จะรองรับพลังจักรวาลนั้นๆ ได้ ในช่วงแรกพระอาภาฯ จะมี พลังอำนาจมากมาก่อน แต่ช่วงหลังท่านจะมีกำลังลดลงและไปต่อไม่ไหว เมื่อนั้นพระศรีอาร์ฯ จะปรากฏมารองรับพลังจักรวาลนั้นๆ แล้วนำพาไปต่อ เอง ซึ่งมีมากมายหลายสายนะครับ พลังจักรวาลแต่ละสายมีหน้าที่ต่างกัน ทำให้คนที่ได้รับได้รับภารกิจที่ต่างกันด้วย ท่านก็จะไต่ระดับไป จากพลังที่ ไม่สูงมากไปยังพลังที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ นั่นหมายความว่าท่านจะได้พบกับ ตัวตนของพระอาภาฯ โพธิสัตว์แต่ละตัวตน ในมิติที่ต่างกัน เพื่อที่จะรับเอา พลังจักรวาลที่มีในแต่ละตัวตน ไปทำหน้าที่ต่อ จนหมดวาระ ก็เลื่อนระดับ ไปสู่ตัวตนและพลังงานในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง (ถ้าทำได้นะ)


แม้แต่ "พระศรีอาร์ฯ" ก็อาจจะสลับตัวตน กันทำหน้าที่ของกันและกันได้


สรุปเลยละกันว่า แม้แต่พระอาภาฯ หรือพระศรีอาร์ฯ เอง ก็อาจจะมีการ สลับตัวตน ในการทำหน้าที่กันได้ เช่น ตัวตนหนึ่งเคยรับพลังดาวมฤตยู มาก่อน แล้วไปต่อไม่ไหว ทำงานต่อไม่ไหว ก็อาจจะต้องส่งพลังทอดต่อ ให้ตัวตนอื่น ทำหน้าที่แทนตัวเองต่อไป ดังนั้น ตัวตนบางตัวตน อาจเคย มีพลังอำนาจมาก ต่อมา ก็อาจจะสูญสิ้นพลังอำนาจที่มีแต่เดิมนั้นไปได้ ครับ โดยก่อนที่จะสูญเสียไปนั้น จะมี "ตัวตนอีกตัวของตน" ที่เข้ามารับ พลังจักรวาลนั้นไปต่อ พร้อมกับปฏิบัติภารกิจแทนต่อไปครับ ทว่า ไม่ใช่ แต่ตัวตนของเขาเอง แม้แต่ตัวตนอื่นๆ เช่น ตัวตนของนางแก้ว บางองค์ ก็สามารถมารับไม้ต่อ ทำงานต่อได้นะครับ เหมือนการวิ่งผลัด มีการส่ง ไม้ต่อกัน นั่นแหละ หรือบางครั้งพระศรีอาร์ฯ อาจจะส่งไม้ต่อทอดให้แก่ พระโพธิสัตว์องค์อื่น ที่มีความพร้อม มีความเหมาะสมที่จะรับและรับได้ ก็ได้ครับ ทว่า ผู้ที่ถ่ายทอดพลังพิเศษให้คนอื่นแล้วไม่ได้เลื่อนระดับขึ้น ก็จะเสี่ยงที่จะได้รับภัย และอาจถึงตายได้ครับ ส่วนคนที่ยังไขว่คว้าหา พลังงานใหม่มาแทนที่ของเก่าได้ ก็จะไม่เป็นอะไรครับ ยิ่งถ้าพัฒนาขึ้น ไปได้รับพลังงานที่สูงขึ้นได้ ก็จะยกระดับตัวเองไปได้เรื่อยๆ ครับ ซึ่งจะ ต้องยอมปลดปล่อยพลังงานเก่าของตน ให้แก่ผู้สืบทอดหรือผู้รับกิจซึ่ง จะทำหน้าที่แทนต่อไปด้วยนะครับ จึงจะถ่ายทอดและเปลี่ยนพลังสำเร็จ


อย่ามัวหลงสิ่งหลอกล่อทางโลก คุณอาจกลายเป็นผู้รับสืบทอดก็ได้


สรุปเลยละกันว่า "มันไม่แน่ไม่นอนหรอก" ทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยน แปลงได้ คนที่เคยได้รับพลังจักรวาล ก็ดี, ได้รับการเลือก ก็ดี ฯลฯ ก็ เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น ดังนั้น ขอให้คุณตั้งใจบำเพ็ญให้ดีเถอะ คุณก็ จะได้รับพลังจักรวาลที่ดี ได้รับการถ่ายทอดจากคนดีๆ ได้ ถ้าคุณไม่ หลงสิ่งหลอกล่อยั่วยุไปเสียก่อน คุณก็จะรักษาระดับของคุณไว้ได้ มี แต่จะไต่ระดับสูงขึ้นครับ แต่ถ้าคุณหลงออกนอกทางไปเสียก่อนละก็ ก็จะไม่ได้ไต่ระดับไปสูงขึ้นก็จะไม่ทราบอะไรที่เหนือกว่านั้นกว่าที่คุณ เคยเข้าใจได้ครับ และมันหมายถึงการเดินทางอันยาวไกลของคุณใน จักรวาลนี้ด้วย เหมือนการวิ่งแข่งนั่นแหละ คุณอาจไปได้ไกลมากๆ ก็ จะมีโอกาสได้พักเหนื่อยได้ ในขณะใครบางคนหลงออกนอกเส้นทาง ก็จะยิ่งห่างไกลออกไปจากเป้าหมายแต่เดิมครับ และผมอยากจะบอก ว่า "ตลอดเส้นทางเดินนี้" มีสิ่งหลอกล่อยั่วยุมากมายอยู่ตลอดทั้งสอง ข้างทาง คือ ทั้งฝ่ายที่เป็นลบและฝ่ายที่เป็นบวกครับ แล้วแต่ว่าจะหลง ออกไปฝั่งไหน ทางฝั่งที่เป็นลบหรือฝั่งที่เป็นบวก ที่เข้ามาทดสอบครับ


ผู้ที่ได้รับ "เศษพลัง" กับ "ศูนย์กลางพลัง" นั้นแตกต่างกันอย่างไร?


สรุปเลยละกันว่า มันต่างกันมากครับ คนที่ได้รับเศษพลังมีมากมายก็ ไม่ใช่ The one ครับ อันนี้มีมากได้ เหมือนได้รับโจทย์เล้กๆ ไปลอง ก่อน ถ้าสอบผ่านก็จะได้เข้าใกล้ศูนย์กลางพลังไปเรื่อยๆ ครับ แต่ถ้า ไม่เวิร์กแล้ว ก็จะสูญเสียพลังนั้นไปครับ โดยคนที่มี "ศูนย์กลางพลัง" จะมาดึงดูด รองรับ รวมเอา เศษพลังเล็กน้อยทั้งหลายไปครับ ซึ่งไม่ ใช่การดูดพลังนะครับ แต่เป็นไปตามธรรมชาติจัดสรร ดังนั้น หลาย คนที่รู้สึกเหมือนว่าถูกดูดพลัง เสียพลังให้คนอื่น ก็ควรเข้าใจด้วยว่า บางครั้ง อาจเพราะ "มีศูนย์กลางพลัง" มาดึงดูดและรับเองเศษพลัง เหล่านั้นไปรวมกันครับ แล้วคนที่เป็นศูนย์กลางพลังได้เรื่อยๆ เมื่อได้ เก็บรวบรวมเศษพลังทั้งหมด ก็จะกลายเป็น The one สำหรับพลัง ชนิดนั้นๆ ครับ พอเข้าใจแล้วใช่มั้ยครับ เพราะพระผู้สร้างไม่อาจล่วง รู้ได้ว่ามนุษย์ทุกตัวตนที่ท่านสร้าง จะลิขิตชีวิตตัวเองไปตามที่ท่านมี ท่านให้ไว้หรือไม่? เพราะท่านสร้างให้ทุกตัวตนเลือกทางเดินเองได้ ก็จะทำให้ท่านไม่ทราบผลอันนี้ ท่านจึงต้องทดลองกับตัวตนหลายๆ ตัวตนครับ โดยการให้เศษพลังเหล่านั้นมาเป็นโจทย์กับหลายตัวตน ก่อน เมื่อผ่านการทดสอบหมดแล้ว ก็จะเก็บเศษพลังคืน จึงเกิดมี เป็น The one ขึ้นมาไงละครับ แล้วในบรรดา The one นี้ จะมีเพียง ๑ คนเท่านั้นที่เป็น Super นะครับ เรียกว่า Super the one ก็ได้มั้ง?


แม้แต่พลังองค์เทพก็มี "เศษพลัง" กับ "ศูนย์กลางพลัง" เหมือนกัน?


สุดท้ายสรุปว่า แม้แต่พลังองค์เทพก็มีแบบเศษพลังและแบบศูนย์กลาง พลังครับ เช่น เทพกวนอู ท่านอาจไปพบว่าทำไมมีคนทรงเยอะจัง แล้ว ร่างทรงไหนที่เป็นของจริง? เอาละ ของจริงอาจไม่ได้มีทั้งหมด ทุกคน ก็มีจริงบ้าง, เท็จบ้าง ทว่า ของจริงอาจไม่ได้มีเพียง ๑ คนนะครับ แบบ ว่ามันมีทั้งที่แบบ "เศษพลังเล็กๆ" และแบบ "ศูนย์กลางพลัง" อยู่ด้วย ไงครับ บางคนอาจได้รับเศษพลังของเทพกวนอูแต่บางคนอาจเป็นศูนย์ กลางพลังของเทพกวนอู ก็ได้ครับ นี่คือ ข้อแตกต่างกันอีกประการหนึ่ง ในกรณีนี้บางคนก็ทำหน้าที่ "รวบรวมเศษพลัง" ด้วยครับ ขอเรียกง่ายๆ ว่าเป็น "คนรวมญาณ" ก็แล้วกัน เช่น บางคนอาจรวบรวมญาณขององค์ พระนเรศวรอยู่ อะไรแบบนี้ก็มีได้ เป็นไปได้ครับ และเมื่อเขารวบรวมญาณ เหล่านั้นได้หมดแล้ว เขาก็จะกลายเป็น ร่างฯ พระนเรศวรแบบ The one นั่นเอง นี่เรียกว่าการ "เคลียร์เศษญาณที่ตกค้าง" อย่างหนึ่ง นั่นเองครับ เอาละ จบก่อนดีกว่า ...


10 ต.ค. 2555

"เสียงจาก The one"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment