ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

เคล็ดลับพ่อรวยสอนลูกเป็น "เศรษฐี" โดยไม่ต้องเหนื่อยยากด้วยพลังไซย่า?

เอาละ ผมคิดว่ายุคนี้ คงไม่มีอะไร ที่คนอยากจะเป็นกันมากไปกว่าได้ เป็นเศรษฐีมีเงินทองเยอะๆ มังครับ ที่ทำงานกันทุกวันนี้ เหนื่อยยากกัน ทุกวันนี้ ก็เพื่อเงิน ก็เพื่อความร่ำรวย ไม่ใช่หรือครับ ถ้าอย่างนั้น ก็มาคุย กันเรื่องนี้เลย ตรงประเด็นที่สุดว่ามั้ย ผมเลยขอเสนอกระทู้รวยด้วยพลัง ไซย่า รวยโดยไม่ต้องเหนื่อยยาก ครับ ให้ท่านทั้งหลายโดยเฉพาะ!


จงใช้ "ความร่ำรวยเป็นเศรษฐีด้วยพลังไซย่า" เป็นมรรคของคุณ?


อย่างแรกเลย ผมต้องขอบอกก่อนว่าการตั้งใจไปสู่ความร่ำรวยเป็น เศรษฐีด้วยพลังไซย่านี้ ไม่ได้ขวางการเข้าถึงธรรมของคุณเลย มัน จะเป็นเหมือนกุศโลบายที่ใช้ได้จริง ตอบโจทย์ในชีวิตจริงของคุณ และมีอะไรมากมาย คอยเอื้อหรือช่วยคุณในเรื่องธรรม มันจึงไม่ใช่ ความหลงนะครับ มันเป็นการใช้ "กิเลสเป็นโพธิ" สำหรับผู้มีปัญญา แล้ว เขาย่อมเห็นกิเลสเป็นธรรมะ ธรรมชาติอย่างหนึ่ง คนไม่ถึงธรรม ไม่มีปัญญา ก็ใช้กิเลสไม่เป็น ตกเป็นทาสของกิเลส ส่วนคนมีธรรมก็ ใช้กิเลสเป็น เท่านั้นเอง นี่แหละ ธรรมะที่มีความเป็นกลาง พอดี ไม่มี ภาวะสุดโต่งไปทางบวก หรือลบเกินไป ไม่ใช่ไปปฏิเสธความร่ำรวย, หรือหลงใหลความร่ำรวยเกินไป โอเค? ดังนั้น การพุ่งเป้าไปสู่ความ ร่ำรวยด้วยพลังไซย่า จึงเป็นเครื่องหลอกล่อที่ไม่ทำให้คุณหลงออก ไปนอกทางธรรมหรอกครับ มันจะดีแค่ไหน? ถ้าคุณเจริญทั้งทางโลก และทางธรรมคู่กันไปด้วย นั่นแหละ พลังไซย่าที่ผมจะแนะนำคุณครับ


ความร่ำรวยที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการก่อกรรมใดๆ แต่มาจากพลังไซย่า


ต่อไป ผมจะไม่แนะนำให้คุณไปทำกรรมอะไรทั้งนั้น คุณจะทำกรรม อะไรไปมากมายให้มันเหนื่อยยากทำไม? ในเมื่อทุกเวลา ทุกวินาที ของคุณ มันมีค่าในตัวมันเอง ดุจทองคำอยู่แล้ว ถ้าคุณเริ่มต้นคิดว่า จะใช้เวลาในชีวิตเท่าไรก็แล้วแต่ ทำกรรมด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ จะดีจะ ชั่วก็แล้วแต่ แล้วรอรับผลของมันให้ออกมาเป็น "ความร่ำรวย" แล้ว ละก็ ผมขอบอกเลยว่า "คุณขาดทุนตั้งแต่ต้นแล้ว" โธ่ๆๆ ที่รัก อย่า โง่ไปหน่อยเลย คิดจะทำงานอะไรมากมายเพื่อให้ได้ความร่ำรวย ก็ ดี, ให้ได้เงินทองมากมาย ก็ดี คุณจะใช้เวลาทำกรรม ทำงาน อยู่กะ มันนานเท่าไร? เมื่อเทียบกับเวลาที่คุณมีให้กับการเสวยสุข? นั่นละ คุณเคยเห็นคนรวย มีเงินมากๆ ไหม? แต่เขามีเวลาเสพสุขกับเงินที่ เขามีเท่าไร? หรือจริงๆ แล้ว เขาเสียเวลาไปกับการทำให้ตัวเองรวย สัก ๗๕% ของเวลาในชีวิต แล้วมีเวลาเพียง ๒๕% ของชีวิตที่จะมี ความสุข เสพสุขกับสิ่งที่ตนเองหามาได้นั้น "โง่มาก หนูจ๋า" แค่เริ่ม ต้นคิดก็โง่แล้ว เอาง่ายๆ ลองเอา ๗๕% - ๒๕% ดู นั่นแหละ ก็ขาด ทุนแล้ว คือ เวลาในชีวิตที่เสพสุขมันก็แค่ ๒๕% แต่เวลาที่เสียไปกับ การทำกรรมให้ได้เป็นคนรวยนี่ มันใช้ไปมากถึง ๗๕% แล้วมันจะไม่ ขาดทุนได้อย่างไรละครับ? เอาละ เลิกโง่นะลูกนะ โอ๋ๆๆ เด็กน้อย คิด ใหม่นะลูกนะ เริ่มต้นคิดแบบไซย่า คิดแบบเศรษฐี ก็เป็นเศรษฐีได้, ไม่ จำเป็นต้องเอา "มูลค่าทรัพย์สินที่เป็นวัตถุ" มาคิดอย่างเดียว เดี๋ยวจะ โดนหลอกเอา วัตถุกับเวลาในชีวิต อะไรมันมีค่ามากกว่า แหม แค่นี้ก็ รู้แล้ว เศรษฐีที่แท้จริง อาจมีเงินเก็บแค่หลักร้อย ก็เป็นเศรษฐีได้ครับ!


พลังไซย่าช่วยให้คุณเป็นเศรษฐีได้อย่างไร โดยไม่ต้องเหนื่อยยาก?


ต่อไป ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจพื้นฐานสัจธรรมของโลกนี้บ้างแล้วว่าคน ที่จะรวย หรือเป็นเศรษฐีได้ มันก็เป็นไปตามอำนาจแห่งกรรม ไม่ว่าจะ เป็น "วิบากกรรมดีแต่ปางก่อนนำพา" ให้เกิดมาก็รวยแล้ว ไม่ต้องมา ทำงานเหนื่อยยาก หรือว่าอาจจะรวยได้วิธีใดก็ได้ โดยไม่ได้ก่อกรรม กระทบถึงใคร นั่นแหละ รวยจริง ด้วยด้วยผลบุญเก่าสนองผลให้ ทว่า บางคนอาจไม่ได้รวยด้วยบุญเก่า แต่เพราะสร้างกรรมใหม่ ให้มากไป กว่าวิบากกรรมเก่า เช่น วิบากกรรมเก่าให้เกิดมาเป็นคนจน แต่เขาได้ ทำกรรมมากมายฝืนกรรม ให้มันมากไปกว่าของเขา ทำกรรมปัจจุบัน ให้ตนได้พ้นจากความยากจน ได้เป็นคนร่ำรวย อันนี้ เรียกว่า รวยด้วย การก่อกรรมปัจจุบัน คิดง่ายๆ บริษัทขายไก่ ก็ต้องฆ่าไก่วันละกี่ตัว ถ้า ลูกค้าต้องการ และการแข่งขันสูง จะหยุดผลิตก็ไม่ได้ ทุกคนที่ได้เสพ สุข ได้รับผลจากบริษัทนี้ร่วมกัน ก็ร่วมกันก่อกรรม และต้องร่วมกันรับ กรรมไป สมมุติต้องผลิตไก่ให้ได้วันละ ๑๐๐ ล้านตัว แม่เจ้า? กรรมมัน จะมากแค่ไหน? คิดดูแล้วกัน? เอาละ ทีนี้ ก็เลยมีคนคิดสองแบบ พวก หนึ่งก็คิดว่า "ฉันยอมรับกรรมวะ ขอให้พ้นจากความยากจนก็พอ" อีก พวกหนึ่งก็คิดว่า "ฉันยอมรับกรรมแล้ว ขอไม่ต้องก่อกรรมมาก ก็พอ" ซึ่งไม่ใช่แนวทางของไซย่าทั้งสองแบบนะครับ เราไม่เน้นก่อกรรมให้มี ให้ได้อะไรก็จริง แต่เราไม่ได้แนะนำให้ต้องยอมอยู่อย่างยากลำบากให้ โง่หรอกครับ เพราะคนในโลกที่เชื่อเรื่องกรรม มักคิดว่ากรรมเที่ยง มัน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทว่า ชาวไซย่าเห็นกรรมไม่เที่ยง, ไม่อาจยึดเป็นตัว ตนของตนได้ครับ นั่นคือ พลังของไซย่าเปลี่ยนชีวิตให้คนที่มีวิบากเป็น คนยากจน ให้กลายเป็นคนรวยได้ โดยไม่ต้องก่อกรรมทำเข็ญ นั่นเอง!


ปรับพลังชีวิตเป็นพลังไซย่า กรรมก็เปลี่ยนได้ ชีวิตก็เปลี่ยนเป็นเศรษฐี?


ต่อไป อย่างที่ผมบอกแล้วว่าชาวไซย่าเขาเข้าใจดีว่าคนบนโลกที่เชื่อใน กฏแห่งกรรม ส่วนใหญ่มักคิดว่ากรรมมันตายตัว มันเที่ยงแท้ เปลี่ยนไม่ ได้ ทว่า ชาวไซย่าเขาเห็น อนิจจัง, อนัตตา ในกรรมครับ ดังนั้น มันย่อม เปลี่ยนแปลงได้เสมอ และพวกเขาก็ทราบดีว่ามันมาจาก "พลังงานภาย ใน" ของคนแต่ละคน นำพากรรมมาสู่ตัวเขาเอง เมื่อใดที่คุณมีพลังภาย ในแบบหนึ่ง มันก็จะจูน, จะดึงดูดเอาวิบากกรรม ซึ่งเป็นพลังงานอีกแบบ หนึ่งเข้ามาเหมือนกัน ดังนั้น มันจึงมีพลังงานบางชนิดที่จูนเอากรรมหรือ บุญมาได้ "แตกต่างกัน" ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ และมีพลังงานภายในที่จูน กับพลังบุญได้ มันจะดีแค่ไหนละ? นั่นแหละที่ผมบอกว่าคุณไม่ต้องไปทำ กรรมอะไรให้มันเหนื่อยยาก คุณเคยเห็นมั้ย คนที่ทำกรรมให้ได้มาซึ่งเงิน ทองมากๆ เขาอาจได้มากจริงแต่ไม่อาจเสพ หรือเสวยสุขจากมันได้เลย? อ้าวมีนะครับ เช่น รวยแต่ถูกฟ้อง จนต้องโอนเงิน มาให้ใครต่อมิใครวุ่นไป หมด นี่ก็มีให้ทราบกันทั่วประเทศแล้วนะครับ ขอบอกนะครับว่าร่างสังขาร ที่ผมเชื่อมต่อข้อมูล (คนที่โพสกระทู้นี้) เขาไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ครับ แต่เงินและทองก็เข้ามาสู่บ้านเขาเรื่อยๆ หึๆๆๆ ขอไม่บอกว่ามันมาได้ยังไง บ้าง เพราะมันมาในฐานะที่ยังไม่ใช่ของเขาเท่านั้นเอง แต่มันก็เป็นสิ่งที่มี ให้เห็นได้จริงครับ เพราะว่าพวกเราชาวไซย่าไม่ได้โม้ โอเค เขายังไม่ได้ มีเงินอะไรนัก เพราะไม่มีรายได้แบบคนทางโลก แต่พลังของไซย่าก็ทำให้ เขาเห็นเป็นรูปธรรมแล้วว่าสาร์นจากต่างมิติที่เขาได้รับ มันความเป็นจริง!


จงมีชีวิตอยู่อย่างเศรษฐีที่แท้จริง ไม่ใช่มีเงินมากมายแต่ใช้ชีวิตไม่เป็น


ต่อไป คือ ความเป็นเศรษฐีที่แท้จริงนั้น มันไม่ได้วัดจากการมีอะไรเยอะ แต่มันวัดจาก "ชีวิตจริงๆ ของคุณว่าดำรงอยู่อย่างไร?" ถ้าคุณมีเงิน เยอะมากๆๆๆ แต่คุณก็นอนป่วยอยู่ตลอด และใช้เงินเหล่านั้นไม่ได้เลย ขอบอกเลยว่าคุณไม่ใช่เศรษฐีแล้ว คุณก็แค่คนป่วยคนหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะชีวิตจริงของคุณเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าคนๆ หนึ่งมีเงินติดตัวแค่ไม่กี่ พัน แล้วใช้จักรยานปั่นไปท่องโลกเรื่อยๆ ได้ มีคนสงสารช่วยให้เงินแก่ เขารายทางสักไม่กี่ร้อย เขาก็ไปได้เรื่อยๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเศรษฐีที่ กำลังเอาเงินไปท่องเที่ยว และเช่าจักรยานขี่ไปเรื่อยๆ เลยครับ นั่นหละ ที่ผมกำลังบอกคุณว่าความเป็นเศรษฐีที่แท้จริง มันไม่ได้วัดกันที่วัตถุที่ มีอยู่ แต่มันดูที่ "ชีวิตจริงของคุณ" ว่าคุณมีชีวิตจริงเป็นอย่างไร? และ ทำอะไรอยู่ในแต่ละวัน, แต่ละนาที? นี่แหละคือ "ความหมายของคำว่า เศรษฐี" ในแบบฉบับของ "พ่อ (ไซย่า) รวยสอนลูก" อย่างไรละครับ!


"พลังไซย่า" พลังแห่งความมั่งมี-ศรีสุข และโชคลาภ-วาสนาทั้งปวง


ต่อไป คือ พลังไซย่าเป็นพลังที่ตรงกันข้ามกับพลังของดาวมฤตยูที่นำ โชคร้ายและภัยพิบัติมาสู่คน ดังนั้น พลังไซย่าจึงเป็นพลังแห่งความมี โชค พลังแห่งความมั่งมี-ศรีสุขและโชคลาภ-วาสนาทั้งปวง นั้นเอง นี่ แหละ เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของคนในโลกนี้เลย ทว่า เฉพาะ คนที่มีบุญได้เสวยใช่มั้ยครับ ที่จะได้รับสิ่งดีๆ โชคดีเหล่านี้ เอาละ ชาว ไซย่าก็เหมือนผู้ที่มีอำนาจในการควบคุม "โชคดี" ทั้งหลาย ไม่ต่างไป จากชาวดาวมฤตยูที่มีอำนาจในการควบคุม "โชคร้าย" ทั้งหลาย อย่าง ที่บอกแล้วว่า "พลังบุญมันไม่เที่ยงและไม่อาจยึดมั่นได้" มันถูกจูนและ ดึงดูดได้ด้วย "พลังบางอย่าง" และพลังไซย่าก็ดึงดูดพลังบุญได้ ต่าง จากพลังมฤตยูที่ดึงดูดพลังกรรมของปวงสัตว์ นั่นหมายความว่าเมื่อคุณ ได้รับพลังไซย่า คุณก็จะมีบุญเข้าถึงตัวด้วย โดยที่คุณอาจไม่ได้อยากมี อยากเป็น แค่คุณไม่ปฏิเสธมันก็พอ พลังบุญจะเข้ามาเรื่อยๆ และถ้าคุณ ยอมรับมัน คุณก็จะได้รับมันได้ คนอื่นก็อาจมองว่าคุณไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ทำไม โชคดีจัง ทำไมคุณจึงได้รับอะไรต่อมิอะไรต่างจากคนอื่นจังเลย


"พลังไซย่า" ไม่ได้ทำให้คุณยึดมั่นหรืออยากรวย แต่โชคดีมันมาเอง?


สุดท้าย คือ พลังไซย่าไม่ได้ทำให้คุณยึดมั่น หรืออยากรวยแต่อย่างใด ไม่เลย ตรงกันข้าม พลังของไซย่าจูนได้ดีกับคนที่ใสมากๆ ไม่ได้มีความ อยากหรือยึดความร่ำรวยแต่อย่างใด ด้วยซ้ำไป ทว่า "มันมาเอง" ก็โชค ดีอย่างไรละครับ? มันถูกดึงดูดหรือถูกจูนมาด้วยพลังไซย่า โดยที่คุณไม่ ได้ก่อกรรมให้ได้มา ถึงแม้ว่ามันไม่ได้มากมายถึงขนาดใครบางคนในโลก นี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้คุณ "มีชีวิตดำรงอยู่" ในโลกนี้เหมือนเศรษฐี ได้อย่างแท้จริง บางคนอาจมองว่านี่เป็นการยึดมั่น, ความอยากหรือความ โลภหรือไม่? ไม่เลย มันเป็นธรรมชาติปรุงแต่งไปอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ ว่าคนที่เป็นเช่นนี้จะอยากหรือยึดมั่นในสิ่งนั้นๆ เลย เอาง่ายๆ นะครับ คนที่ มีธรรม เข้าถึงธรรมแล้ว มีปัญญาแล้ว ก็อาจมีชีวิตดำรงอยู่บนโลกได้ต่าง กัน เช่น บางคนอรหันตืแล้วแต่อยู่ในโลกอย่างยากลำบาก ก็มี, แต่บางคน ที่อรหันต์แล้ว อยู่บนโลกนี้อย่างสุขสบายเหมือนเศรษฐี ก็มีได้, เป็นได้ครับ สุดท้าย มันขึ้นอยู่กับ "การเลือก" ของคุณเอง หวังว่าคุณ จะมีปัญญาพอ ที่จะเลือกดำรงอยู่บนโลกนี้อย่างผู้มีปัญญา และไม่ต้องยากลำบากนะครับ จบ ...


9 ต.ค. 2555

"เสียงจากชาวไซย่า"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment