ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ผีหลุดมาจากนรกเพราะการปลดปล่อย แต่ถ้าไม่ได้รับ "การไถ่" ก็ไม่รอดอยู่ดี

อ้าว วันนี้มีเรื่องค้างมาคุยต่อครับ ไม่ได้ใช้พลังของไซย่ามากนักใน ช่วงนี้ หลังใช้แล้วมันมีปัญหาเข้า เว็บนะครับ (ไม่ทราบว่าเพราะอะไร) เรื่องของเรื่องคือ การปลดปล่อยที่ เราทราบกันดีนั้น บางครั้ง มันเป็น แค่การปลดปล่อยเขาออกมาจากที่ กักขังหรือในภพเบื้องล่าง ทว่า ถ้า เขายังไม่เข้าสู่กระบวนการต่อไป ก็ จะยังไม่รอดอยู่ดี เช่น จิตวิญญาณ มืดจะมีพันธสัญญา พันธะกรรมกับ ซาตาน ถูกซาตานผูกมัดไว้ใช้งาน ทีนี้ เขาได้รับการปลดปล่อยมาแล้ว ก็จะมาหาร่างมนุษย์อยู่เพื่อทำงาน รับใช้ซาตาน, ระบบซาตานทั้งหลาย เราเลยต้องมี "พระผู้ไถ่" จึงจะช่วย ให้พวกเขารอดจาก "ภาคมืด" ได้ เราจึงมี "พระผู้ช่วยให้รอด" ไงครับ เอาละ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ


เมื่อบำเพ็ญบารมี "พร้อมแล้ว" พระโพธิสัตว์ควรทำกิจ "ไถ่" ปวงสัตว์


เอาละ เริ่มแรกเลยคือ ควรเข้าใจก่อนว่าการฝึกฝนตน, การศึกษา, การ บำเพ็ญบารมี ก็อย่างหนึ่ง มันเป็น "ช่วงแรกก่อนรับกิจ" ครับ แต่ถ้าผ่าน ได้แล้ว เหมือนเราเรียนจบ สอนผ่านหมดแล้วน่ะครับ เราก็จะมีงานทำใช่ ไหมครับ? (สมมุติง่ายๆ นะครับ) พระโพธิสัตว์ก็เช่นกัน จะบำเพ็ญบารมี อย่างไรก็แล้วแต่ กินเจหรือไม่กินเจ ก็แล้วแต่ ถ้าบำเพ็ญบารมีได้เต็มแล้ว (สำหรับที่จะใช้ในชาตินั้นๆ) จึงจะเข้าสู่ขั้นตอน "รับกิจจากสวรรค์" ซึ่ง ในขั้นตอนนี้ พระโพธิสัตว์ "จะไม่ได้ลองผิด, ลองถูกไปเองอีกแล้ว" แต่ก็ จะได้รับ "เฉลย" ว่าจะต้องทำอย่างไร? อะไรที่ทำไปแล้วมันผิด ก็แก้ใหม่ ให้มันถูก อะไรแบบนั้น เอาง่ายๆ ที่ท่านเห็นคนทำความดี, สร้างบารมีมาก มายกันนั้น "ผิดไปแล้ว ๙๐% กว่า" แต่มันก็ไม่ใช่ความผิด ความเลวร้าย อะไรนะ มันคือ "การลองผิดลองถูก" ขณะบำเพ็ญบารมียังไม่สำเร็จไง ก็ จะมีผิดกันได้เป็นธรรมดา แต่เมื่อเต็มแล้ว พอดีแล้ว เดี๋ยวเบื้องบนท่านจะมี เฉลยมาให้เราเองว่าให้เราทำอะไร ทำอย่างไร ทำกับใครบ้าง จะดีขึ้นครับ


การทำกิจ "ไถ่" ปวงสัตว์ เป็นกิจจากสวรรค์เพื่อฉุดช่วยสัตว์ในโลกมืด


ต่อไป ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่าสัตว์ในโลกนี้ ที่จำเป็นจะต้องได้รับความ ช่วยเหลือมากเป็นพิเศษคือพวกที่อยู่ในอบายภูมิ ๔ ซึ่งมีพระกษิติครรภ์ ดูแลอยู่ อีกพวกหนึ่งคือ พวกที่ไม่ได้อยู่ในระบบภพภูมิทั้งสามนี้ และไม่ ได้มาจากต่างดาวหรือโลกธาตุอื่น แต่เป็นพวกที่หลบซ่อนผิดกฏสวรรค์ ในใต้ภาคพื้นโลกเรานี่เอง พวกเขาเหล่านี้มีมากมาย มีตั้งแต่ที่ยังมีกาย ทิพย์เป็นเทพชั้นสูงๆ, ชาวพรหมโลกชั้นสูงๆ หรือแม้แต่พวกต่างดาว ที่ อับแสงไปแล้วกลายสภาพเป็นภาคมืดก็มีครับ ดังนั้น โลกจึงกลายเป็นที่ หลบซ่อนตัวของ "ผู้กระทำความผิดแล้วหลบหนีมา" มากมายครับ เรา จึงต้องมีการร้องขอให้พระโพธิสัตว์ลงมาช่วยแก้ไขปัญหานี้ เหมือนคน เรานี่แหละครับ บางครั้งทำผิดไปแล้ว ไม่รู้จะกลับหลัง, ถอยหลังกลับได้ อย่างไร? ทั้งยังถูกพลังภาคมืด ดึงดูดไปเรื่อยๆ ให้ถลำลึกไปเรื่อยๆ ดังนี้ จึงเป็น "กิจสำคัญ" มากทีเดียวครับ ที่เราจะมา "ไถ่จิตวิญญาณมืด" ที่ ถูกพันธนาการไว้กับภาคมืดเหล่านั้นให้เขากลับคือสู่ระบบสามภพดังเดิม


ท่านทั้งหลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้ไถ่และพระผู้ช่วยให้รอดกันเถิด


ต่อไป ท่านทั้งหลายที่บำเพ็ญบารมีมาดีแล้ว "บางท่าน" จะมีบารมี และ มีความสามารถในการโปรดสัตว์แบบนี้ได้ "ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้" แต่ "ทุกคนก็เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ไม่ต่างกัน" คือ ทุกคนสามารถลอง เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง จนถึงจุดที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็น "พระผู้ไถ่และผู้ ช่วยให้รอด" ได้ ทว่า แต่ละท่านก็มี "บารมีและกำลังจำกัด" บางครั้งก็ ไถ่จิตวิญญาณเขาได้ "ครั้งหนึ่งแล้ว" ทว่า เขามีเจ้าหนี้เยอะเหลือเกินก็ เลยช่วยเขาได้แค่ "ชั่วคราว" เท่านั้น ไม่นานก็มี "ภาคมืดที่เป็นเจ้าหนี้" มาผูกพันธนาการเขาต่ออีก เลยไม่จบ ไม่สิ้นกันได้ มันทำได้แค่นั้นเอง ก็ เพราะเวรกรรมของแต่ละคนมีมากน้อยไม่เท่ากัน และบารมีของพระโพธิ สัตว์เองก็มีไม่เท่ากัน จึงเป็นเช่นนี้เองครับ แต่อย่างไรเสีย แม้การช่วยให้ เขาได้รับการไถ่ ได้รับความรอด แค่เพียงชั่วขณะสั้นๆ ก็อาจทำให้เขาได้ มีโอกาสรับแสงธรรมและเกิดปัญญาได้เหมือนกัน ทว่า หลังจากนั้น เขาก็ ยังต้องกลับไปอยู่ในฐานะเดิม คือ ถูกภาคมืดพันธการอีกเช่นเดิม เอาละนี่ ไม่ใช่ความผิดอะไรหรือของใรคร แต่มันเป็นเช่นนี้เอง เราช่วยเราได้เท่านี้ ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าจะช่วยให้หลุดพ้นไปเลย, ได้มากกว่านั้น ก็ยิ่งดีครับ


เหล่าซอมบี้ทั้งหลาย เมื่อได้รับการปลดปล่อยแล้วจะมาอาศัยร่างคน!


ต่อไป เหล่าซอมบี้ (จิตวิญญาณมืดที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย) เมื่อได้ รับการปลดปล่อยแล้ว พวกเขาจะมาครองร่างคนอยู่ เขาจะเลือกคนที่มี พลังจิตต่ำๆ ก่อน ตามกำลังของเขาที่จะครอบงำได้ เช่น คนป่วย หรือผู้ เสพยาเสพติด ขาดสติอยู่ จากนั้นจะพัฒนาไปเรื่อยๆ เพื่อหา "ร่างใหม่" ที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำลัง "ฤทธิ์ที่เพิ่มขึ้น" ของพวกเขา แต่ร่างที่ดีนั้น ครอบงำได้ยาก จำต้อง "หาช่องโหว่" เช่น ถ้าเป็นพระ จะต้องยุยง, ดล จิตดลใจให้หลงตัวเอง ให้ประมาทเข้าไว้ เมื่อประมาทพลาดพลั้ง ผิดศีล มากๆ ก็กลายเป็น "ช่องโหว่, ช่องกรรม" เปิดให้พวกเขาเล่นงานพระผู้ นั้นได้ ยังมีอีกหลายวิธีมากที่พวกเขาจะเล่นงานผู้ที่มีพลังจิตสูงๆ หรือมี สภาพร่างกายสมบูรณ์ มีบุญบารมีหล่อเลี้ยงตัวดีๆ เช่น การหลอกให้ได้ เสวยผลบุญมากจนเกินตัว สุดท้าย ไม่ทันรู้ตัวว่าบุญตนติดลบไปแล้ว ได้ กลายเป็นหนี้ภาคมืดไปแล้ว เมื่อไรไม่ทราบ (เคยโดนไหมครับ ที่เขามา เก็บเงินอะไรเรามากมาย โดยเราไม่ทราบก่อน เช่น ค่าโทรฯ คุณเกินค่ะ) อะไรแบบนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำกันอย่างดีและเป็นระบบโดยภาคมืดนั่นเอง


เหล่าซอมบี้ทั้งหลาย "อัพเกรดตัวเอง" ให้มีฤทธิ์มากขึ้น ได้อย่างไร?


ต่อไป เมื่อเหล่าซอมบี้มาอยู่ร่วมกับร่างสังขารมนุษย์แล้ว หรือยังอยู่ใน ขั้นตอน "รอเข้าร่างคนอยู่" หรือ "กำลังเลือก, กำลังหาอยู่" ก็ดี เขาก็ จะทำการ "อัพเกรดตัวเอง" ให้มีฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ไปอยู่ในพระ พุทธรูป, เทวรูป, เครื่องรางของขลัง, พระเครื่อง, รูปภาพ, หรืออะไรก็ ได้ที่รองรับ "พลังจิตของมนุษย์ได้" เช่น ไมค์ร้องเพลง ก็ดี ก็ได้นะครับ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ได้ครับ พวกเขาจะอาศัยเกาะอยู่ เพื่อรับพลังจิต ของคนทั้งหลาย ทั้งยังเสริมความหลงให้คนเช่น ใช้ฤทธิ์เดชทำให้คนมี เงิน, รวยขึ้น, ถูกหวยมากผิดปกติ ฯลฯ ก็จะก่อให้เกิด "วังวนแห่งความ เชื่อที่หลงผิด" เชื่อแล้วได้ เชื่อแล้วเป็นจริงก็ยิ่งเชื่อแล้วซอมบี้ที่อยู่เบื้อง หลัง ก็จะได้รับพลังจิตของคนไปเรื่อยๆ ต่อเนื่อง เลยกลายเป็นวังวนมืด ไปครับ มันจะมีลักษณะคล้าย "ธรรมจักร" แต่มันไปคนละทาง ให้ผลไป คนละอย่าง ธรรมจักรหมุนแล้วสว่างขึ้น แต่วังวนมืดหรือ "สวัสดิกะ" นั้น จะหมุนแล้วยิ่งมืด ยิ่งดำ "พลังแห่งความมืดหลง" ยิ่งเข้ามามากขึ้นครับ


การไถ่จิตวิญญาณมืดออกมาจากภาคมืด บางครั้งก็ต้องแลกด้วย...


ต่อไป ในกระบวนการไถ่จิตวิญญาณมืด ที่ถูกพันธนาการโดยภาคมืด นั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือมีปัญหากับภาคมืด (เช่น การปะทะ กัน) จึงใช้สันติวิธีเช่น การแลกเปลี่ยนด้วยอะไรบางอย่างยกตัวอย่าง เช่น พระเยซู ได้ใช้ชีวิตของท่านเอง เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนเพื่อไถ่เอา จิตวิญญาณบาป จิตวิญญาณมืดในยุคนั้น ออกไปจากพันธนาการซึ่ง ภาคมืด ต้องการแลกด้วยชีวิตของท่าน ให้ท่านตายไปจากโลกเพราะ ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็จะได้รับการยอมรับจากคนมากมาย จนจะทำให้ พวกเขาสิ้นอำนาจไป พระเยซูก็จะกลายเป็น "ผู้นำคนใหม่ในยุคนั้น" พวกภาคมืดต้องการมีอำนาจดังเดิม จึงให้ท่านตายบนไม้กางเขนเพื่อ ให้พ้นๆ ไปเสีย ผลจากการแลกเปลี่ยนครั้งนั้น ทำให้พระเยซูไถ่เอาจิต วิญญาณมืดมาได้มากมายเช่นกัน จึงกลายมาเป็นพระนามที่เรียกกัน ว่า "พระผู้ไถ่" ในอีกฐานะหนึ่ง ที่มาของพระนามนี้ ก็เป็นไปดังกล่าว


การไถ่จิตวิญญาณมืดออกมาจากภาคมืด โดยการแลกด้วยบุญของตน


สุดท้าย ก็คือ การไถ่จิตวิญญาณมืดอีกวิธีที่ดีกว่าการแลกด้วยชีวิตครับ ก็คือ การไถ่จิตวิญญาณบาป ด้วย "การแลกด้วยผลบุญ" ของเรา ถ้ามี มากนะครับ หรือไม่เราก็ทำบุญไปเรื่อยๆ ตุนไว้ เพื่อเป็นคลังบุญในการที่ เราจะเบิกมาใช้ในการ "ไถ่จิตวิญญาณบาป" ซึ่งจะมี "จิตวิญญาณมืด" ที่มาทำหน้าที่ "แลกเปลี่ยนกับเรา" อีกที ทั้งนี้ ถ้าจิตวิญญาณดวงนั้นๆ ไม่ได้ติดหนี้ภาคมืดมากเกินไป หรือทำงานใช้หนี้ภาคมืดมานานแล้ว ก็ จะมีโอกาสไถ่เขาได้มากขึ้น เมื่อไถ่เขาแล้ว เขาจะมาอยู่กับเราๆ ก็ต้อง ช่วยให้เขากำเนิดใหม่อีก ด้วยการชำระล้างจิตวิญญาณบาป นั่นเอง ที่ กล่าวเช่นนี้ ให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ ไม่ใช่การเอาน้ำมาล้างจริงๆ หรือถ้า คนที่มีพลังจิต, มีของทิพย์เป็นแจกันทิพย์ที่มีน้ำทิพย์ชำระจิตวิญญาณ ได้ ก็สามารถทำได้ด้วยการ "สมมุติเอาน้ำมาล้าง หรือรดน้ำมนต์ ก็ได้" อันนั้นได้เฉพาะท่านที่มีธรรมเอื้ออำนวยนะครับ ก็ใช้สมมุติทางโลก เช่น น้ำ ชำระล้างได้เลย ทำพอเป็นพิธี เท่านั้น สำคัญอยู่ที่ "ใจ-พลังจิต" ที่ อยู่ข้างในต่างหากครับ เอาละ เรื่องการไถ่ยังมีอีกมากมาย เอาไว้แค่นี้ก็ พอนะครับ ท่านใดมีประสบการณ์จริง ก็เชิญเล่า, แลกเปลี่ยนกันได้ครับ สวัสดีครับ ....


7 ต.ค. 2555

"เสียงจากนิรนาม"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment