ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ท่านต้องผ่าน "ตัวตนเทียม" ของเหล่าอัศวินแห่งแสงสว่างก่อนจึงจะได้พบของจริง?

สวัสดีครับ วันนี้ มีเรื่องง่ายๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ท่านอาจจะได้พบเจออย่างแน่นอน มาอธิบายกันแบบง่ายๆ จะได้มีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน คือ เรื่องของ "ตัวตนเทียม" ของเหล่าอัศวินแห่งแสงสว่าง ยกตัวอย่างเช่น พระสุริยเทพ ก็จะมี "ตัวตนเทียม" ของท่านที่เป็น "ภาคมืด" ซึ่งอยู่ใกล้กับมนุษย์เข้าถึงมนุษย์ได้ง่ายกว่า ให้มนุษย์ได้สัมผัสเป็นเบื้องต้น ก่อนที่จะได้สัมผัส "องค์จริง" ซึ่งยากแก่การเอื้อมถึงในภายหลังนะครับ เอาละ เข้าเรื่องกันเลย


เหล่าอัศวินแห่งแสงสว่างล้วนมีเงาหรือ "ตัวตนเทียม" จากภาคมืดทั้งนั้น


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ "สิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย" ต่างก็มี "เงา" หรือ "ตัวตนเทียม" ที่ปลอมตัวเป็นท่าน อยู่บนโลกทั้งสิ้น เพื่อรอทดสอบเหล่าผู้คนที่ต้องการเชื่อมต่อกับท่านเหล่านี้ พวกเขาจะคอยทดสอบความศรัทธาของท่านทั้งหลาย ก่อนเป็นเบื้องต้น ที่ท่านจะพร้อมที่จะสัมผัสกับของจริงหรือ "องค์จริง" ดังนั้น ท่านจึงต้องสอบผ่าน และแยะแยะของปลอมออกให้ได้ก่อน จึงจะได้พบของจริง และสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย ก็มีของเทียมนี้อยู่ด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาก็คือ "ภาคมืด" ที่คอยหลอกล่อให้คนออกจาก "ธรรม" หรือ "เส้นทางที่ถูกต้อง" นั่นเอง เมื่อท่านไม่หวั่นไหว ไม่ถูกยั่วยุให้ออกจากธรรม หรือเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ท่านจึงจะได้พบสิ่งศักดิสิทธิ์ที่แท้จริง ในลำดับต่อไป ดังนั้น บางครั้ง ท่านอาจได้พบ "ของเทียม" ก่อนและของเทียมก็ทำตัวได้เหมือนของจริงเลย ท่านต้อง "แยกแยะ" ออกให้ได้ว่า "ของเทียม" มีอะไรที่แตกต่างจาก "ของจริง" นั่นแหละ จึงผ่านได้



"ตัวตนเทียม" มี "แทบทุกอย่าง" ที่เหมือนตัวตนจริง ท่านจึงต้องระวัง?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ "ตัวตนเทียม" มีทุกอย่างที่แทบจะเหมือนตัวตนจริงเลย เช่น พระสุริยเทพภาคมืด จะมีแสงสว่างออกมาได้เหมือนองค์จริงทำให้ท่านสัมผัสพลังแสงสว่างนั้นได้ ทั้งยังมี "ธรรม" ไม่ต่างกันอีก อ้าวแล้วอย่างนี้ จะทราบได้อย่างไร? จะแยกแยะได้อย่างไร? นี่ละ ปัญหาซึ่งท่านจะต้องแก้เอง ผมขอยกตัวอย่าง เลยก็แล้วกัน "พระสุริยเทพ" องค์เทียม (ภาคมืด) จะมี "พลังมืดด้านหลัง" ของท่าน ท่านจะไม่ได้สว่างรอบทิศดังเดิมอีกแล้ว พลังแสงสว่างของท่านลดลง และถูกแทรกด้วยพลังมืด แต่ท่านย้ายไปไว้ทางด้านหลัง จึงหลอกปวงสัตว์ที่มาจากทางด้านหน้าได้ เอาละ ทีนี้ ท่านจะเช็คได้อย่างไรละ? แหม ไม่ใช่ของง่ายๆ เลย ดังนั้น ท่านจึงต้องมี "ปัญญาที่สว่างไสวโดยรอบ" ให้เหนือกว่าเขาให้ได้ ท่านก็จะได้ทราบเองว่าเขา "มีช่องว่าง-ช่องโหว่ที่ไหน?" เอาละ ถ้าเป็น "พระพุทธเจ้าองค์ปลอม" ละ ก็มีเหมือนกันนะ ท่านมีธรรมะที่ไม่ต่างจากไตรปิฎก เหมือนกันชนิดแยกไม่ออกเลยทีเดียว เอาละ ท่านต้องค้นหาเองละนะ ผมก็ขอยกตัวอย่างแค่ 1 ตัวอย่างก็พอ ที่เหลือท่านก็ค้นหาด้วยตัวเอง ก็แล้วกัน หลักสำคัญคือ "ท่านต้องมีธรรมไม่ต่างจากของจริง" เมื่อนั้น ท่านจึงจะทราบได้ว่า "อะไรเป็นของปลอม?" ก็เท่านั้นเอง



ภาคมืด ก็มีทุกอย่างที่ภาคสว่างมี แล้วอะไรละ ที่จะทำให้เราแยกแยะได้?


ต่อไปที่ท่านควรทราบ ก็คือ "ภาคมืด" พยายามเลียนแบบทุกอย่างที่ภาคสว่างมี และเขาก็ทำได้เหมือนมาก จนคนทั่วไปไม่อาจที่จะแยกแยะได้เลยยกตัวอย่างเช่น "พระนารายณ์" ก็มี "ลูซิเฟอร์" เป็นเงา เป็นตัวปลอม ซึ่งทำหน้าที่แทนบนโลก ทว่า "ท่านจะทราบได้ว่าเขาจริงหรือปลอม" ก็ต้องดูที่ "ยุคสมัย" คือพระนารายณ์จะทำหน้าที่ "ตามยุคของท่าน" ถ้ายังไม่ถึง "ยุคสมัยของท่าน" ท่านจะ "บรรทมศิลป์" อยู่ก่อนท่านจะไม่ออกมาทำกิจ"ข้อนี้คือจุดสังเกตุ" เอาละ ถามว่า "ยุคสมัยนี้ จนถึง พ.ศ. 5,000" จะมีพระนารายณ์ลงมาหรือไม่ คำตอบคือ "ก็คือ พระพุทธเจ้านั่นแหละ" ท่านจะทำหน้าที่จนครบ 5,000 ปี โดยไม่มีนารายณ์องค์อื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งนับเป็นยุคของนารายณ์องค์ที่ 9 ใช่ไหมละ องค์ต่อไปคือ "กัลกี" จะยังไม่มาตอนนี้ แต่จะมาหลังจากองค์ที่ 9 ทำกิจเสร็จแล้ว ข้ามไปอีกนาน ยกให้ท่านอื่นมาทำบ้าง เว้นวรรคยุคนารายณ์บ้าง จากนั้น นารายณ์องค์สุดท้ายคือ องค์ที่ 10 (กัลกี) จึงจะลงมาทำหน้าที่ "ในกัปนี้" จะมีพระนารายณ์ทั้งสิ้น 10 ปางเท่านี้เอง ทว่า กัปนี้ ยังเหลือเวลาของยุคพระศรีอาร์ฯ อีกนี่ลองคึดดูสิ กว่าจะ "ปิดกัป" อีกนานแค่ไหน? ถ้าท่านลงมาทำกิจก่อน มันก็ไม่เหลือองค์นารายณ์มาทำกิจในช่วงยุคของพระศรีอาร์ฯ กันพอดี ใช่มั้ยองค์สุดท้ายของกัปนี้ ก็เลย ยังไม่มาอีกนานมากนะครับ ส่วนท่านที่ทำกิจนี้ไม่ใช่ "ของจริง" อาจเป็นพลังภาคมืด (ลูซิเฟอร์) หรือพลังคลาสสิคเท่านั้น



ท่านต้องมี "ญาณหยั่งรู้ที่สูงทะลุชั้นสวรรค์" จึงจะหยั่งถึงของจริงได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ หากท่านยังไม่ญาณหยั่งรู้ไม่สูงพอ กำลังก็ไปไม่ถึงของจริงที่อยู่เบื้องบนได้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังญาณของอะไร เช่นกำลังญาณของตาทิพย์, หูทิพย์ ฯลฯ ทุกอย่างมีกำลังของมันเองในตัวเหมือนกล้องส่องทางไกล แต่ละตัว ก็มีกำลังในการส่อง ได้ไกลแค่ไหนเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อท่านไม่รู้กำลังญาณของตัวเอง ท่านอาจคิดไปว่าท่านได้เชื่อมต่อถึงองค์นั้น องค์นี้แล้ว ทว่า ไม่จริง ท่านก็แค่ถูกแทรกไปด้วย "ของปลอม" ที่อยู่บนภาคพื้นโลกเท่านั้นเองคือ ท่านถูกของเทียมแทรกเข้าแล้วแต่มันเหมือนจริงมาก จนท่านอาจจะคิดว่าเป็นของจริงไปเพราะกำลังญาณท่านสูงไม่พอ แต่ท่านฝืนที่จะเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิสิทธิ์ที่อยู่สูงเกินไป เกินกำลังของท่าน ขอยกตัวอย่างนะ ถ้าท่านจะเชื่อมต่อกับ "พระสยามเทวาธิราช" ท่านใช้กำลังญาณหยั่งไป สูงเพียงสวรรค์ชั้นที่สอง ก็พอ ถึงแล้ว แต่ถ้าท่านจะเชื่อมต่อกับพระอาทิตย์ยูไล อันนั้นท่านจะต้องผ่านพ้นสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นของโลกนี้ไปให้ได้ก่อน และแน่นอนว่าญาณของท่านจะพุ่งผ่าน "เหล่ามาร" และถูกทดสอบ โดยเหล่ามารอย่างแน่นอน ไม่อาจที่จะหนีได้พ้น ท่านต้องผ่านการทดสอบโดยเหล่ามารก่อน ท่านจึงจะเข้าถึงพระอาทิตย์ยูไลได้ ซึ่งมันไม่ใช่ของง่านเลยเมื่อญาณหยั่งรู้ท่านสูงมาก "พ้นโลก-เหนือโลก" แล้ว ท่านจึงหยั่งไปยัง "ต่างดาว" หรือ "โลกธาตุอื่นๆ" ได้ ท่านก็จะรับธรรมจากท่านอื่นที่อยู่ในดาวดวงอื่นได้ ซึ่งกว่าท่านจะ "ยกระดับตัวเอง" ถึงจุดนี้ได้ ก็ยากไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น ท่านไม่ควรฝืนเกินกำลัง หากท่านจะรับสารที่มาจาก "ต่างดาว" ก็ควรไต่ระดับไปทีละน้อย และตรวจเช็คให้ดีๆ ก่อน



ท่านต้องมี "จิตที่ละเอียดในการแยกพลังงาน" จึงจะรับของจริงได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ อีกวิธีที่จะทำให้ท่านได้รับพลังธรรมจาก"ต่างดาว" ได้ แต่ท่านไม่อาจใช้ญาณหยั่งไปได้ไกลขนาดนั้น ท่านก็สามารถ "รอรับอยู่บนภาคพื้นโลก" ก็ได้ แต่ท่านจะต้องมี "จิตใจที่ละเอียดอ่อนมากในการแยกแยะพลังงาน" เพราะพลังงานแทรกที่มาพร้อมกับพลังงานจากต่างดาว จะมีเยอะมาก ท่านจะได้รับพลังงานที่แทรกเข้ามาปลอมปนเยอะมาก จนท่านสับสนในข้อมูลที่ได้รับ และยังมีบางครั้งที่ข้อมูลขัดแย้งกันเองอีกด้วย เอาละ วิธีแรกคือ การใช้สมาธิเป็นกำลังสำคัญ ทำให้ญาณหยั่งรู้สูงขึ้น แต่วิธีที่สองนี้ เป็นการใช้ สติที่ละเอียดอ่อน ในการแยกแยะพลังงานต่างๆ ที่เข้ามาพร้อมๆ กัน และท่านจะไม่อาจห้ามพลังงานปลอมปน หรือแทรกเหล่านี้ได้เลย ต่างจากการใช้ญาณหยั่งรู้ หยั่งขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะญาณหยั่งรู้ที่พ้นโลก, เหนือโลกแล้ว เช่น ญาณหยั่งรู้ตั้งแต่ "พระโสดาบัน" ขึ้นไปนั้น พอจะพ้นโลก, เหนือโลกได้ แต่ก็ใช่ว่าพระโสดาบันทุกท่าน จะทำได้ เพราะส่วนใหญ่ท่านได้เข้าถึงธรรมเพราะอาศัยผู้อื่นช่วย ดังนั้น ท่านอาจจะไม่มีญาณหยั่งได้ด้วยตนเอง เอาละ สำหรับท่านที่มีญาณหยั่งได้ด้วยตนเอง ก็สามารถหยั่งขึ้นไปเหนือโลกได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ให้รอรับอยู่บนภาคพื้นโลก ซึ่งท่านจะต้องแยกแยะข้อมูลมากเลยทีเดียว



ใช้ "ของปลอม" เป็น "บันใดพื้นฐาน" ให้ท่านเชื่อมต่อกับของจริง?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ อีกวิธีหนึ่งที่ทรงประสิทธิภาพมากเพราะมันเอื้อต่อการทำหน้าที่ของคนที่ไม่ชำนาญนัก คือ การใช้ "ของปลอม" เป็น "บันไดพื้นฐาน" ในการก้าวไปสู่ "ของจริง" นั่น ท่านจะต้องใช้"ปัญญา" อย่างมาก ในการที่จะพิจารณาข้อมูลที่มาจากของปลอมไปก่อน แล้วจึงจะเชื่อมต่อ หรือตรงเข้าสู่ของจริง ได้ด้วย "ปัญญา" ของท่านเอง มันก็คือ "การใช้วิจารณญาณ" หรือการใช้ปัญญาในการแยกแยะความจริงเท็จออกจากกันให้ได้ เพราะ "ของปลอม" นั้นก็เหมือนของจริงมาก แต่จะมี "จุดเล็กๆ" เท่านั้นที่แตกต่างกันออกไปท่านจะต้องจับให้ได้ว่ามันคืออะไร จึงจะนำข้อมูลที่ได้จาก "ของเทียม" ไปใช้ได้ วิธีนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องมี "สมาธิ หรือ สติ" มากเหมือนสองวิธีแรก แต่ท่านจะต้องมี "ปัญญา" มากทีเดียว เพราะการใช้ข้อมูลซึ่งไม่ได้มีความจริง 100% นั้น ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าข้อมูลนั้นมีทั้งส่วนที่จริงและเท็จอยู่ปนกัน? วิธีนี้ จึงเหมาะกับผู้ที่มี ปัญญาพละ มากมากกว่าผู้ที่มีสมาธิพละ หรือสติพละมาก แตกต่างจากสองวิธีข้างต้น



"ศรัทธาที่แน่วแน่ตรงทาง" จะช่วยให้ท่านเชื่อมต่อตรงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายมากในคนที่มีความศรัทธาแน่วแน่ตรงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์จริงๆ คือ ท่านจะต้องใช้ "ความศรัทธาที่แน่วแน่ตรงทาง" ไม่เป๋ไปอื่นนั้น ในการเชื่อมต่อกับสิ่งศักดิสิทธิ์นั้นๆ ที่ท่านต้องการเชื่อมต่อด้วย ซึ่งระหว่างทางนั้น ท่านจะถูกดึงให้เป๋ไปทางอื่นๆ เยอะมาก และถ้าท่านไม่แน่วแน่ต่อสิ่งศักดิสิทธิ์จริงๆ ท่านก็จะถูกทำให้เป๋ออกไปผิดทิศ ผิดทางได้ ไม่ยากเลย เอาละ วิธีนี้ง่ายมาก เพราะว่าท่านไม่ต้องมีญาณหยั่งรู้สูงอะไรเลย ท่านไม่ต้องมีสมาธิมาก หรือมีสติที่ละเอียดอ่อนก็ได้ แต่ท่านต้องมีศรัทธาที่แท้จริง สิ่งศักดิสิทธิ์ก็จะมาโปรดท่านเอง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ในศาสนาใด เช่น ในยามที่ท่านกำลังจะอธิษฐานถึงพระเจ้า ก็ดี, หรือกำลังทำละหมาดอยู่ก็ดี ก็สามารถสำเร็จได้ด้วย "ความศรัทธา" นั้นๆ วิธีนี้ จึงนับว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่ใครๆ ก็ทำได้มากกว่าวิธีอื่น ขอเพียงท่านมี "ศรัทธาแน่วแน่ตรงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์" ก็พอ


ขอพลังของสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยเชื่อมต่อแสงธรรมถึงท่าน สวัสดี



20 ส.ค. 2555


"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment