ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ท่านจะได้รับบุญกรรมอย่างไร? เป็นไปตามบัญชีบุญกรรมซึ่งใครกันแน่ดูแล

สวัสดีครับ วันนี้ยังคงไต่ระดับไปเรื่องที่สูงขึ้นระดับวิทยาการต่างดาว ยังไม่ได้นะครับ เพราะยังมีหลายท่านยังตามไม่ทัน เอาละ ผมจึงต้องขอปูพื้นฐานเรื่องกรรมและระบบจัดการของเหล่าเทพฯ สักนิดหนึ่ง เพื่อให้ท่านเข้าใจครับ


บุญกรรมของมวลมนุษย์ตาม "ธรรมชาติ" และตาม "ระบบเทพจัดการ"


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ "บุญกรรม" ที่เกิดแก่มวลมนุษย์นั้นเป็นผลมาจากสองประการ เช่น มาโดยธรรมชาติ ซึ่งแบบนี้จะไม่มีระบบ และถ้าจัดการไม่ดี อาจกลายเป็นความยุ่งเหยิง หรือภาระกรรมที่แก้กันไม่จบ ก็ได้ เช่น คนที่ทำกรรมเลวและมีฤทธิ์มาก บางคนจะก่อกรรมไปเรื่อยๆ ด้วยไม่มีใครปราบได้ เขาจะมีกรรมสั่งสมมากเกินตัว จนไม่รู้ว่าจะได้นิพพานที่ยุคไหนได้เลยครับ เอาละ ดังนั้น เพื่อให้มีกระบวนการจัดการที่ดี สวรรค์ก็มีระบบการจัดการกรรมนะครับ ซึ่งดูแลโดย "สิ่งศักดิสิทธิ์" ผู้ดูแลมนุษย์ซึ่งท่านจะแยกกันดูแลครับ เช่น คนที่นับถือพระพุทธศาสนา จะมีพระยูไลดูแล คนที่นับถือพราหมณ์ฮินดูก็จะมีพระพรหมดูแลเรียกว่า "พรหมลิขิต" ในทีมของพระยูไลที่ดูแลระบบกรรมนั้นจะมีด้วยกัน 7 พระองค์ ที่เรียกว่า "ดาวเทพนพเคราะห์" นะครับ (ถ้าไม่เคยได้ยิน ก็นับว่าเชยมากนะครับ) เช่น พระอาทิตย์ยูไล, พระจันทร์ยูไล เป็นต้น ที่เขาสวดบูชาดาวเทพนพเคราะห์เพื่อให้เรามีเคราะห์ดีกันนั่นแหละครับ (ถ้าไม่รู้นับว่าล้าหลังมาก) ดังนั้น เรื่องที่มีเทพหรือสิ่งศักดิสิทธิ์ "ดูแลกรรมให้มนุษย์เป็นระบบ" นั้น จึงเป็นความจริงนะครับ ซึ่งบรรพบุรุษของเราท่านรู้และถ่ายทอดมานานแล้ว เราเป็นลูกหลานถ้าไม่รู้จริง ก็ไม่ควรไปลบหลู่ครับ (อาจโชคร้ายได้)



มนุษย์ที่บรรลุ "พุทธะ" สามารถถือ "บัญชีบุญกรรม" ของผู้อื่นได้?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ มนุษย์ที่บรรลุ "พุทธะ" แล้ว และยังไม่รีบนิพพาน นั้นสามารถนั่งแท่นตามรอยดาวเทพนพเคราะห์ทั้ง 7 องค์ได้ (ไม่ใช่องค์ปฐมฯ เป็นเป็นลำดับหลังๆ ตามๆ กันมา แต่ก็ทำหน้าที่ได้ครับ) ดังนั้น อาจมีมนุษย์บางคนที่ถือบัญชีบุญกรรมและทำกิจ "ดูแลระบบบุญกรรม" ของมวลมนุษย์ได้ "ส่วนหนึ่ง" เช่น ถ้ามีคนที่ไม่รีบนิพพานแล้วได้รับกรรมมาก มาหาเขา เขาอาจช่วยผ่อนปรนกรรมลงได้แต่ต้อง "เข้าระบบของเขาก่อนครับ" หมายความว่าท่านก็ต้องมี "บุญบารมี" ได้เป็น "สาวกของพุทธะองค์นั้นก่อน" ท่านจึงจะทำให้ได้นะครับ เพราะการกระทำนี้ จะต้องมี "บุญบารมีของผู้ทำรองรับผลให้ผู้ถูกกระทำ" แต่ก็มีบางท่าน ที่ได้บารมีระดับ "พรหม" ก็ทำได้ครับ (ซึ่งจะต่ำกว่าพระยูไล) คนที่ไปขอให้ทำ ก็จะขึ้นตรงที่คนผู้นั้น ยกบุญกรรมของตนให้ท่านั้นดูแล ก็จะขึ้นบัญชีบุญกรรมซึ่งตรงต่อคนผู้นั้น (ซึ่งมีบารมีชั้นพรหม) ท่านก็จะลิขิตให้ครับ นี่ละเขาเรียกว่า "พรหมลิขิต" มันทำกันได้ แต่คนทำ ก็ต้อง "มีบุญบารมีรองรับผลนั้นเองนะครับ" ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ไปทำกันเล่น มันจะเข้าตัวเอา



มนุษย์ที่บรรลุ "พุทธะ" สามารถปรับเปลี่ยนบุญกรรมลิขิตชีวิตคนอื่นได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ เมื่อมนุษย์ที่มี "อาญาสิทธิ์อาญาธรรม" ได้ถือ "บัญชีบุญกรรม" ของผู้อื่นแล้ว ด้วยอาญาสิทธิ์ แห่งพุทธะ ก็ดี, อาญาสิทธิ์แห่งพรหมลิขิต ก็ดี ฯลฯ ได้ถือเอา "มนุษย์ผู้หนึ่งเข้าไว้ในระบบซึ่งตนจะจัดการบุญกรรมให้" แล้วด้วย "พิธีขึ้นขันธ์ให้กัน" ก็ดี, หรือพิธีอื่นใด ก็ดี อันหมายความเป็นที่ยอมรับกันได้ว่า "รองรับให้แก่กันแล้ว" เขาก็สามารถ "ใช้อาญาสิทธิ์อาญาธรรม" นั้น ในการจัดการระบบบุญกรรมให้แก่กันได้ เช่น สมมุติว่า นาง ก. มีกรรมต้องเป็นหม้าย ทั้งชีวิตทว่า นาง ก. รับกรรมนี้ไม่ไหว (เพราะถ้าอยู่คนเดียวต่อไป จะเข้าสู่วิถีแห่งพระปัจเจกฯ ได้) ในกรณีนี้ เมื่อพิจารณาแล้ว ท่านฯ ก็อาจจะช่วยให้นาง ก. ไม่ต้องเป็นหม้าย ได้มีสามีได้ แต่ก็ต้องพิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้าด้วย (เพราะจะกระทบยาวไปทั้งหมด) ดังนั้น ท่านที่จะทำหน้าที่นี้ได้จึงต้องมี "ญาณหยั่งอดีต-อนาคต" ที่ค่อนข้างแม่นยำเพื่อจะประเมิณประมาณ ผลข้างหน้า ที่เกิดจากการแก้ไขกรรมในอดีตนั้นได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ไม่ได้ ก็หาไม่ครับ! ทว่า การที่ผู้บรรลุพุทธะแล้ว จะช่วยคนด้วยวิธีนี้นั้น ท่านก็ไม่ได้ช่วยกันง่ายนัก ยกตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าเองก็เคยช่วยคนผู้หนึ่ง ที่ได้รับคำทำนายว่าจะตายแล้วและกำลังป่วยใกล้ตายจริงๆ ท่านช่วยด้วยการให้ "สวดมนต์บทหนึ่ง" แล้วชายผู้นั้นก็รอดตายได้ อย่างนี้ก็มีได้ เป็นไปได้



ผู้ไม่มีอาญาสิทธิ์อาญาธรรม ทำเองแล้วมารและภาคมืดจะครอบงำได้?

ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ผู้ที่ไม่มีอาญาสิทธิ์อาญาธรรม ไม่อาจทำสิ่งนี้ได้ หรือแม้แต่ท่านที่มีอาญาสิทธิ์อาญาธรรมเองก็ดี บางท่าน ก็ไม่รับทำในกรณีที่ "กรรมมากเกิน" ซึ่งท่านจะทราบด้วยญาณของท่านเอง นั้นในกรณีที่ไปทำกันเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็อาจเป็นได้ เกิดได้ด้วยผลแห่ง "อำนาจลึกลับ-พลังพิเศษ" เช่น พลังอำนาจของภาคมารหรือภาคมืด ก็ดี ซึ่งจะนำมาซึ่งความวิบัติของผู้กระทำในท้ายที่สุด ดังนั้น การไปเปลี่ยนแปลงวิถีบุญกรรมของผู้อื่นจึงไม่ใช่ "ของเล่นๆ" ยกตัวอย่างเช่น การที่คนบางคนไปตั้งตนเป็น "อาจารย์ถ่ายทอดอนุตรธรรม" ซึ่งไม่ได้มี "บารมีธรรม" มากพอ แล้วไปรับคนอื่นเข้า ด้วยว่าจะช่วยให้คนๆ นั้นได้พ้น "ภัยพิบัติ" ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจารย์ที่รับไปนั้นก็รับไปเต็มๆ และยังมีหลายท่านที่เมื่อทำงานแบบนี้ไปถึงจุดหนึ่ง ก็ "ล้มป่วย" บางท่านตายก่อนอายุขัยของตน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ "ของเล่น" ที่ใครจะมาทำก็ได้ ขอเพียงแค่มี "เงินสร้างสถานธรรม" ของตัวเอง ก็ยกตัวเองเป็นอาจารย์ ผู้ถ่ายทอดอนุตรธรรมแล้ว ทั้งๆ ที่บารมีธรรมยังไม่มี ยังไม่เกิดเลย เอาละนี่เป็นแค่การเตือน แต่คงไม่มีประโยชน์แล้วเพราะยามนี้ ท่านทั้งหลายที่อยู่ใน "อนุตรธรรม" ได้ทำเช่นนั้น "ตั้งตัวเองเป็นอาจารย์" ด้วยบารมีธรรมยังไม่เกิด ยังไม่พร้อม แต่เพราะมีเงินตั้งสถานธรรมด้วยตนเองได้ เลยยกตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์และผลตามมาคือ "ภาคมืด-ภาคมาร" ก็เข้าแทรกทำให้ "ผู้มีบารมีธรรม" ที่แท้จริงไม่อาจเข้าถึง "ภารกิจ" ที่ตนควรทำได้



"วิถีอนุตรธรรม" มี "พุทธะจี้กง" คอยดูแลระบบกรรมให้แก่มวลมนุษย์


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ เบื้องบนได้ส่ง "วิถีอนุตรธรรม" ลงมาบนโลกเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ จาก "ภัยพิบัติทั้ง 10 ประการ" นั้น "ก็จริง" ทว่า เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดและปัญหาก็เกิดขึ้นมากเกินกว่าจะหาคนจัดการได้ โดยระบบเริ่มต้นนั้น "พุทธะจี้กง" คือพุทธะผู้มีบารมีถือบัญชี "บุญกรรมของมนุษย์ได้" ซึ่งท่านจะเข้าสู่ระบบของพระพุทธะจี้กงได้ก็ต้องไป "เข้าพิธีรับธรรมในอนุตรธรรม" ก่อน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกันว่าท่านได้ยอมให้บุญกรรมของท่านได้รับการจัดการโดยพุทธะจี้กงแล้วจึงจะไม่มีปัญหาในภายหลัง (ดังนั้น จึงต้องมีพิธีกรรมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ก่อน) และท่านจะได้รับการช่วยเหลือผ่อนปรนกรรม ให้ลดลง ก็จะพ้นจากภัยพิบัติทั้ง 10 ประการ "ได้บ้าง" ผ่อนหนักเป็นเบา ได้บ้าง ทว่า ก็ยังมี "ผู้มีบุญบารมีท่านอื่นๆ" อีกที่ทำเช่นนี้ได้เช่น ท่านที่ได้ "พุทธะ" แล้ว ก็ทำได้ ซึ่งอาจปรากฎในรูป "วิถีธรรมสายอื่นๆ" อีกก็ได้ นอกจากนี้ วิถีอนุตรธรรมนั้น ก็ถูกแทรกโดยภาคมารและภาคมืดไปมากไม่อาจทำกิจได้ตามวัตถุประสงค์ ด้วยสาเหตุจาก "ร่างสังขารอาจารย์" ผู้ถ่ายทอดธรรมไม่มีบารมีธรรมมากพอ จึงต้องใช้พลังภาคมืดภาคมารเข้าเสริมพลังตัวเองโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิด "ช่องว่าง-ช่องโหว่" ให้มารแทรกเข้าสู่วิถีอนุตรธรรมจนถึงทุกวันนี้ ผู้บรรลุธรรมจริงๆ "จึงหายาก" ที่เหลือก็เป็น "ผู้บรรลุธรรมจอมปลอม" ที่ต่างอุปโลกน์กันไปเอง ทั้งนั้น



อาจารย์ไม่มีธรรม แต่ผ่านพิธีอนุตรธรรมแล้ว ก็เข้าสู่ระบบท่านแล้ว!


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ท่านอาจจะสงสัยว่า ในเมื่ออาจารย์บางคนก็ไม่ได้มีบารมีธรรมจริงๆ เป็นแต่ "ร่างทรง-องค์แทน" กันทั้งนั้นแล้วจะสามารถช่วยคนให้พ้นจาก "ภัยพิบัติ" ได้จริงหรือ? คำตอบ ก็คือ ตัวเขานั้นไม่มีปัญญาอะไรจะไปช่วยใครได้ แม้แต่ตัวเองก็ช่วยไม่ได้แต่เพราะ "พิธีกรรม" นั้น ทำให้ "พุทธะจี้กง" รับผู้ทำพิธีเข้าสู่ระบบและดูแลจัดการให้เขาเองแล้ว นับว่าเขาได้เข้าสู่ระบบแล้ว แม้ว่าร่างทรง-องค์แทน หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมจะไม่มีบารมีธรรม ก็ตามและผู้ที่เข้าวิถีนี้ทั้งหมด ต้องบำเพ็ญบารมีด้วยจึงจะอยู่ใน "วงธรรม" ของพระพุทธะจี้กงได้ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีบุญบารมีจะได้อยู่ และจะไม่มีวิมานได้อยู่กับท่านที่สุขาวดี แต่จะเป็นสายธรรมที่ต่ำลงไป ทอดลงสู่สวรรค์ชั้นต่ำลงไปก็เท่านั้นเอง ทว่า ผมไม่ได้มาเพื่อสื่อวิถีอนุตรธรรมเท่านั้น ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างสักหนึ่งตัวอย่างเท่านั้น ที่ทำหน้าที่ในการ "จัดการกรรม" ของผู้อื่นได้ และช่วยให้ผู้อื่น "พ้นกรรมบางตัว" ได้เหมือนกัน เช่น กรรมที่ต้องได้รับภัยพิบัติ 10 ประการ เป็นต้น ทว่า ท่านยังไม่ "ทางเลือกอื่นๆ" อีกมากมายตามแต่ใจท่านจะเลือก ผมมิได้มีเจตนาจะให้ท่านเลือกทางหนึ่งทางใดเป็นการเฉพาะ เพราะผู้ที่มีบารมีธรรมได้มาเกิดมากมายเต็มไปหมด ท่านจึงสามารถเลือกได้เองเพราะ "ผู้มีบารมีธรรมบางท่านอาจไม่ได้มีสำนักใหญ่" หรือตั้งตัวเป็นอาจารย์ถ่ายทอดอะไรเลยก็ได้ สุดท้ายก็แล้วแต่ บุญวาสนา ก็แล้วกัน



ท่านที่ไม่รีบนิพพาน จะขอผ่อนปรนกรรมให้ชีวิตดีขึ้นในระบบใครก็ได้


ต่อไปที่ท่านควรทราบ คือ ถ้าท่านยังไม่รีบนิพพาน ท่านก็สามารถร้องขอต่อ "ผู้มีบารมีธรรม" เพื่อขอให้ท่านช่วย "ผ่อนปรนวิบากกรรมในชาตินี้" ให้ชาตินี้ของท่านดีขึ้น วิบากกรรมลดลงก็ได้ โดยท่านไปขึ้นตรงต่อ "ผู้มีบารมีธรรม" สักท่านหนึ่ง (มีหลายท่านๆ ก็เลือกเอาเอง) ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. หมดบุญแล้ว จึงล้มละลาย แถมมีหนี้ท่วมตัวเขาต้องการทำความดี ยังไม่รีบนิพพานจึงได้เข้าไปหาผู้มีบารมีธรรมร้องขอว่าถ้าเขาฟื้นตัวเองได้ เขาจะสร้างสถานธรรมให้และคอยเป็นผู้อุปถัมภ์สถานธรรมแห่งนั้น ในที่สุด ผู้มีบารมีธรรมก็รับรองให้เขา เขาก็กลับมาฟื้นตัวเองได้อีกครั้ง แต่บางคน ไม่ได้พึ่งผู้มีบารมีธรรม ในใจของเขาเรียกร้องขอให้ตัวเองพ้นจากวิบากกรรมนั้นๆ ให้ได้ "ภาคมืด" ก็มาช่วยเขา (โดยที่เขาไม่รู้ ไม่เห็น) โอเค เข้าพ้นจากวิบากกรรมนั้นมาได้ ทว่า เขาก็กลายเป็น "คนของภาคมืด" ไปเสียแล้ว เมื่อเขาตายลงจะไม่มีบัญชีชื่อได้เกิดเป็นมนุษย์อีกยาวนาน ต้องตกลงสู่ภพมืดเท่านั้น นี่เพราะเขาไม่รู้จักเลือก "ผู้มีบารมีธรรม" คิดว่าจะไปได้ด้วยตัวเอง เอาละ เดี๋ยวจะเครียดเกินไป ทำใจสบายๆ ทุกอย่างมีทางออก แต่จะหาทางออกทางไหน? อย่างไร? อันนี้ "ผู้มีปัญญากับผู้มืดหลง" ก็ต่างกัน


ขอพลังแห่งดาวเทพนพเคราะห์ จงปลุกท่านให้ตื่นจากความมืด สวัสดี



17 ส.ค. 2555


"เสียงจากดาวเทพฯ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment