ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ผู้มีบารมี "หลายตัวตน" จะแข่งขันกันบำเพ็ญบารมียิ่งยวดจนสะท้านโลก?

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องต่อเนื่องจากเมื่อวาน คือ เรื่องการบำเพ็ญบารมีของผู้มีบารมี พวกเขานี้ จะบำเพ็ญบารมีกันอย่างยิ่งยวดและเขาได้ลงมาหมดเลย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวตนใดในอดีตที่ได้สร้างตำนานวีรบุรุษมาพวกเขาก็จะลงมาเกิดใหม่อีกครั้งและการบำเพ็ญบารมียิ่งยวดของพวกเขานี่เอง ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนโลกได้ เอาละ วันนี้ เรามาคุยเรื่องนี้กันครับ


ผู้บำเพ็ญบารมี "ระดับสูง" ไม่จำเป็นต้องมีบริวารมากมาย ก็ได้


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ การเลื่อนระดับของผู้นำแต่ละท่านยิ่งเลื่อนระดับไปสูงขึ้น ก็จะยิ่งมี "ผู้ตาม" ที่ตามทัน ตามได้น้อยลงด้วย ตัวอย่างเช่น พระเยซูเอง ก็มีสาวกเหลือเพียงไม่กี่คน ถ้าเทียบกับบางลัทธิ, นิกายในปัจจุบัน มีสาวกบริวาร เยอะกว่ามากเพราะอะไร? สังเกตุพีรามิดนะครับ ยิ่งสูง ก็ยิ่งแคบลง คนที่อยู่ได้ในระดับบนด้วยกัน ยิ่งน้อยลง แต่เมื่อใดที่ท่านเสื่อมลง ระดับของท่าน "ตกลง" ท่านก็จะเที่ยวไขว่คว้าหาบริวารให้มากๆ เอามาเป็นพรรคพวกให้มาก เพื่อต่อสู้ แข่งขันกับคู่แข่งของท่าน เช่น การใช้ "มวลชน" จำนวนมากๆ มาประท้วงใส่เสื้อสีแดง, สีเหลือง เป็นต้น



เพราะไม่จำเป็นต้องมีบริวารมากมาย จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสาธารณชน


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ในเมื่อผู้บำเพ็ญบารมีระดับสูง ไม่จำเป็นต้องมี
บริวารมาก ท่านจึงไม่ต้องเป็น "สาธารณชน" ที่มีชื่อเสียงให้คนทั่วไปรู้จัก ก็ได้ ท่านอาจบำเพ็ญบารมีเงียบๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำที่มีตำแหน่งไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ, ประธารนาธิบดี, พระราชา, พระเจ้าจักรพรรดิอะไรทั้งนั้น แต่ท่านจะได้เชื่อมสายบุญบารมีกับ "บุคคลสำคัญ" ซึ่งพวกเขาอาจมีบริวารตามมาอีกมากมายในอนาคตชาติข้างหน้า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเชื่อมประสานกับพญามาราธิราชได้ ก็จะได้เชื่อมกับบริวารเหล่ามาร ซึ่งก็มากมายนัก รวมๆ แล้วก็ประมาณ 1 ใน 4 ของชาวสวรรค์เลยทีเดียว แต่ถ้าเชื่อมต่อกับหัวหน้าทั้งสี่เหล่าใหญ่ได้ ก็เท่ากับ 100% ในสวรรค์ ซึ่งในจำนวนนี้ กลุ่มที่พร้อมรับธรรม ก็มีอยู่มากมาย ในขณะที่ในนรกอาจมีปวงสัตว์มากกว่า ทำให้ผู้นำแห่งนรกดูเหมือนโด่งดังและเป็นที่รู้จักมากกว่าเพราะสัตว์นรกมีมากกว่า (ทว่า พวกเขาก็ไม่พร้อมรับธรรม) ดังนั้น การมีบริวารมาก จึงไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่ามีบารมีมากแต่อย่างใดเลย



"ผู้นำ" ผู้มีบารมีมาก จะเลือกโปรดสัตว์ในกลุ่มที่แตกต่างกันออกไป


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ "ผู้นำ-ผู้มีบารมี" ทั้งหลาย เลือกที่จะโปรด
สัตว์ในกลุ่มที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น บางท่านเลือกโปรดสัตว์ที่มีบุญน้อย มีกรรมมาก ในยุคสมัยของท่านก็จะมีแต่ความเสื่อม เพราะกรรมของสัตว์มวลรวมนั้นมีมาก แต่บุญมวลรวมมีน้อย แต่เพราะระหว่างได้บำเพ็ญบารมีมา ท่านเลือกแบบนี้เอง ท่านก็ได้แบบนี้ ในขณะที่ผู้นำอีกท่านอาจเลือกโปรดสัตว์ที่มีบุญมาก กรรมน้อย จำนวนน้อยกว่าจึงมีผลให้ "ยุคสมัยของท่านอุดมสมบูรณ์" และดีงามอย่างแท้จริง ท่านไม่บ้าอยากได้บริวารเยอะๆ แต่ท่านคัดกรองอย่างดี เพื่อให้ทุกคนที่ได้ร่วมในยุคสมัยของท่าน "ได้สิ่งที่ดีที่สุด" ก่อนจะนิพพานไป เช่น พระศรีอาร์ฯ ท่านก็เลือกโปรดสัตว์แบบนี้ ในขณะที่พระรามเจ้า เลือกเอาบริวารมากๆ เข้าไว้จะได้มีพวกมาก โด่งดัง อลังการ ท่านก็จะได้บริวารแบบนั้น แม้แต่พระสมณโคดมเลือกปวงสัตว์ที่ "มีปัญญา" ก่อน (แต่บุญน้อยมากกรรมเยอะ) ท่านก็จะได้ยุคสมัยที่ปวงสัตว์ฉลาดมาก มาเกิดแต่เป็น "ยุคเข็ญ" ไป เอาละ แล้วท่านละ เลือกแบบไหน? "เลือกแบบ แห่ตามๆ กัน อุ่นใจดีเหมือนตกนรก มีเพื่อนเยอะ แออัดดี อย่างนี้หรือเปล่า?" หรือว่าคัดเลือกอย่างดี เอาแต่ "เพชรเม็ดงาม" อันนั้น จะให้ผลต่อการเกิดในยุคต่างกัน



"ผู้นำ" ผู้มีบารมีมาก จะแข่งขันกันบำเพ็ญบารมียิ่งยวดสะท้านโลก


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ในยุคนี้ มีผู้มีบารมี-ผู้นำมาเกิดมากมายอยู่
ในหลายวงการด้วยกัน พวกเขาจะบำเพ็ญบารมีกัน จนสะท้านโลกทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่ท่านมองเห็นได้ หรือมองไม่เห็นก็ตาม นอกจากนี้ "ผู้นำที่ไม่อยู่ในฐานะผู้นำแล้ว" หรือผู้ที่สอบตกแล้ว ซึ่งอาจมีหลายตัวตน ก็จะต้องเลือก "อาศัยบารมีของผู้นำท่านอื่น" ไป ซึ่งในช่วงแรกพวกนี้จะ "ไม่ยอมก้นจำนนเป็นบริวารใคร" เลย เพราะเคยมีเคยเป็นผู้นำสูงสุดมาก่อน ทว่า พวกเขาจะไปไม่รอด และถูกเวรกรรมบีบให้ต้องขึ้นตรงต่อผู้นำท่านอื่น บางคนไม่ยอมเป็นบริวารพระศรีอาร์ฯ สุดท้ายต้องไปเป็นบริวารหางแถวของพระโพธิสัตว์องค์หลังๆ ท้ายๆ ก็มีเพราะ "ความถือตัว" นั่นเอง (ถ้ายอมแต่แรก ก็ได้ที่นั่งดีกว่าไปแล้ว) เอาละ ไม่มีใครผิด หรือถูกนะ ทุกคน "เลือกเอง" ทั้งนั้น ถ้าเลือกแล้วก็ต้องยอมรับผลของการเลือกของตนเองละ อย่าโวยวายทีหลังว่าทำไมตนบำเพ็ญบารมีมามากกว่าแต่ได้ตำแหน่งน้อยกว่า (บางทีคนที่มีบารมีน้อยกว่าเขามีศรัทธาตรง แล้วบำเพ็ญในตำแหน่งนั้นได้ดีแล้ว ทำให้คนที่มีบารมีมากกว่าก็ไม่อาจเข้าแทรกได้ ก็มี) เอาละ ผู้นำทั้งหลายนั้น จะบำเพ็ญบารมีแข่งกันยิ่งยวดเลยทีเดียว เพราะต่างคนต่างก็ไม่ยอมเป็นผู้ตามของใคร ต่างก็เชื่อว่าตัวดี มีดี ถือดีในตัวกันทั้งนั้น ดังนั้น จึงต้องปะทะกันรุนแรง และส่งผลต่อโลก จนสะท้านสะเทือนอย่างที่เป็นอยู่นั้น



จะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับ "ตำแหน่งของเทพสวรรค์" ครั้งใหญ่


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ในชาตินี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเทพ
สวรรค์ครั้งใหญ่ และผู้นำแต่ละท่านจะชิงชัยเพื่อตำแหน่งทางธรรมที่ต่างกันด้วย เพราะมีผลมากทีเดียวต่อการบำเพ็ญบารมีต่อไป บ้างเคยสูง กลับลงต่ำ ก็มี, บ้างเคยตกต่ำ ได้โอกาสเลื่อนไปสูง ก็มี เอาละ มันเป็นเช่นนี้เอง ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งกำลัง "หลงผลบุญเก่า" ที่ตนเคยทำเอาไว้ได้มากมาย กลายเป็นเศรษฐี, ผู้บริหาร, ผูนำองค์กร ฯลฯ ก็คิดว่าตนดีเลิศประเสริฐศรี เหนือใครแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวเองว่าเข้าทางมืดหรือไม่? ตายแล้วจะได้เกิดในสามภพอีกหรือกลายเป็นพวกภพมืดหรือไม่ ด้วยซ้ำไป เอาละ เขาก็เชื่อมั่นในตัวเขาเองมากเช่นนั้น แต่จะรู้ก็เมื่อตายไปแล้ว สายไปแล้ว อันนั้น ก็ช่วยไม่ได้ ว่ากันใหม่ชาติหน้า ก็แล้วกัน แต่สำหรับท่านที่ "ตื่นแจ้งระดับหนึ่งแล้ว" และยังไม่รีบนิพพานละก็ ผมขอบอกดังๆ ว่า "โอกาสทองที่ท่านรอคอยมาถึงแล้ว" เพราะคนที่เคยรั้งตำแหน่งดีๆ ทั้งหลาย "กำลังตกเก้าอี้" ขอรับ เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ, หน้าใหม่ๆ ได้เข้ามาทำหน้าที่บ้าง แหม มาเฉือนกันตรงชาตินี้เอง



"อริยทรัพย์" จะเปลี่ยนมือ ในขณะที่ผู้โง่เขลาจะหลงเอาแต่โลกทรัพย์ 


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ "อริยทรัพย์" และของทิพย์วิเศษ, พลังทิพย์ต่างๆ จะโยกย้ายเปลี่ยนมือไปตามควร คือ "ใครทำ ใครได้" ใครทำได้คนนั้นก็ได้ไปครอง ใครบำเพ็ญได้ คนนั้นก็ได้สิ่งนั้นไป ไม่เที่ยง ไม่อาจที่จะยึดได้ ดังนั้น "ของทิพย์วิเศษทั้งหลาย" จะเปลี่ยนแปลงไปตามการบำเพ็ญบารมีด้วย บางท่านในอดีตเคยได้ครอง แต่ปัจจุบันมัวลุ่มหลง ก็จะสูญเสียไปได้ง่าย ในขณะที่บางท่านอยากได้บ้างในอดีตไม่เคยได้ ก็อาจได้ในชาตินี้ "ถ้าบำเพ็ญบารมีได้สำเร็จ" ไม่อาจยึดได้ว่าเป็นของใครอนึ่ง "ทรัพย์ทางทิพย์" นั้นมีมากมาย และช่วยในการบำเพ็ญบารมีได้ดียิ่ง ได้มาก อันจะส่งผลมากต่อการบำเพ็ญบารมีทีเดียว ตัวอย่างเช่น คนที่มี "พีรามิดทิพย์" ก็จะรับพลังงานจักรวาลได้ดี ทำกิจด้านการรับการสื่อสารจากจักรวาลได้ดี แต่คนที่ไม่มี ก็จะทำไม่ได้ หรือทำแล้วก็ไม่ดีพอดังนั้น การมี "ของทิพย์" หรือ "อริยทรัพย์" ที่ดี จะช่วยกำหนดการทำหน้าที่ การบำเพ็ญบารมีของท่านได้มากทีเดียว และมันจะส่งผลต่อการได้รับ "ตำแหน่งทางธรรม" ของท่านอย่างยิ่ง ต่อไปในอนาคต อีกด้วย



แม้แต่ตำแหน่ง "พระพุทธเจ้า" องค์ใหม่ๆ ในอนาคต ก็จะเกิดขึ้นยุคนี้


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ แม้แต่ตำแหน่งพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ด้วย ถ้าท่านเคยได้ตำแหน่งที่ดีมาตลอด แต่ท่านมีแต่ใช้คนอื่นทำงานแทน ท่านทำตัวเป็นเจ้านาย ชี้นิ้วสั่งใช้เขาตลอด ก็จะมีบารมีน้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่ถูกสั่งใช้จะมีบารมีมากขึ้นเรื่อยๆจนล้น จนไม่อาจอยู่ใต้การบังคับบัญชาของท่านได้ สุดท้าย เขาอาจจะเลยข้ามท่านไป และได้ตำแหน่งทางธรรมที่ดีกว่าท่าน เอาละ ตำแหน่งพระพุทธเจ้า ก็จะมีเพิ่มมาใหม่อีกหลายองค์ด้วย (นิตยโพธิสัตว์) พวกเขาจะได้ใหม่ๆ หมาดๆ เลยหาทีมงานได้ยาก นั่นคือ "โอกาสทองของคนหน้าใหม่" ที่จะมาร่วมกันสร้าง ยุคสมัยใหม่ ของตนร่วมกัน นั่นเอง


ขอพลังแสงธรรมแห่งจักรวาล จงนำทางท่านให้พ้นความหลงโลก สวัสดี



12 ส.ค. 2555


"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment