ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ลูซิเฟอร์ดึงเทพ-ผู้คนสู่ภพมืดได้อย่างไร (ฟง-อวิ๋น-Frozen คือ ใครกันแน่?)

สวัสดีครับ วันนี้ เรามาคุยกันง่ายๆ สบายๆ เรื่องพื้นๆ คือ เรื่องที่ว่าลูซิเฟอร์ดึงเอาเทพและมนุษย์ลงสู่ภพมืดได้อย่างไร? และจิตวิญญาณผู้รับใช้สำคัญของเขาทั้งสามนั้นคือ ฟง-อวิ๋น-Frozen แท้แล้ว ตัวจริงของเขาคืออะไรกันแน่? เอาละ ฟังกันเล่นๆ เป็น "นิทาน" ก็แล้วกันนะครับ อย่าซีเรียสมาก!


กายที่แท้จริงของ ลูซิเฟอร์-ฟง-อวิ๋น-frozen คือ อะไรกันแน่?


ทั้ง 4 นี้ล้วนเคยเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์มาก่อนนะครับ แต่ด้วย
ทำผิดกฏสวรรค์แล้วหนีทัณฑ์สวรรค์มา จึงกลายเป็น "ซาตาน" ครับ เอาละ เขาทั้ง 4 นี้ เมื่ออยู่บนสวรรค์ คือ ท่านใดกันแน่ เริ่มจากท่านแรก ลูซิเฟอร์ เดิมก็คือ "พระนารายณ์องค์หนึ่ง" ครับแต่เพราะแอบกิน "ผลไม้แห่งการหยั่งรู้เข้าไป" ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของสวรรค์ เขาจึงรู้เรื่องอะไรมากมาย แม้แต่ด้านที่ไม่ดีนักของ "พระเจ้า" นะครับ เขาก็เลยเลิกศรัทธาพระเจ้า และกลายเป็นซาตาน ตามมาด้วย บุตรของเขา คือ พระกามเทพองค์หนึ่งเดิมเกิดความรักกับพระเทวีองค์หนึ่งซึ่งมีศักติที่สูงกว่าจึงอกหักแล้วเกิดภาวะเยือกเย็นภายใน ไม่รักใครอีกเลย ท่านอยู่เหนือรักและใช้ความรักเป็นอาวุธเล่นงานผู้คนทั้งหลายกลายเป็นซาตานไป ตามมาด้วย "มารเคลื่อนย้ายบุญกรรม" เขากลายเป็นซาตานผู้รับใช้ของลูซิเฟอร์ ที่ผมเรียกชื่อเล่นๆ ว่า "ฟง" ตามมาด้วยมารอีกตนคือ "มัจจุราชมาร" กลายเป็นซาตาน ผมเรียกเขาว่า "อวิ๋น" เอาละ เมื่อท่านรู้จักซาตานที่สำคัญถึงสี่ตนแล้ว ผมจะได้เล่าต่อไป



วิธีการดึงคนสู่ภพมืดสไตล์ "ลูซิเฟอร์" นั้น ทำกันอย่างไร?


ที่นี้เรามาลองดูวิธีการดึงคนและเทพลงสู่ภพมืดของตัวละครแรกของเรา คือ ลูซิเฟอร์ ... ลั้ลลา ดูสิว่าเขาจะมีวิธีดึงคนลงสู่ภพมืดอย่างไร? อ่า ไม่ยากเลยครับ คนไหนก็แล้วแต่ที่มีจิตอยากได้ มีกิเลส แค่คิดเท่านั้นเองครับ เช่น คิดว่าอยากสร้างวัดจัง แค่เนี้ยแหละ ลูซิเฟอร์ก็จะมาทำให้โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมบวงสรวงหรือบนบานอะไรเลยหรือจะมีพิธีกรรมบนบานก็ได้ แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น ที่สำคัญมันอยู่ที่ "ท่านมีอะไรดีในตัว" ที่มีค่าพอที่เขาจะสนใจหรือเปล่า? เช่น มีจิตวิญญาณที่มีพลังอำนาจมากๆ มีฤทธิ์มากๆ หรือมีบารมีมากๆ เขาก็จะต้องการมากครับ เพราะสิ่งที่ลูซิเฟอร์ต้องการมากที่สุดในโลกนี้ ก็คือ "พระวิญญาณศักดิสิทธิ์" เขามีจิตหยั่งรู้เพราะกินผลไม้แห่งการหยั่งรู้เข้าไป จึงรู้ว่าการได้รับพระวิญญาณศักดิสิทธิ์จะทำให้เขากลับคืนสู่สวรรค์ได้ครับ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร อยู่ที่มนุษย์คนไหน เขาจึงหาไปเรื่อยๆ ดึงวิญญาณคนมาเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่พบสักทีครับ นั่นแหละ เหตุที่เขาต้องการวิญญาณมนุษย์! ซึ่งเขาจะให้พรหรือให้คนๆ นั้นได้ดังใจต้องการก่อน แล้วเขาก็จะแลกเอาวิญญาณของคนๆ นั้นไปเป็นค่าตอบแทนนั่นเองครับ



วิธีการดึงคนสู่ภพมืดสไตล์ "ฟง" นั้น ทำกันอย่างไร?


ที่นี้เรามาลองดูวิธีการดึงคนและเทพลงสู่ภพมืดของตัวละครตัวที่สองของเรา คือ "ฟง" กันบ้างนะครับ เอาละ ฟงก็เคยเป็นพญามารตนหนึ่งในสวรรค์ชั้นที่หกนะครับแต่เขาไม่ได้มีอำนาจสูงสุด แต่มีฤทธิ์ไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเขามีวิชามารประหลาด เคลื่อนย้ายพลังงานต่างมิติได้ทุกชนิดไม่เว้นแม้แต่บุญกรรมนะครับ เขาสามารถย้ายพลังบุญของคนๆ หนึ่งไปให้คนอีกคนหนึ่งได้ เขาจึงสามารถแลกเปลี่ยนอะไรกับคนได้มากมาย ตามที่คนร้องขอเลยครับ เช่น คนๆ หนึ่งอยากสวยหรือหล่อในชาตินี้ ก็จะร้องขอเขา เขาก็จะทำให้ได้เลยครับ (แต่สุดท้าย คนๆ นั้นต้องสูญเสียอะไรบางอย่างให้เขานะครับ อาจจะไม่ใช่จิตวิญญาณ เช่น ต้องยอมแลกกับบุญอย่างอื่นแทน) ฟงจึงเชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองและการแลกเปลี่ยน มีพลังในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทุนนิยมมากเลย ซึ่งเขาสามารถทำให้ทุกอย่างที่คนต้องการ กลายเป็นสินค้าได้ครับ อะไรละที่คุณต้องการแล้วไม่มีขาย? เขาทำให้มันมีได้เลยครับ วิเศษมั้ยละ? ดังนั้น พลังของฟงจึงมีผลมากกับคนที่มี "ความโลภ" นะครับ (กิเลสอื่น เขาไม่นิยมเล่น)



วิธีการดึงคนสู่ภพมืดสไตล์ "อวิ๋น" ละ ทำกันอย่างไร?


ตัวละครตัวต่อไปของเรา คือ "อวิ๋น" หรือก็คือ มัจจุราชมาร นั่นเอง เขาก็คือ พญามารตนหนึ่งในสวรรค์ชั้นที่หกซึ่งสามารถแปลงกายให้เป็นพระยามัจจุราชได้แต่ไม่ใช่พระยามัจจุราชองค์จริง ซึ่งเป็นแค่ เทพสวรรค์ชั้นที่หนึ่งนะครับ ทีนี้ วิธีการของอวิ๋นมีหลายวิธีครับ เช่น ทำให้คนนึกว่าถึงคราวตายแล้ว จึงร้องขอว่าอย่าให้ฉันตายเลย ก็จะตกอยู่ใต้อำนาจของเขาครับ คือ เขาจะช่วยให้ไม่ตายแต่จะต้องทำงานรับใช้เขา เช่น กลายเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย อะไรแบบนั้น (ซึ่งสุดท้าย ก็ต้องตายอยู่ดี) หรือบ้างก็ถูกสั่งให้ใช้พลังจิตทำร้ายคน ฆ่าคนเยอะๆ ครับ เพราะนี่คือ สิ่งที่มัจจุราชมารต้องการ เขาต้องการให้คนตายไปซะ และทำลายล้างระบบ ระบอบทุกอย่างครับ เพราะเขามี "ความอาฆาตสูง" จริงๆ นอกจากนี้ เขาก็ให้พลังพิเศษหรือของทิพย์วิเศษ แก่คนที่มี "ความอาฆาตแค้น" ให้ไปแก้แค้นคู่อริของตนแล้วต้องแลกด้วยการเป็นทาสของเขาศรัทธาเขาแต่ผู้เดียวครับ เขาจึงถนัดจะใช้ความโกรธแค้นและความหวาดกลัว (กลัวตาย) ของคนเป็นเครื่องมือครับ



วิธีการดึงคนสู่ภพมืดสไตล์ "Frozen" ละ ทำกันอย่างไร?


ตัวละครตัวต่อไปของเรา คือ "Frozen" หรือก็คือ กามเทพภาคมืด ซี่งตกสวรรค์แล้ว นั่นเอง แหม ไม่ยากเลย ชื่อก็บอกชัดเจนว่าเป็นกามเทพ เขาเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก มีอำนาจอยู่เหนือความรัก และใช้ความรัก ความหลง ของคนและเทพเป็นเครื่องมือครับ ทว่า เดิมที่เขาเป็นเทพสวรรค์เขาจะมีบัญชีสวรรค์ ไว้ดูว่าใครจะคู่กับใคร นะครับ แต่เมื่อเขาไม่ได้ทำงานบนสวรรค์แล้ว เขาจะไม่ทราบเลยว่าใครควรคู่กับใคร? เขาจึงใช้พลังอำนาจแห่งกามเทพ ไปในทางที่ตัวเองต้องการ ไม่สนว่าใครจะได้รับผลอย่างไร ที่สำคัญคือ เขาจะจับคู่ให้คนที่ไม่มีทางเป็นไปได้ หรือคนที่ไม่ควรรักกัน เพราะผิดประเพณีฯ เช่นเป็นเพศเดียวกัน, คนกับสัตว์, คนกับอมนุษย์, ลูกกับแม่ ฯลฯ เป็นต้น เพื่ออะไรละ? ก็เพื่อให้คนทำผิดประเวณีไงละ พอมีคนหรือเทพทำผิดประเวณีแล้ว เขาผู้นั้นก็จะกลายสภาพเป็นพวกของภาคมืด หรือบริวารซาตานในที่สุด เห็นหรือยังว่าเขามีวิธีลากคนลงสู่ภพมืดนี้ได้อย่างแนบเนียนได้อย่างไร? ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยละ! นอกจากนี้ ด้วยความที่เขามีพลังภายในเป็นธาตุน้ำแข็งทำให้เขาใจเย็นจนเลือดเย็น รักใครไม่เป็น แต่ทำให้คนอื่นรักได้มากมาย กลายเป็นทาสของความรักของเขาไป แล้วก็ยังเป็นคนที่ฉลาดมีปัญญามาก เท่าทันเล่ห์กลของคนอื่นอีกด้วย 



เทพสวรรค์ที่แท้จะมีบัญชีสวรรค์และทำงานตามบัญชีนั้นๆ


สิ่งที่ท่านควรทราบอีกประการหนึ่งคือ เทพสวรรค์ที่แท้จริงเขาจะมี "บัญชีสวรรค์" เพื่อใช้ในการทำงานของเขาครับเช่น เทพแห่งโชคลาภ ก็จะมีบัญชีแห่งโชคลาภ เพื่อมอบโชคลาภให้คนที่ควรได้ตามบัญชีสวรรค์นั้นๆ ครับ สำหรับ "ซาตาน" หรือเทพที่ตกสวรรค์แล้ว จะไม่มีบัญชีสวรรค์นี้พวกเขาจึงทำงานตามใจตัวเอง หรือทำอย่างที่ตัวเองคิดโดยไม่สนใจว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ สวรรค์มีบัญชาอย่างไร อนึ่ง ท่านต้องทราบอีกนิดหนึ่งว่า "พระโพธิสัตว์" จะมี "บารมี" ที่จะคิดเองทำเองในสิ่งต่างๆ ได้ตามควรแต่เทพจะไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น เพราะไม่มีบารมีมากพอจะรับผิดชอบผลที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ นอกจากนี้ "พุทธะ" ไม่ต้องมีบัญชีสวรรค์ก็ได้ สามารถสั่งงานพระโพธิสัตว์ได้เลยเพราะมี "ญาณหยั่งรู้ได้ด้วยตนเองแล้ว" นี่คือ ข้อต่างครับด้วยเหตุนี้ "ซาตานหรือภาคมืด" จึงมักไปอาศัย "ร่มบารมีของพระโพธิสัตว์หรือองค์พุทธะ" เพื่อทำกิจต่างๆ เพราะไม่มีบัญชีสวรรค์อยู่ในมือ ต้องทำงานตามรับสั่ง ของท่านเหล่านี้จึงจะไม่เกิดปัญหาหรือถ้าเกิดปัญหาก็มีผู้รับรองผลให้ครับ



คนส่วนใหญ่ มักไม่มีความ "อดทนรอ" ที่จะรับบุญจากเทพสวรรค์


สิ่งที่ท่านควรทราบอีกประการหนึ่งคือคนบนโลกจำนวนมากที่เสวยผลบุญกันอยู่นั้น พวกเขากำลังเสวยผลบุญมากเกินไปผิดเวลาและมีสภาพไม่ต่างจาก "ชูชก" กล่าวคือพวกเขาเสวยผลบุญเกินกำลังและกำลังถูกภาคมืดครอบงำลงสู่ภพมืดไป พวกเขาไม่มีความอดทนที่จะรอ "เทพสวรรค์" มามอบผลบุญให้ เช่น เทพแห่งโชคลาภยังไม่ทันมาถึง เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ "ซาตานแห่งโชคลาภ" ก็มาถึงคนผู้นั้นๆ ก็รับโชคลาภจากซาตานไปเสียก่อนแล้ว พวกเขาคิดว่ามันคือโชคดีจริงๆ, เป็นผลบุญของเขา ที่แท้จริงบ้าง ฯลฯ แท้แล้ว ไม่ใช่เลยผมจะบอกวิธีสังเกตุให้นะว่าอะไรคือ "บุญที่แท้จริง" อะไรคือบุญจอมปลอม ยกตัวอย่างเช่น คนๆ หนึ่งอยู่เฉยๆ ได้รับโชคลาภโดยญาติเสียเขาจึงต้องได้รับมรดกไป โดยที่ยังไม่ได้ก่อกรรมอะไรเลย แบบนี้ ก็คือ "บุญ" ครับ มันออกผลมาเอง โดยเขาไม่ได้ก่อกรรมอะไรเลย ทว่า คนอีกคนหนึ่ง เอาเงินไปแทงหวย ก่อกรรมเล่นพนัน แล้วก็ได้เงินจากหวยมา แบบนี้ไม่เรียกว่า "ผลบุญ" ครับ มันคือ "ผลกรรม" ที่ทำขึ้นในชาติปัจจุบันนี้ โอเค? พอเห็นอะไรแล้วบ้างหรือยัง? ว่าคนปัจจุบันไม่ได้มีบุญเยอะกันจริง อย่างที่พวกเขาได้รับ แต่พวกเขาได้ก่อกรรมปัจจุบันขึ้นมามากมาย เพื่อให้พวกเขาได้มี, ได้เป็น อย่างที่พวกเขาได้รับอยู่ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จทางโลกทั้งหลายของมนุษย์นั้นก็คือ "ซาตาน" ไงครับ



โอเค? ลั้ลลาๆ อย่าเพิ่งซีเรียสเกินไปนะครับ บอกแล้วว่าเล่าให้ฟังกันเล่นๆ เป็นนิทานก็เท่านั้นเองครับ ทำใจเบาๆ สบายๆ อย่าคิดอะไรมาก ปล่อยให้ธรรมชาติทำหน้าที่มั่งอย่าทำเองไปซะหมด เรื่องที่เล่าให้ฟังมานี้ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ใหม่อะไรสำหรับโลกใบนี้นะครับ มันมีมานานแล้ว และก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีกิเลสที่ถมไม่เต็มเสียที เรียกว่าเรื่องเก่า เอามาเล่าให้คนกลุ่มใหม่ ฟัง "คนข้างบน" เขารู้กันมาตั้งนานแล้ว ดังนั้น ก็ไม่ต้องไปตกอกตกใจอะไร ฟังแค่พอรู้ ไม่ต้องถึงกับหลงไปนะครับ


ขอพลังแห่งขั้วบวกช่วยให้คุณพอใจสิ่งที่คุณมีอยู่ สวัสดี



21 ก.ค. 2555


"เสียงจากดาวไซย่า"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment