ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

วิทยาการ "การอยู่เหนือสามภพและกฏแห่งกรรม" ของชาวต่างดาว

สวัสดีครับ วันนี้ เราจะเหินฟ้าไต่ระดับสู่วิทยาการระดับสูงกันแล้วนะครับ คือ วิทยาการของชาวต่างดาว ซึ่งเข้าใจในหลักสัจธรรมพื้นฐานแล้ว แต่ยังหาวิธีที่จะดำรงอยู่ต่อ โดยไม่รีบนิพพานซึ่งมีมากมายหลายวิธีมาก ผมจะค่อยเล่าไปครับ เพราะมันเป็นระดับที่สูงมากหากท่านไม่ชำนาญหรือพื้นฐานยังไม่ได้ ก็ต้องระวังในการไต่ระดับ ตามผมมานะครับ เอาละ เชิญทัศนาได้เลยครับ


"การอยู่เหนือสามภพและกฏแห่งกรรม" ที่ไม่ใช่แบบมารหรือภาคมืด?


อย่างแรกที่คุณควรเข้าใจก่อนคือ หากคุณมีปัญญาและเข้าใจในหลักการของสัจธรรมสากลแห่งจักรวาลได้ คุณก็สามารถใช้ปัญญานั้นในการดำรงอยู่ในแบบที่ต่างกันได้ ซึ่งมันไม่ใช่การผิดกฏหรือฝืนกฏแห่งกรรม แต่เป็นการอยู่เหนือมันนั่นเอง เช่น ท่านที่ทราบแล้วว่าการทำดีก็ต้องได้ดี ทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว บางท่านจึงเลือกทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว แบบนี้ ทำให้พวกเขากำหนดอนาคต ของพวกเขาเองได้ และยังไม่นิพพาน เพราะพวกเขาเลือกที่จะมีอนาคตที่ดีงาม จึงเลือกทำแต่สิ่งที่ดีงาม และละเว้นจากความชั่ว พวกเขาไม่ได้หยุดสร้างบุญ หรือความดีก็จะได้บุญนั้นสืบชาติภพต่อไป เอาละ นี่คือ ความเข้าใจเบื้องต้นที่ท่านจะต้องทราบก่อนที่จะอ่านข้อมูลในรายละเอียดระดับที่ลึกและสูงขึ้นต่อไปว่าสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ไม่ใช่การเป็นมิจฉาทิฐิ, ไม่ใช่วิทยาการของมาร ไม่ใช่การอยู่นอกสามภพแบบภาคมืด แต่เป็นวิทยาการที่สูงกว่านั้นคือ วิทยาการของชาวต่างดาวที่สูงกว่าสัจธรรมพื้นฐานจริงๆ ไม่เป็นอื่น



"พลังแห่งแสงสว่าง" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "มนุษย์ดวงอาทิตย์"


ต่อไปคือ วิทยาการแรกที่ผมจะขอนำเสนอ คือ วิทยาการของชาวต่างดาวที่มาจากดวงอาทิตย์ พวกเขาสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้โดยไม่ต้อง "ปล่อยไปตามกรรม" แล้วนั่งรอรับผลของมัน โดยที่ตนเองไม่อาจทำอะไรได้เลย อย่างนั้น ก็หาไม่ เพราะพวกเขามีวิทยาการที่ล้ำหน้ามากที่จะกำหนดอนาคตของตัวเองให้ "สว่างสดใส" อยู่เสมอ ด้วยการทำให้ตัวเองมีพลังแสงที่สว่างไสวโดยรอบอยู่ตลอด และผลจากการทำได้เช่นนั้น ก็ทำให้พวกเขาได้รับแต่พลังด้านสว่างเสมอ พวกเขาจึงมีแต่ความสุขสว่าง ไม่ต้องพบกับความทุกข์, ความมืดมนเลย แม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ เรียบง่ายไม่ได้มีชีวิตที่วุ่นวายซับซ้อนอะไรมาก ไม่ได้ร่ำรวยอลังการมากมายนักแต่พวกเขาก็มีแต่ความสว่างไสวอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องพบกับความทุกข์ความมืดมนเลย ซึ่งมนุษย์โลกก็สามารถรับวิทยาการของพวกเขานี้ ไปใช้กำจัดความทุกข์ ความมืดมน ของตนเองได้ แต่มนุษย์จะไม่อาจทำได้อย่างพวกเขาแบบ 100% เราอาจทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่เที่ยง เป็นบางครั้งเท่านั้น



"พลังแห่งขั้วบวก" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "มนุษย์จากดาวไซย่า"


ต่อไปคือ วิทยาการการกำหนดอนาคตตัวเองแบบชาวไซย่า ซึ่งพวกเขาจะใช้หลักการสร้างพลังขั้วบวกขึ้นมา พลังขั้วบวกแตกต่างจากพลังแห่งแสงสว่าง แต่มันก็สว่างได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มากเท่า และไม่ร้อนแบบพลังจากชาวดวงอาทิตย์ ก็เท่านั้น พลังขั้วบวกมีลักษณะเหมือนประจุไฟฟ้าคือ ไฟฟ้าขั้วบวกหรือแม่เหล็กขั้วบวก มันไม่มีความร้อนหรือความเย็นมันเป็นกลางด้านอุณหภูมิ แต่มันไม่เป็นกลางทางไฟฟ้า เพราะมันเลือกมีแต่ขั้วบวกหรือประจุบวกเท่านั้น ทว่า ผลจากการทำเช่นนี้ ทำให้พวกเขามี "พลังดึงดูด" สูง และมันก็จะช่วยดึงดูดสิ่งที่เป็นบวกหรือสิ่งดีๆ เข้ามาหาพวกเขา ทำให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างมีความสุข และยังไม่ได้นิพพาน เพราะการเลือกขั้วเลือกข้างอย่างนี้ นั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังทำให้เกิดการไหลเวียนของประจุไฟฟ้าและทำให้เกิดพลังงานจำนวนมากขึ้นได้ด้วย ด้วยวิทยาการนี้ มนุษย์โลกก็ได้รับมาด้วยเช่นในงานขายตรง ก็มักถ่ายทอดวิทยาการนี้เพื่อใช้ในการดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอๆ นอกนี้ ชาวไซย่ายังมีการ "ฟื้นฟูพลังขั้วบวก" ของพวกเขาเองได้เสมอ เมื่อเขาใช้พลังขั้วบวกออกไปมากๆ ปล่อยพลังงานออกไปมากๆ พลังภายในก็จะลดลง พวกเขาจึงต้องเพิ่มพลังเติมคืนส่วนลดนั้น โดยไม่ได้ใช้การดูดซับมาจากใคร แต่พวกเขาใช้หลักการ "กระตุ้นฟื้นฟูจากภายใน" ของพวกเขาได้เองทำให้พลังของพวกเขาเหมือนไม่ได้ลดลงเลย พวกเขาจึงสร้างประจุไฟฟ้าขั้วบวกได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำตามได้แต่ไม่ถึง 100%



"พลังแห่งการเลือกรับ" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "มนุษย์ดวงจันทร์"


ต่อไปคือ วิทยาการของชาวต่างดาวที่มาจากโลกพระจันทร์ พวกเขาจะมีความเป็นเลิศด้าน "การเลือกรับ" ถ้าเทียบกับชาวดวงอาทิตย์แล้ว พวกนี้ก็คือ "ฝ่ายรับ" ในขณะที่ชาวดวงอาทิตย์จะเป็นฝ่ายรุก (ปล่อยพลังงาน) ชาวดวงจันทร์จะฉลาดและเป็นเลิศในการเลือกรับซึ่งพวกเขาจะรับแต่พลังงานด้านสว่าง โดยเฉพาะพลังงานจากดวงอาทิตย์ ทำให้พวกเขา ซึ่งไม่มีแสงสว่างได้ด้วยตัวเอง กลับกลายเป็นผู้มีแสงสว่างได้ พวกเขาจึงไม่ต้องเหนื่อยยากสร้างพลังงานด้านสว่างหรือขั้วบวกขึ้นมาเองแต่พวกเขาจะใช้การเลือกรับหรือเรียนรู้จากผู้อื่น แล้วใช้วิทยาการที่ดีเลิศนั้นๆ สะท้อนกลับไป ทำให้พวกเขาดูเหมือนมีพลังด้านสว่าง หรือพลังด้านดีอื่นๆ ได้ ด้วยวิธีนี้ นั่นเอง ผลจากการที่พวกเขาทำแบบนี้ ทำให้พวกเขา ยังชำระพลังงานเก่าไม่หมด และยังไม่อาจนิพพานได้ แต่พวกเขาจะดำรงอยู่ในจักรวาลนี้อย่างมีความสุขเพราะพวกเขา "ฉลาดในการเลือกรับ" นั่นเอง ซึ่งมนุษย์สามารถรับวิทยาการนี้ได้ใช้ได้ แต่จะไม่อาจทำได้อย่างพวกเขา 100% นอกจากนี้ พวกเขายังเก่งในการสะท้อนกลับ สิ่งที่ไม่ดี, ไม่งาม พลังด้านมืด พลังงานด้านลบทั้งหลายอีกด้วย ทำให้พวกเขาไม่ต้องรับสิ่งที่ไม่ดีไม่งามเหล่านั้น พวกเขาจึงกำหนดอนาคตที่ดีงามของตัวเองได้ด้วยวิธีการนี้



"พลังแห่งการฝึกจิต" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "มนุษย์ดาวพฤหัส"


ต่อไปคือ วิทยาการของชาวต่างดาวที่มาจากดาวพฤหัสฯ (หรือดาวฤษี) พวกเขามีวิทยาการสำคัญคือ การฝึกจิตต่างๆ ตามแบบของผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่วิทยาการของพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้เป็นต้นธาตุ ต้นธรรม หรือคนต้นคิดริเริ่มก็ได้ พวกเขาลงมาศึกษาวิทยาการของผู้อื่นและฝึกฝนปฏิบัติทางจิต ที่เรียกว่า "การฝึกจิตแบบต่างๆ" ดังนั้น พวกเขาจึงยังไม่อาจจะนิพพานได้ เพราะพวกเขาจะวนเวียนอยู่กับการฝึกจิตที่ไม่มีจุดสิ้นสุดเสียที แม้พวกเขาจะฝึกจิตได้ผลแล้ว พวกเขาก็ยังฝึกต่อไป เพราะการฝึกนั้นจึงทำให้พวกเขาสามารถรักษาสภาวะของตัวเองเอาไว้ได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เกิดมาเป็นอย่างนั้นตามธรรมชาติของมันอย่างนั้น พวกเขาจึงต้องมีการฝึกจิต ฝึกฝนตนเองอยู่ตลอดเพื่อให้ได้มี ได้เป็น อย่างนั้นอย่างที่พวกเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเช่นนั้น ตามธรรมชาติเลย เพราะพวกเขาใช้การฝึกเพื่อให้ได้เป็น พวกเขาจึงไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติอย่างแท้จริง ทว่า มันก็ทำให้พวกเขารักษาภาวะของการดำรงอยู่และเป็นเช่นนั้นได้ยาวนานซึ่งมนุษย์เองจะเรียกพวกเขาว่า "ครู" เพราะพวกเขาชอบการเป็นครูสอนสมาธิ, สอนการฝึกจิตให้แก่มนุษย์ และมนุษย์จะทำตามพวกเขาได้ ไม่ถึง100% อีกเช่นกัน เพราะมนุษย์ไม่ใช่ชาวดาวพฤหัสฯ โดยกำเนิด นั่นเอง



"พลังแห่งการแข่งขัน" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "มนุษย์ดาวอังคาร"


ต่อไปคือ วิทยาการของชาวต่างดาว ซึ่งมาจากดาวอังคาร พวกเขาจะใช้พลังจากการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกับตัวเอง เช่น การทำลายสถิติของตัวเอง หรือการแข่งขันกับผู้อื่นแบบมีผู้ชนะและผู้แพ้ โดยที่ฝ่ายชนะ จะสามารถกำหนดและวางอนาคตภาพรวมได้ทั้งหมด ฝ่ายที่แพ้ต้องยอมรับใน "กฏกติกาใหม่" นั้น ทำให้พวกเขากำหนด "กฏกติกาใหม่" ก็ดี, "อาณาเขตใหม่" ก็ดี, "สัญญาใหม่" ก็ดี ฯลฯ ได้ทั้งนั้น พวกเขาจึงมีพลังในการกำหนดอนาคตได้ด้วยวิธีนี้และเพราะเหตุที่พวกเขาได้กำหนดอนาคตเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้นิพพาน แต่พวกเขาก็สามารถเลือกชีวิตที่ดีได้ด้วยตัวเองหลังจากที่พวกเขาได้รับชัยชนะ ดังนั้น พวกเขาจึงหาวิธีที่จะได้รับ "ชัยชนะ" ในการแข่งขัน ก็ดี, ในการทำสงคราม ก็ดี, ฯลฯ เพื่อจะได้กำหนดอนาคตของตัวเองได้ใหม่ให้ดีขึ้นได้ตามที่พวกเขาปรารถนาโดยเกมของพวกเขาจะไม่มีการแบ่งปันหรือเจรจาต่อรอง ฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็จะต้องยอมรับทั้งหมด ฝ่ายที่ชนะก็สามารถกำหนดหรือกินรวบได้ทั้งหมดซึ่งพวกเขามีความสามารถสูงมาก ในการแข่งขันต่างๆ หรือแม้แต่การทำสงครามเพื่ออนาคตใหม่ ที่พวกเขาสามารถกำหนดได้เอง แต่มนุษย์จะรับวิทยาการจากพวกเขาได้ไม่ 100% อีกเช่นกัน (ดังเหตุผลที่กล่าวแล้ว)



"พลังแห่งแบ่งส่วน" กำหนดอนาคตตัวเองได้แบบ "ชาวสุขาวดีโลกธาตุ"


ต่อไปคือ วิทยาการของชาวต่างดาว ซึ่งมาจาก "สุขาวดีโลกธาตุ" บ้างพวกเขามีวิทยาการในการดำรงอยู่โดย "ไม่ต้องลงมารับกรรมยังโลกนี้" ด้วยการ "แบ่งภาคส่วนพลังงานที่ไม่ดี" หรือ "ส่วนดำมืด" ออกมาแล้วให้กำเนิด "รูปธรรมชีวิต" ในระดับพลังงานตัวตนใหม่ๆ แล้วพวกเขาจะคอยดูแลตัวตนที่เกิดใหม่ (ซึ่งเป็นจิตวิญญาณ) โดยการให้พวกเขาลงเกิดยังโลกมนุษย์แทน จากนั้นก็คอยทำหน้าที่เป็น "ตัวตนภาคสว่างหรือตัวตนในมิติที่สูงขึ้น" ที่คอยส่องสว่างนำทางจิตวิญญาณส่วนแบ่ง ที่มาเกิดเป็นคนยังโลกมนุษย์นั้น พวกเขาจึงไม่ต้องรับกรรมรับแต่ส่วนบุญไปได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดและดำรงอยู่อย่าง "ชีวิตอำมตะ" ทั้งนี้ในการแบ่งส่วนพลังงานลงมาแต่ละครั้ง พวกเขาจะเสียพลังงานบางส่วนไป ทำให้พวกเขาต้องทำสมาธิ, เก็บตน, หรือสั่งสมพลังงานใหม่ๆ เพิ่มเติ่มส่วนที่เสียไปนั้นด้วย พวกเขาจึงมีความสามารถในการทำสมาธิและการฝึกจิตและเป็น "ต้นธาตุ ต้นธรรม ต้นวิชชา" ทางด้านการฝึกจิตทั้งหลายอย่างแท้จริง ซึ่งมนุษย์จะรับวิทยาการเหล่านี้ ฝึกตามได้ แม้ไม่ 100% ก็ตามซึ่งในกรณีมนุษย์นั้น ปกติ จะแบ่งภาคส่วนพลังงานได้ 1 ครั้งต่อ 1 ชีวิตนอกจาก มนุษย์ผู้นั้นจะมีวิธีการเพิ่มเติมพลังส่วนที่ขาดหายแบบพิเศษ ก็จะสามารถแบ่งภาคส่วนพลังงานได้หลายครั้ง ในหนึ่งชาติของมนุษย์นั้น



เอาละ ผมได้แนะนำวิทยาการของชาวต่างดาวไปบ้างบางส่วนแล้ว แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด มันเป็นแค่การแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ท่านจะสามารถทำได้จริงก็ต่อเมื่อท่านได้รับวิทยการอย่างสมบูรณ์จากต่างดาวด้วยตัวเอง ก็เท่านั้น ผมเพียงแต่แนะนำให้ท่านรู้จักวิทยาการเป็นเบื้องต้น เท่านั้นเอง ซึ่งวิทยาการเหล่านี้ก็ล้วนได้ถ่ายทอดมาสู่โลก "ยาวนานแล้ว" ทว่า เพราะปะปนอยู่กับวิทยาการของโลก จึงทำให้ท่านไม่อาจจะแยกแยะได้ว่าอะไรคือวิทยาการของอะไร? ซึ่งผมให้หลักการในการสังเกตุเบื้องต้นไปแล้วว่า "วิทยาการที่สูงที่สุดของโลกนี้มาจากสวรรค์ชั้นมาร" เช่น การฝืนกฏแห่งกรรม, การใช้ความคิดกำหนดสรรพสิ่ง ฯลฯ ซึ่งมันไม่ได้ดีแท้จริง ไม่อาจเทียบเท่าได้กับวิทยาการจากต่างดาวเลย และถ้าใช้หลักการนี้เทียบดูวิทยาการต่างๆ เราก็จะทราบได้ว่าวิทยาการใด มันมีระดับที่สูงกว่าสวรรค์ชั้นที่หกบ้าง ท่านก็จะทราบได้ทันทีว่า มันมาจากนอกโลก หรือต่างดาว นั่นเอง โอเค ไม่ยากเกินไปใช่ไหมครับ ลองดูละ!


ขอพลังแห่งพระบิดาจักรวาลจงเปิดใจท่านสู่วิทยาการที่สูงขึ้น สวัสดี...



18 ก.ค. 2555


"เสียงจากจักรวาล"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment