ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

เทคนิกการใช้ Thought form นำทิศทางของพลังต่างดาวและพลังต่างๆ

สวัสดีครับ วันนี้ มีเรื่องเกร็ดความรู้ เป็นเทคนิกการใช้ Thought form เพื่อเหนี่ยวนำทิศทางของพลังงานใน รูปแบบต่างๆ เพื่อนำพลังงานเหล่านั้น มาใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ เอาละ ผมจะพยายามอธิบายให้ง่ายที่สุดเช่น เคย เชิญท่านทั้งหลายอ่านได้เลยครับ



พื้นฐานเทคนิกการใช้ Thought form (กระแสจิตเหนี่ยวนำรูปแบบ)


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ "จิตเป็นต้นเหตุแห่งพลังงาน" ในร่างกาย ของเรา และจิตไม่ได้อยู่นิ่งเฉยตลอดเวลา แต่มีการเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยง อยู่ตลอด ดังนั้น มันจึงส่งผลต่อ "พลังงานที่ปลดปล่อยออกมา" ตลอด อีกด้วย ในบางคนมีจิตที่แปรปรวน พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาก็สับสน จึงไม่มีพลังมากพอที่จะเกิดผลใดๆ ดังใจหมายได้ แต่บางคนก็มีสมาธิดี รวบรวมพลังจิตในแบบต่างๆ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดผลต่างๆ ได้ เช่น ในกิจ การงานต่างๆ ก็สามารถทำได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ดังนั้น เราจึงควรหันมา สนใจเรื่อง "พลังจิต" สักนิด โดยนอกเหนือจากการฝึก "พละห้าอันเป็น พื้นฐาน" แล้ว (ได้แก่ สมาธิ, สติ, ปัญญา, ศรัทธา, วิริยะ) การฝึกที่จะ ใช้พลังจิตไปใน "รูปแบบต่างๆ" ที่เรียกว่า Thought form ซึ่งผมจะ ได้แนะนำต่อไปคือ การใช้กระแสพลังจิตเหนี่ยวนำ "รูปแบบ" ของพลัง งานขึ้นมาก่อน ก่อนที่จะใช้ "พลังจิตรูปแบบนั้น" ในการทำกิจต่างๆ ต่อ ไปเช่น การรวมพลังจิตเป็น "ดวงแก้วกลมๆ ใสๆ" เพื่อใช้ในการเพ่งหยั่ง ดูเรื่องราวในอดีต, อนาคต ฯลฯ หรือการใช้พลังจิตเป็น "เสาเอก" ปักลง ไปยังจุดที่เราต้องการวางรากฐานสิ่งใหม่ๆ เพื่อวางรากฐานให้ยั่งยืน เป็น ต้น นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดรูปแบบที่เป็น "รูปธรรมชีวิต" ด้วย เช่น ใน การปรับตัวอยู่กับผู้ใหญ่ เราอาจกำหนดรูปแบบพลังงานเป็น รูปธรรมชีวิต ที่เหมือนเด็ก ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ทว่า ท่านควรเข้าใจก่อนว่าในการทำ เช่นนี้ ไม่ใช่การ "ใช้สมองคิด" นะครับ มันเหมือนการ "ระลึกนึกถึง" เช่น เวลาเราคิดถึงใครบางคน หรือการจินตนาการถึงรูปร่างอะไรบางอย่างมาก กว่าที่จะเป็นการคิดนะครับ (คิดมากปวดหัว) อันนี้ หวังว่าพอเข้าใจนะครับ


Thought form ที่ต่างกัน มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในกิจกรรมที่ต่างกัน?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ Thought form ที่ต่างกัน ย่อมมีคุณสมบัติที่ ต่างกันไปด้วย ดังนั้น มันจึงเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันเช่น ใน ผู้ที่ต้องการเก็บพลังงานสะสม อาจกำหนด Thought form เป็นรูปดวง แก้วเพื่อเก็บพลังงาน ในคนที่ต้องการขับเคลื่อน-ขับดันให้เกิดการดำเนิน ไปของกิจกรรมต่างๆ มักใช้ Thought form รูป "จักรกล" นอกจากนี้ ยังมี Thought form อีกมากมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ Thought form ในกลุ่มที่เป็น "รูปธรรมชีวิต" ซึ่งท่านสามารถเลือกใช้ทำกิจกรรม ได้หลากหลายมากเหมือนการ "สวมหัวโขน" หรือการเลือกใช้คนให้เข้า กับงานฉะนั้น ซึ่งสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ท่านควรทราบคือ การประสาน กันของ Thought form และผู้ใช้ ในบาง Thought form ที่ใหม่มากๆ และท่านไม่เคยใช้เลย ท่านอาจใช้ได้ไม่ดีนักในช่วงแรก แต่เมื่อท่านได้เคย ใช้บ่อยๆ จนเกิดความชำนาญมากขึ้น ท่านก็สามารถใช้งานมัน ได้อย่างดี ทีเดียว ดังนั้น ก่อนที่ท่านจะใช้ Thought form ท่านก็ควรศึกษาให้เข้า ใจก่อนว่า Thought form แต่ละชนิดมีอะไรบ้าง มีคุณสมบัติและข้อควร ระวังในการใช้อย่างไร? เพื่อที่จะเลือกใช้ Thought form ได้เหมาะสม


"Thought form และ Real form" สองอย่างนี้ ไม่เหมือนกันยังไง?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ "Thought form และ Real form" นั้นไม่ เหมือนกัน เพราะ Thought form มีที่มาจาก "กระแสพลังจิต" มันจึง ยังไม่ใช่ของจริงในตอนแรก แต่ Real form ในที่นี้ ผมใช้หมายถึงของ จริง ที่มีอยู่จริง และใช้งานได้จริง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการใช้กระแสจิตเพื่อ เหนี่ยวนำให้เกิด อย่างไรก็ตาม สองอย่างนี้ เกี่ยวข้องกันอย่างมาก เช่น เมื่อคุณใช้ Thought form ไปนานๆ อย่างถูกวิธี มันก็จะส่งผลให้เกิด Real form ขึ้นมาได้เหมือนกัน เหมือนกับแรกๆ คุณฝันไปเอง จินตนา การไปเอง แต่เพราะคุณเชื่อมั่นและทำมันอย่างดี มันก็กลายเป็นจริงได้ เพราะ "การกระทำที่สะสมนานๆ วันนั้นของคุณเอง" เอาละ คุณพอเข้า ใจในกฏข้อนี้หรือไม่? ของจริงไม่ได้เกิดจากการคิดฝันเอา แต่มันเกิดมา จากการกระทำที่ถูกต้องตรงทางของคุณเอง แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นได้ การใช้ Thought form เหนี่ยวนำหรือนำทางชีวิตคุณไปก่อน จึงกลาย เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งยวดที่จะทำให้ "ของจริง" นั้นๆ เกิดขึ้นได้ ลำดับต่อไป ดังนั้น ในระหว่างที่คุณยังใช้ Thought form อยู่ คุณไม่ควรที่จะหลง ว่ามันคือของจริง จนกว่าคุณจะได้รับ "ของจริง" นั่นแหละ มันจึงจะเกิด อานุภาพที่เต็มกำลังของมันได้ แต่ถ้าคุณไม่เลือก Thought form สัก แบบหนึ่ง คุณก็จะไม่รู้ทิศทางในการใช้ "พลังจิต" ของคุณเลย มันจะทำ ให้คุณใช้พลังจิตไปอย่างไร้ทิศทางและกระจัดกระจาย น่าเสียดายมั้ยละ


พื้นฐานด้าน "ดุลยภาพแห่งพลังงาน" ภายในสังขารมนุษย์ เป็นไฉน?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ในร่างสังขารมนุษย์มีดุลยภาพแห่งพลังงาน แบบ "หยิน-หยาง" หรือแบบทวิภาวะ (คู่ตรงข้าม) ข้อนี้แตกต่างจาก "มนุษย์ต่างดาว" ดังนั้น การที่มนุษย์โลกจะใช้พลังจากแหล่งใดแหล่ง หนึ่งนานๆ หรือมากเกินไป "จึงไม่ได้" เพราะสิ่งนี้มันจะส่งผลกระทบต่อ ดุลยภาพภายในสังขารของมนุษย์โลกได้ ดังนั้น คุณจึงต้องฝึกการใช้ พลังงานแบบ "ทวิภาวะ" ก่อน เป็นพื้นฐาน เพื่อไม่ให้เสียดุลยภาพภาย ในร่างสังขารของคุณเอง เช่น การเลือกใช้ Thought form ที่มีพลัง งานสายร้อน ก็ควรมีพลังสายเย็นคอยคุมดุลยภาพภายในด้วย ไม่เช่น นั้น คุณอาจพบภาวะที่เรียกว่า "การเสียดุลยภาพภายใน" และเกิดการ ตีกลับของพลังงานเช่น เดิมใช้พลังสายร้อนกลับกลายเป็นพลังสายเย็น สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เสมอใน "สังขารมนุษย์" ดังนั้น คุณจึงควรระวังให้มากใน จุดนี้ด้วย เพราะถ้าเกิดการพลิกกลับของพลังงานแล้ว คุณอาจได้รับผล กระทบที่รุนแรงมาก อย่างที่คาดไม่ถึงทีเดียว ดังนั้น ผมจึงแนะนำวิธีการ ใช้พลังงานแบบ "ทวิภาวะ" แก่คุณก่อน เพื่อให้เกิดดุลยภาพขึ้น ไม่เกิด ภาวะ "พลิกกลับของพลังงาน" ดังที่ผมได้อธิบายมา และมันจะช่วยคุณ ให้ปลอดภัยได้มากกว่าการใช้พลังงานแบบ "ขั้วเดียว" หวังว่าคงเข้าใจ เช่น ในคนที่ใช้พลัง "ภาคสว่าง" แท้แล้วพวกเขาก็ต้องมี "พลังภาคมืด" เป็นพื้นฐานรองรับด้วย เพื่อให้ร่างสังขารของเขา "คงดุลยภาพ" ไว้ได้


"ดุลยภาพแห่งพลังงาน" แบบ "พลังฟ้า-ดิน" (พลังต่างดาว-โลก)


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ท่านสามารถเลือกระบบดุลยภาพของพลัง งานในแบบต่างๆ ได้มากมาย เช่น แบบร้อน-เย็น, ชาย-หญิง, ขาว- ดำ, สว่าง-มืด, เทพ-มาร ฯลฯ แต่ยังมีอีกแบบหนึ่งที่ผมอยากจะแนะ นำให้ท่านทดลองใช้ คือ ระบบพลังงานทวิภาวะแบบ "ฟ้า-ดิน" หรือ "พลังต่างดาว-พลังไกอา (โลก)" ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้ วิทยาการจากต่างดาวได้ เข้าใจถึงมาตรฐานระดับสากลจักรวาลได้ และยังสามารถปรับตัวเข้ากับโลกนี้ได้ดีอีกด้วย ไม่ใช่หลุดโลกแล้วก็ ปรับตัวเข้ากับโลกไม่ได้ ก็หาไม่ และด้วยวิธีนี้คุณจึงมีความคิด, และ ปัญญา ฯลฯ เทียบเท่าระดับ "มาตรฐานสากลจักรวาล" ได้ ในขณะที่ คุณก็ยังเดินดิน อยู่ร่วมกับสัตว์โลกนี้ อย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อหรือทำ ตัวแตกต่างมากเกินไป เรียกว่าคุณสามารถปรับตัวไปสู่ระดับจักรวาลก็ ได้ หรือจะปรับตัวลงมาอยู่กับสัตว์โลก เป็นคนธรรมดาเดินดินคนหนึ่งก็ ได้เช่นกัน และด้วยวิธีนี้ ยังช่วยป้องกันภาวะ "จิตวิญญาณ หลงไปอยู่ ในที่ว่างแห่งจักรวาล" ได้อีกด้วย ซึ่งบางท่านอาจได้เคยพบปัญหานั้น มาแล้ว ในขณะที่พยายามจะเชื่อมโยง ติดต่อกับต่างดาว จิตวิญญาณ ของเขาอาจหลงทาง จรหลุดออกไปยัง "ที่ว่างในอวกาศ" ก็เป็นไปได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานั้น การฝึกพลังแบบ "ทวิภาวะ" จึงช่วยให้ คุณปลอดภัยได้ ทว่า ในช่วงการฝึกนั้นๆ คุณอาจไม่ก้าวหน้าเท่าไร แต่ มันจะเป็นพื้นฐานให้แก่คุณเพื่อให้คุณ "กำเนิดใหม่" และเมื่อคุณกำเนิด ใหม่แล้ว คุณก็จะสามารถเป็นได้ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องฝึก อีกต่อไป (ดังนั้น คุณไม่ควรจมปลักกับการฝึกเกินไป แต่ควรใช้การฝึกนี้ เป็นพื้นฐานไปสู่ "การกำเนิดใหม่" เพื่อเป็นสิ่งนี้อย่างเป็น "ธรรมชาติ")


เทคนิกการใช้พลังงาน "ภาคพื้นดิน" เหนี่ยวนำพลังงานจาก "ต่างดาว"


สุดท้ายที่ท่านควรทราบคือ เราสามารถใช้พลังภาคพื้นดินที่มีบางอย่างที่ "ตรงกันข้าม" กับพลังงานของ "ต่างดาว" เพื่อเหนี่ยวนำพลังงาน จาก ต่างดาวได้ เช่น การใช้พลัง "ภาคมืด" เพื่อเหนี่ยวนำพลัง "ภาคสว่าง" ซึ่งคุณควรมีความเข้าใจในพลังงานแบบต่างๆ ที่สามารถเข้าคู่ตรงข้าม กันได้ด้วย นั่นหมายความว่าคุณควรเข้าใจพลังงานของภาคพื้นดินและ พลังงานจากต่างดาวในแบบ "คู่ตรงข้าม" เพื่อจะเลือกใช้พลังงานภาค พื้นดินที่ "ตรงข้าม" กับต่างดาว ในการเหนี่ยวนำพลังงานจากต่างดาว เช่น พลังงานขั้วบวก (ดาวไซย่า) ก็จะมีพลังขั้วลบที่ตรงข้ามกันจะคอย เหนี่ยวนำกันได้ เมื่อคุณสามารถเหนี่ยวนำพลังคู่ตรงข้ามได้แล้ว สิ่งต่อไป ที่คุณควรเข้าใจคือ "การประสานพลังสองอย่าง" ไม่ใช่การผสมให้กลาย เป็นสิ่งเดียวกัน แต่คุณจะต้องใช้พลังงานที่ตรงกันข้ามนี้ อย่างไร ให้ไม่มี ปัญหาขัดแย้งหรือทำลายล้างกันเองภายใน เพราะถ้าคุณไม่ผ่านขั้นนี้ จะ กลายเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว เพราะพลังที่ต่างกันสองอย่างจะหักล้างหรือ ทำลายกันเองภายใน ทำให้คุณได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไปด้วยได้ครับ


ขอพลังแสงธรรมแห่งพระบิดาจักรวาล จงนำทางชีวิตให้แก่คุณ สวัสดี


28 ส.ค. 2555

"เสียงจากกูรูด้านพลังงาน"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment