ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

ระบบพลังงานสากลและการเชื่อมโยงเพื่อแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างบุคคล

สวัสดีครับ วันนี้ มีเกร็ดความรู้เล็กๆ เกี่ยวกับพลังงาน ในลักษณะที่มัน เป็นสากล ไม่เที่ยง ไม่อาจยึดเป็นตัว ตนของตนได้ และมีลักษณะแชร์กัน ได้นะครับ ซึ่งผมขอเรียกว่า "ระบบ พลังงานสากล" ก็แล้วกันครับ ซึ่ง จะได้อธิบายแบบง่ายๆ ต่อไปดังนี้ครับ


พลังงาน-พลังจิต ก็เหมือนพลังงานทั่วไป ที่ไม่เที่ยงและถ่ายเทไปมาได้


อย่างแรกเราคงต้องกล่าวถึง เรื่องพลังงานที่สามารถถ่ายเทได้ ไม่เที่ยง และไม่อาจยึดเป็นตัวตนของตนได้ ก่อนนะครับ ง่ายๆ เลย เรื่องการถ่าย เทของพลังงานนั้น คือ จะถ่ายเทจากที่ๆ มีความเข้มข้นของพลังงานชนิด หนึ่งมากไปสู่ที่ๆ มีความเข้มข้นของพลังงานชนิดนั้นๆ น้อย เช่น พลังงาน ความร้อน จะถ่ายเทจาก "จุดที่มีความร้อนมาก" ไปยัง "จุดที่มีความร้อน น้อยกว่า" ใช่ไหมครับ เอาละ ทีนี้ ดูร่างสังขารมนุษย์บ้างมันจะมีสิ่งที่เรียก ว่า "กำแพงพลังจิต" นะครับ กั้นอยู่ถ้ากำแพงนี้ทำงานอยู่มันจะเข้าสู่ระบบ ปิด และไม่มีการแลกเปลี่ยนพลังงานกัน นะครับ แต่ถ้ากำแพงพลังจิตนี้ลด ลงหรือเปิดออกก็จะมีการแลกเปลี่ยนพลังจิตกันได้ง่ายขึ้นครับ อันนี้ คือข้อ แตกต่างของ "ระบบสังขารมนุษย์" กับระบบทั่วๆ ไปตามธรรมชาตินะครับ ทว่า "กำแพงพลังจิต" นี้ ก็มี "ขีดจำกัด" ในการปิดกั้นตัวเองนะครับ ด้วย เหตุว่าการปิดกั้นตัวเองนี้ เป็นสิ่งที่ "ขัดแย้งกับธรรมชาติ" มันจึงเป็นไปได้ ไม่นานครับ ปกติแล้ว คนเราก็จะเปิดและปิดระบบนี้ ไม่ได้เปิดหรือปิดตลอด เวลา คือ มีทั้งช่วงเวลาที่เปิดและปิด ขึ้นอยู่กับปัจจัย-การกระตุ้น ด้วยครับ


ผู้ฝึกพลังจิต สามารถพัฒนาให้เกิดรูปแบบการถ่ายเทพลังงานไปมาได้


ต่อไปเราคงต้องกล่าวถึง การฝึกพลังจิตของบางท่าน อาจจะสามารถที่ จะพัฒนารูปแบบของการ "ถ่ายทอดพลังงานได้" กล่าวคือ เขาสามารถ ที่จะทำให้พลังงานบางชนิด "ถ่ายเทออก" และสามารถเปิดรับพลังงาน บางชนิดเข้าไปได้ สำหรับท่านที่ฝึกพลังจิตแบบนี้บ่อยๆ ก็จะมีรูปแบบใน การถ่ายพลังบางนิดออกจากร่างสังขารไป และสามารถเปิดรับพลังงาน บางชนิดหรือหลายชนิดเข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ซึ่งมันจะดีกว่าการที่มีการ ไหลถ่ายเทของพลังงานไปแบบที่ไม่อาจรู้ได้ เพราะท่านอาจสูญเสียพลัง งานบางชนิดไปโดยที่ไม่เจตนา และอาจได้รับพลังงานบางชนิดมาได้ทั้ง ที่ไม่ต้องการ เป็นต้น ดังนั้น การที่มี "รูปแบบ" ในการถ่ายเทพลังงานเข้า และออกที่ดีและควบคุมได้ จึงอาจจะเป็นทางออกให้สำหรับท่านที่ไม่ต้อง การให้เกิดการไหลถ่ายเทของพลังงานอย่างไม่รู้ทิศทาง ซึ่งการที่ท่านมี รูปแบบในการรับและถ่ายเทพลังงานเช่นนี้ จะช่วยให้ท่านไม่อยู่ในระบบ ปิดตลอดเวลา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อท่านและขัดแย้งกับธรรมชาติอีกด้วย แต่ ถ้าท่านมีรูปแบบในการแลกเปลี่ยนพลังงานที่ดี คือ มีพลังงานบางชนิด ที่ ไหลออกไปโดยที่ท่านไม่เครียดว่ามันจะออกไปสู่ใครมากเท่าใดและมีบาง ชนิดหรือหลายชนิดที่ไหลเข้ามา ซึ่งท่านก็พร้อมที่จะรับมันเช่นกัน เช่นนี้ ก็จะทำให้เกิดพลวัตรในการไหลเวียนของพลังงาน ภายในและภายนอก ระหว่างร่างสังขารของท่านและ "สิ่งแวดล้อม" ทำให้เกิดสมดุลของพลัง งานที่ดีได้ และทำให้เกิดการพัฒนาตัวเองเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้นด้วย


พลังงานบางชนิดเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างบุคคลสองคนทำให้ใจตรงกัน?


ต่อไปเราคงต้องกล่าวถึง พลังงานบางชนิด ก็เคลื่อนย้ายไปมาระหว่างคน สองคนได้ ผลคือ ทำให้บุคคลสองคนมีความคิด, จิตใจ, อารมณ์, การทำ ตัวที่คล้ายคลึงกันได้ เหมือนกับเป็นคนๆ เดียวกันในเรื่องบางเรื่อง ก็มี เช่น พลังงานที่เป็น "รูปธรรมชีวิต" มีจิตใจของตนเอง และจูนเข้ากับสังขาร ที่ มากกว่า 1 สังขาร ทำให้สังขารที่ถูกจูนด้วยพลังงานชนิดนั้นๆ มีความคิด แบบเดียวกันได้ จนบางครั้งทำให้เกิดความสงสัยว่าคนอีกคนอ่านใจเราได้ หรือไม่? เขาอ่านความคิดเราออกหรือเปล่า? เป็นต้น แท้แล้วเป็นเพราะได้ รับพลังงานชนิดเดียวกันมาดลจิตดลใจ ขับดันให้เราคิดและรู้สึกไปนั่นเอง ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้เกิดการ "แชร์อารมณ์, ความรู้สึก-นึกคิด" ระหว่างคนที่ มากกว่าหนึ่งคนได้ ทำให้เกิด "กระแสความคิด กระแสความรู้สึก" เหมือน กันได้ การไหลเวียนของพลังงานแบบนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน เกิด ความเข้าใจเดียวกันระหว่างคนสองคน ทำให้คนสองคนปรับตัวเข้าหากัน ได้ดียิ่งขึ้น หรือที่เรียกว่า "มึจิต-ใจร่วมกัน" นั่นเอง ช่วยทำให้เกิดการทำ งานเป็นทีมได้ดีขึ้น ก็ได้, ทำให้เกิดความสามัคคี ก็ได้, ทำให้เกิดจุดหมาย ร่วมกัน ก็ได้ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการ "จูนคลื่นพลังความคิดแบบหมู่" อีก เช่น การที่คนแห่กันเข้ามาทำกิจกรรมเดียวกันร่วมกันก็ก่อให้เกิดคลื่นพลัง จิตร่วมกันได้เช่นกัน ซึ่งถ้า "ผู้นำกระแสคลื่นจิต" นำพาไปในทางที่ดี ก็จะ นำพาคนมากมายไปทางที่ดี แต่ถ้านำพาไปทางที่เสื่อม ผู้คนมากมายก็จะ พบกับความเสื่อมได้ ดังนั้น การจูนคลื่นพลังจิต จึงควรมีทิศทางที่ถูกต้อง


ดุลยภาพของพลังงานภายในระบบ ไม่มีใครที่เอาแต่รับหรือให้ได้ตลอดไป


ต่อไปเราคงต้องกล่าวถึง "ดุลยภาพของพลังงาน ในระบบใดระบบหนึ่ง" ซึ่งมันจะมีอยู่ในทุกระบบ ไม่ว่าระบบนั้นจะใหญ่หรือเล็กเท่าใดก็ตาม เช่น ในร่างสังขารมนุษย์ ก็นับว่าเป็นระบบย่อย, ระบบหนึ่ง ซึ่งมีดุลยภาพของ พลังงานภายในระบบมันเอง ดังนั้น มันจึงไม่อาจที่จะอยู่ในฐานะผู้รับหรือ ผู้ให้ได้อย่างเดียวเท่านั้น กล่าวคือ ไม่มีใครจะดูดพลังงานคนอื่นได้ตลอด ไป และไม่มีใครที่จะถ่ายทอดพลังงานให้คนอื่นได้แต่ฝ่ายเดียว เพราะมัน มีดุลยภาพของพลังงานของมันเอง "ในทุกระบบ" เหมือนเราพยายามที่ จะเอาน้ำใส่โอ่ง ถึงจุดหนึ่งมันก็จะ "ล้น" ออกมาเอง มันจะทำให้เกิดการ "เคลื่อนย้ายถ่ายเทของพลังงาน" ระหว่างระบบสองระบบเอง ตามธรรม ชาติ ไม่มีใครที่จะ "ยึดมั่นถือมั่น" พลังงานของตนเองเอาไว้ได้ตลอดไป เพราะนี่คือ "สัจธรรมแห่ง อนัตตา" สภาวะแห่งความไม่อาจยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นตัวตนของตนได้ ดังนั้น การเคลื่อนย้ายถ่ายเทกันของพลังงาน จึง เป็นเรื่อง ธรรมะ, ธรรมดา, ธรรมชาติ ซึ่งท่านควรจะเตรียมตัวเตรียมใจที่ จะเป็นทั้ง "ผู้ให้และผู้รับ" ในขณะเดียวกันด้วย และด้วยวิถีนี้ จะทำให้มี การแลกเปลี่ยนกันของพลังงาน อันเป็นมูลเหตุรากฐานที่ขับดันให้เราได้ ความคิด, อารมณ์, ความรู้สึก, จิตใจแบบต่างๆ นั่นคือการแชร์ที่จะทำให้ เราเข้าใจกันมากขึ้น นั่นเอง มันไม่ใช่การขโมย, การทำร้ายกัน หรือการ แย่งชิงพลังงานของใครเลย เพราะระบบนี้ มีทั้งการให้และการรับนั่นเอง


บุคคลย่อยๆ จะกลายเป็น "แหล่งพลังงานสาธารณะ" ที่แตกต่างกันไป


ต่อไปเราคงต้องกล่าวถึง บุคคลย่อยๆ แต่ละบุคคลที่อยู่ในระบบนี้ จะเริ่ม พัฒนาตัวเองจนกลายเป็น "แหล่งพลังงานสาธารณะ" ได้เช่น คนบาง คนที่ฝึกถ่ายทอดพลังแสงสว่างให้แก่สาธารณชนอยู่เรื่อยๆ เขาก็จะเริ่ม กลายเป็น "แหล่งพลังงานแสงสว่างในระดับสาธารณะ" ในขณะที่เขา เองก็ได้รับพลังงานชนิดอื่นๆ มาจากสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ในขณะที่ คนอื่นๆ อาจจะทำตัวเป็นแหล่งพลังงานชนิดอื่นๆ เช่น เป็นแหล่งพลังขั้ว บวกบ้าง แหล่งพลังงานขั้วลบบ้าง ฯลฯ แตกต่างกันไป ภายใต้ระบบการ แชร์กันนี้ ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ของพลังงานชนิดต่างๆ เพราะคน แต่ละคนสามารถจะเชื่อมโยงและจูนเข้ากับ "พลังงานได้ ไม่เหมือนกัน" เช่น บางคนอาจจูนเข้ากับพลังแสงสว่างได้ดี จนชำนาญแล้ว แต่ไม่อาจ ที่จะจูนเข้ากับพลังงานแบบมีขั้ว เช่น พลังงานขั้วบวกได้ เขาก็อาจจำจะ ต้องพึ่งพาอาศัยคนที่สามารถจูนเข้ากับพลังงานขั้วบวกได้เพื่อที่จะเรียน รู้และเข้าใจพลังงานชนิดนั้นๆ ดังนั้น คนแต่ละคนจึงทำหน้าที่เหมือนเป็น "แหล่งพลังงานสาธารณะ" ให้แก่คนอื่นๆ ได้ด้วย ! จนในที่สุด คนแต่ละ คนก็จะมีหน้าที่เฉพาะในการแบ่งปันพลังจำเพาะชนิดให้แก่คนอื่นๆ กล่าว คือ ใครที่มีพลังงานชนิดใด ก็จะทำหน้าที่แผ่พลังงานชนิดนั้นๆ ให้คนอื่นๆ


บุคคลที่เป็นเป็น "แหล่งพลังงานสาธารณะ" จะไม่หมดพลังงาน ถ้าเขา...


ต่อไปเราคงต้องกล่าวถึง "บุคคลที่เป็นแหล่งพลังงานสาธารณะ" เมื่อเขา ถ่ายทอดพลังงานออกไปเรื่อยๆ แล้วเขาจะหมดพลังหรือไม่? คำตอบก็คือ เขาจะไม่มีปัญหาในการถ่ายทอดพลังจนหมดสิ้นพลังงาน ถ้าเขาเชื่อมต่อ กับ "แหล่งพลังงานจักรวาล" ได้ เขาก็จะได้รับพลังงานจากแหล่งพลังต้น ทางมาเรื่อยๆ จากแหล่งพลังงานจากจักรวาลนั้น จะถ่ายเทมาที่เขาเรื่อยๆ ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะไม่หมดสิ้นพลังงานไปได้ เพราะเขาได้รับพลังงานมาจาก "จักรวาล" อีกที เขาเองเป็นเพียง "เครื่องจูนคลื่นพลังงานจักรวาล" ที่จะ ช่วยกระจายพลังงานจักรวาลชนิดนั้นๆ ออกไปสู่สาธารณชนอีกทีก็เท่านั้น เขาเองไม่ได้ถ่ายทอดพลังงานหรือพลังชีวิตของตนให้แก่คนอื่น เขาก็เป็น แค่ "ตัวเหนี่ยวนำพลังงาน" มาจากแหล่งพลังงานอื่นๆ เพื่อที่จะถ่ายเทให้ แก่คนอื่นๆ ได้ต่อไป เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีปัญหาว่าเขาจะหมดพลัง สิ้นพลังภายในไป เพราะการทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสาธารณะให้แก่ ผู้อื่นก็หาไม่ เอาละ หวังว่าท่านคงคลายความวิตกบางประการไปบ้างครับ


ตัวกลางที่ช่วยในการ "เชื่อมโยงระบบพลังงาน" ให้เป็นระบบสาธารณะ


สุดท้าย เราคงต้องกล่าวถึง "ตัวกลาง" ที่ช่วยในการเชื่อมโยงระบบพลัง งานให้แต่ละบุคคล, เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกัน กลายเป็นระบบพลังงาน สาธารณะ ซึ่งมีได้มากมายครับ เรียกว่า "รูปนาม" ใดก็ได้ที่ทำให้จิตเกิด การเชื่อมโยงถึงกัน เช่น การดูทีวีรายการเดียวกัน ก็ทำให้คนเหล่านั้น ได้ จูนคลื่นพลังจิตเข้าร่วมกันเป็นระบบสาธารณะได้ครับ การนึกถึงคนๆ เดียว กันเช่น ผู้นำประเทศ ผู้นำทางศาสนา ฯลฯ ก็ช่วยในการเชื่อมโยงพลังงาน เป็นระบบเดียวกันได้ครับ แม้แต่รูปภาพ, คำศัพท์, ภาษา, อักษร, ทุกอย่าง จะสามารถใช้ในการเชื่อมโยงพลังงาน ของแต่ละบุคคลเข้าด้วยกัน กลาย เป็นระบบพลังงานสาธารณะได้ครับ ดังนั้น โดยธรรมชาติเหล่านี้แล้ว จึงจะ เป็นการยากที่ใครคนหนึ่ง จะปิดกั้นตัวเอง และสร้างกำแพงกั้นจิตใจตนเอง ไว้ได้ตลอดไปได้ครับ สุดท้ายแล้วก็จะเข้าสู่ "อนัตตา" ไม่อาจยึดมั่นถือมั่น เอาพลังงานของตน เป็นตัวตนของตนได้ตลอดไป เป็นไปตามสัจธรรมครับ


ขอพลังแสงธรรมแห่งจักรวาล จงเชื่อมโยงท่านสู่การยกระดับจิตใจ สวัสดี


1 ก.ย. 2555

"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย

瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment