ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

จิตวิญญาณ "เจ้า" ที่กำลังแย่งชิงกันครอบครองทุกส่วนของผืนแผ่นดิน?

สวัสดีครับ วันนี้ ผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง เหมือนนิทานเล่นๆ อย่าคิดมาก เอา เป็นว่าเหมือนฟังนิทานเรื่องหนึ่ง ก็ แล้วกัน มันเป็นเรื่องของความเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ที่ผมสังเกตุเห็น แล้วเอามาเล่าให้ฟังนะครับ เชิญฟังครับ


ช่วง "สับเปลี่ยนเวร" ของเหล่าเทพ จิตวิญญาณมากมายตั้งตัวเป็นเจ้า?


อย่างแรกที่ผมอยากเล่าให้ฟังคือ ยุคนี้เป็นยุคที่มีการสับเปลี่ยนเวรของ เหล่าเทพทั้งหลาย ที่ดูแลทั้งสามภพแม้แต่ที่ดูแลในภาคพื้นโลก ก็มีการ เปลี่ยนเวรกันด้วย ช่วงเวลาที่มีการสับเปลี่ยนเวรนี้เอง จะมี "ช่องโหว่" เกิดขึ้น หรือช่วงเวลาที่การสับเปลี่ยนยังไม่ลงตัว จะเกิดช่องว่างมากพอ ที่จะให้ "บางสิ่ง" แย่งชิงกันเป็นใหญ่ ตั้งตัวเป็นเจ้ามากมาย พวกนี้ ไม่ ใช่เทพที่สวรรค์ส่งลงมาให้เป็นเจ้าประจำที่ต่างๆ หรอกนะครับ พวกเขา เป็นแค่ "พวกฉกฉวยโอกาส" ช่วงที่เทพองค์เก่าหมดวาระจากไป และ ยังไม่มีเทพองค์ใหม่มารับตำแหน่ง ยังไม่ลงตัวเท่าไร ก็เลยตั้งตัวขึ้นเป็น เจ้า มีมากมายหลายแบบครับ ทั้งเจ้าที่, เจ้าท่า, เจ้าทุ่ง, เจ้าบ้าน, เจ้า ฯ เยอะแยะไปหมด บ้างก็มาอยู่กับร่างมนุษย์ แล้วตั้งตัวเป็น "เจ้าพ่อ-เจ้า แม่" เยอะแยะเลยครับ พวกเขาตั้งตัวเองนะครับ สวรรค์ไม่ได้แต่งตั้งเขา ของจริง เทพองค์จริงที่สวรรค์แต่งตั้งยังมาไม่ถึง ยังไม่เรียบร้อย ไม่ลง ตัว เขาก็อาศัยจังหวะนี้แหละ ตั้งตัวเองเป็นเจ้ากันใหญ่ เต็มไปหมด ทั้ง แบบที่อยู่ในเมือง ก็มี เช่น เจ้านาย, เจ้าของกิจการ ฯลฯ พวกนี้ ก็ใช่นะ ครับ เป็นพวกที่มี "จิตวิญญาณ" ตั้งตัวเป็น "เจ้า" มาอยู่ด้วยในสังขาร


"เจ้าเถื่อน" และมนุษย์ที่มีจิตใจอยากเป็นเจ้า จะประสานกันเป็นหนึ่ง


ต่อไปที่ผมอยากเล่าให้ฟังคือ จิตวิญญาณจรหรือพวกสัมภเวสีเหล่านี้ จะแย่งกัน "ยึดครอง" ส่วนต่างๆ ของโลก เพื่อการอยู่อาศัยของตนให้ ตนได้มีที่อยู่, ที่ยึดในโลก แล้วตั้งตัวเป็นเจ้าทันที เช่น สัมภเวสีบางตน ที่ได้โอกาสช่วงที่เจ้าที่ หรือพระภูมิองค์เดิมหมดวาระ ก็เข้าแทรกแทน ตั้งตัวเองเป็นเจ้าที่ ยึดครองที่นั้นๆ ไปเลย และพวกนี้จะประสานในร่าง ของมนุษย์ที่มีจิตใจคล้ายๆ กัน เช่น มนุษย์ที่อยากได้ที่ในป่าสงวน เขา ก็จะถูกสัมภเวสีบางชนิดเข้าแทรกให้อยากเป็น "เจ้าของที่ดิน" ในเขต ป่าสงวนนั้นๆ เขาก็ทำการเข้ายึดครองในช่วงที่เทพผู้ดูแลหมดวาระไป ยังมีอีกหลายแบบครับ เช่น บางคนทำนาอยู่ดีๆ ก็ถูก "สัมภเวสี" เข้าสู่ ร่าง ตั้งตัวเป็น "เจ้าทุ่ง" ก็จะยึดมั่นถือมั่นในที่นาของตน หวงมากๆ ไม่ เหมือนคนปกติครับ อันนี้ ผมเคยเห็นมากับตัวเอง คือ คนๆ นี้เขาเป็นเจ้า ของที่นานั้น แต่มันผิดปกติมาก ถึงขนาดเอาปะทัดไปจุดไล่นกที่เข้ามา ในที่นาของตนเอง เดินวนเวียนไปมา เพื่อเฝ้านาทั้งวัน ราวกับกลัวว่าจะ มีใครมา "ยกที่นาเอาของตนไป" ได้อย่างนั้นเลย ผิดปกติจริงๆ แต่มีนะ ครับ ผมเคยพบมาแล้ว แบบที่ "หวงบ้าน" ก็มี อันนี้เป็นพวกที่ตั้งตัวเป็น "เจ้าเรือน" ถึงขั้นตายคาเรือนกลายเป็น "ผีบ้านผีเรือน" ไปแล้วก็มีครับ เอาละ พวกนี้ เป็นพวกที่ตั้งตัวเองขึ้นเป็นเจ้าประจำที่นั้นๆ ไม่มีใครเขามา แต่งตั้งให้ อาศัยจังหวะที่ตำแหน่งว่าง ก็เข้าแย่ง เข้าแทรกเลย และจะส่ง ผลต่อ "มนุษย์โลก" มากมายให้มี "นิสัยหรือพฤติกรรม" เช่นนี้ด้วย ซึ่ง พวกเขาจะประสานอยู่ในร่างสังขารมนุษย์ นั่นเอง เอาละ ท่านลองไปเบิ่ง ตาดูโลก ดูสังคมของท่านให้ดีๆ อีกทีนะครับว่ามีคนที่มีนิสัยแบบนี้หรือไม่ สิ่งที่ผมอธิบายนี้ มีอยู่จริงไหม? เกิดขึ้นจริงหรือยังในสังคมโลกของท่าน


การเคลียร์ "เจ้าเถื่อน" ออกไป เพื่อเปิดทางให้ "เทพ" เข้าประจำที่


ต่อไปที่ผมอยากเล่าให้ฟังคือ สิ่งที่ผู้มีบารมีควรทำได้ คือ การเคลียร์ "เจ้าเถื่อน" ออกไป แล้วเชิญเทพที่คุ้มครองดูแล ลงมาประจำที่นั้นๆ แทน เพราะมันมีผลต่อผู้คนที่อยู่อาศัยมากครับ ท่านเคยเห็นไหมคน ที่หลงตัวเองว่าเป็น "เจ้า" เช่น เจ้านาย ฯลฯ พวกเขาทำตัวน่าเบื่อ มี นิสัยแย่ขนาดไหน? ทำผิดไม่เคยปรับปรุงตัวเอง มีแต่โยนโทษไปให้ ลูกน้อง ฯลฯ นั่นแหละ "เจ้านาย" ที่ผมบอกว่าเป็น "เจ้าเถื่อน" ไงละ เอาละ ทีนี้ ที่เราต้องการคือ "เทพที่สวรรค์ประทานมาให้" ครับ ไม่ว่า จะประจำที่ไหนๆ? ประจำบ้านเรา, ประจำที่ดินของเรา, ประจำบริษัท ของเรา, ประจำหมู่บ้านของเรา, ประจำประเทศของเรา ฯลฯ เราล้วน ต้องการ "เทพที่ถูกต้องตามกฏสวรรค์" ครับ เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตที่ดี ไม่ถูก "เจ้าเถื่อนครอบงำ" ให้หลงทิศผิดทางไปในทางที่เสื่อม ทางที่ ไม่ดีครับ อย่างแรกที่ผมต้องแจ้งแก่ท่านคือ "ขณะนี้โลกของท่านได้มี เจ้าเถื่อนยึดครองไปหมดแล้ว" และท่านจะต้อง "ทำสงครามศักดิสิทธิ์ เพื่อยึดคืนมาให้แก่เหล่าเทพ" นะครับ ไม่เช่นนั้น โลกมนุษย์ฉิบหายแน่ มันเป็นการต่อสู้ใน "มิติทิพย์" นะครับ แล้วมันจะส่งผลต่อเนื่องไปยังใน มิติของวัตถุสสารอีกที มันจึงถูกเรียกว่า "สงครามศักดิสิทธิ์" ไงครับซึ่ง มันจะเป็นไปโดยสันติวิธีและโดย "สันติภาพ" นะครับ เมื่อชัยชนะมาถึง เทพทั้งหลายจะเข้าประจำที่และโลกมนุษย์จะสงบสุข ไร้เจ้าเถื่อนซึ่งมา ครอบงำ บงการชีวิตพวกเรา มีแต่เทพที่มีจิตตรงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ มาช่วย ให้เราตรงต่อสิ่งศักดิสิทธิ์เช่นกันครับ และนั่นทำให้ชีวิตของเราเจริญขึ้น


"เจ้าเถื่อน" กับ "เทพสวรรค์" ที่ได้รับการแต่งตั้ง แตกต่างกันอย่างไร?


ต่อไปที่ผมอยากเล่าให้ฟัง ก็คือ แล้วเจ้าเถื่อนกับเทพสวรรค์ ที่ได้รับการ แต่งตั้งนั้นจะแตกต่างกันอย่างไรละ? เอาละ มันมีวิธีตรวจดูนะครับ ง่ายๆ คือ 1. เจ้าเถื่อนจะไม่ขึ้นตรงต่อ "เจ้าสวรรค์" จะถือตัวเป็นใหญ่ไม่ขึ้นแก่ ใครเลย 2. เจ้าเถื่อนจะมีความหวงแหนและไม่ค่อยเปิดรับ "คนนอก" ให้ เข้ามาในอาณาเขตของตนในขณะที่เทพฯ จะต้อนรับขับสู้อย่างดี 3. เจ้า เถื่อนจะมีจิตใจมืดมนหรือไม่มีธรรม ไม่นิยมในธรรม แต่เทพสวรรค์จะเป็น ผู้ตรงต่อธรรม 4. เจ้าเถื่อนจะมีคุณสมบัติไม่พอดีกับที่ๆ ยึดครอง แต่เทพ จะมีคุณสมบัติพอดีกับสถานที่นั้นๆ ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไปเช่น พระภูมิซึ่ง อยู่ตามบ้านคน จะมาจากเทวดาชั้นที่หนึ่ง เช่น ยักษ์ ก็ได้ แต่จะไม่ใช่มาร ซึ่งมาจากสวรรค์ชั้นที่หกเรียกว่าถูกต้องตรงไปตรงมาตามระเบียบสวรรค์ ที่ควรจะเป็น ไม่เว่อร์ ไม่ดีจนเกินไป ไม่มากจนเกินปกติ ซึ่งจะมีทุกที่ และ ในทุกตำแหน่งนะครับทั้งในบริษัทเอกชน ก็มีประจำทุกตำแหน่งครับ ทั้งที่ อยู่ระดับ "การเมืองการปกครอง" ระดับล่าง จนถึงระดับประเทศ ก็ไม่ต่าง กันนะครับจะต้องมีเทพดูแลทุกตำแหน่ง ทุกจุด ทุกที่ ทุกอย่างขนาดเขื่อน หรือแม่น้ำ ยังต้องมีเทพดูแลเลยครับ ดังนั้น ช่วงเวลานี้ ซึ่งยังไม่ได้มีการ ปรับเคลียร์เอา "เจ้าเถื่อน" ออกไป เพื่อเปิดทางให้เทพเข้ามาประจำที่จึง กลายเป็น "ช่วงเวลาแห่งความยากเข็ญ" ไปครับ จะกินเวลายาวนานสัก ระยะหนึ่ง จนกว่าจะเคลียร์สำเร็จ ก็จะลงตัว เทพเข้าประจำที่ได้ครบหมด


"เทพสวรรค์" จะบำเพ็ญบารมีแล้วรอรับการแต่งตั้ง จะไม่ยื้อแย่งใคร?


ต่อไปที่ผมอยากเล่าให้ฟัง ก็คือ เทพสวรรค์จะมีวิสัยไม่ยื้อแย่งใคร ต่อ ให้มี "ที่ให้ยึดครอง" อยู่ตรงหน้า ก็จะไม่ยึดครอง (เพราะไม่ใช่เจ้าที่) แต่จะรอ "การแต่งตั้ง" จากสวรรค์ก่อน จึงจะรับตำแหน่งได้ จึงจะไม่มี การไปยื้อแย่งกันนะครับ เทพเขาไม่ทำอย่างนั้นกัน ซึ่งระหว่างรออยู่นี้ ก็คือ "ช่วงเวลาแห่งการบำเพ็ญบารมี" ของเขาครับ ซึ่งจะสอดคล้อง กับ "ร่างสังขารของมนุษย์" คนหนึ่งด้วย ทั้งเทพและมนุษย์จะประสาน กันครับ เหมือนเป็นคนๆ เดียวกันแต่อยู่ต่างมิติกันนะครับ เหมือนเทพคือ ตัวตนต่างมิติของเรานั่นเอง เรากับเทพจะบำเพ็ญบารมีคู่ขนานไปคล้าย เป็นหนึ่งเดียวกันครับเพียงแต่คนละมิติเท่านั้นเอง เมื่อบำเพ็ญสำเร็จแล้ว ก็จะรับ "การแต่งตั้งจากสวรรค์" ได้ครับ ดังนั้น ในช่วงที่รอการแต่งตั้งนี้ จะมี "จิตวิญญาณจร" และ "ร่างสังขารมนุษย์" กลุ่มหนึ่ง ที่ยื้อแย่งกัน ตั้งตัวเป็นเจ้าครับ เป็นเจ้าในที่ต่างๆ มิติต่างๆ จุดต่างๆ เรื่องต่างๆ กันไป มีมากมายเลยครับ พวกเขาจะออกมาครอบครองอำนาจก่อน และทำให้ โลกปั่นป่วนวุ่นวาย ไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะการแก่งแย่งแข่งขันกันไปมา นั่นเอง โลกมนุษย์ในช่วงนี้จะวุ่นวายมากครับ จนกระทั่งเคลียร์ พวกเขา ได้หมดแล้ว เทพประจำที่หมดแล้ว ทุกอย่างก็จะลงตัวและโลกก็จะเข้าสู่ ความสันติสุขอย่างแท้จริงครับ ดังนั้น "พวกแรกที่มีอำนาจ" จึงยังไม่ใช่ "ตัวจริง" ที่สวรรค์ประทานมาให้นะครับ ต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ ก็จะได้เห็น "ตัวจริง" ของทุกตำแหน่ง, ทุกที่ ฯลฯ บนโลกใบนี้ต่อไปครับ


"เทพสวรรค์" จะประสานพลังกับ "ร่างสังขารมนุษย์" เพื่อกระทำกิจนั้นๆ


ต่อไปที่ผมอยากเล่าให้ฟัง คือ เทพสวรรค์จะ "เลือกร่างสังขารมนุษย์" ที่ มีความสอดคล้องกับท่านเพื่อประสานพลัง แล้วกระทำกิจต่างๆ อันควรต่อ ไป มันเป็นภาวะของการเชื่อมโยงกันของ "สองมิติ" (แท้จริง มีการเชื่อม โยงกันมากกว่าสองมิติอีกครับ แต่ผมยกตัวอย่างให้ง่ายๆ เท่านี้ก่อน) เพื่อ กระทำกิจ ซึ่งจะผ่าน "ร่างสังขารมนุษย์" เป็นเครื่องเชื่อมโยง ดังนั้น เราก็ จะมี "ตัวตนหลากหลายตัวตน" ใน "หลากหลายมิติ" เชื่อมโยงถึงกัน จึง สามารถขับเคลื่อนไปได้ในทุกๆ มิติ ดังนั้น "มนุษย์แต่ละคน" จึงกลายเป็น ตัวแทนของเทพ ที่กระทำกิจการต่างๆ บนโลกมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์บาง คนก็อาจกลายเป็น "ตัวแทนของปีศาจในการทำกิจของปีศาจ" ได้เช่นกัน ทั้งนี้ แล้วแต่ว่าพวกเขาจะเชื่อมโยงเข้ากับอะไร มิติไหน? ทว่า ในช่วงก่อน ที่จะมีการประสานพลังกันนั้นๆ "ร่างสังขารที่ถูกเลือก" จะถูกเตรียมพร้อม ก่อน ด้วยกรรมวิธีต่างๆ เขาจะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีอิสระนักและเหมือนมีอะไรที่ คอยควบคุมเขาโดยที่เขามองไม่เห็น หรือถูกทำให้มีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ไปอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องทำอะไรที่ตัวเอง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำ ต้องถูก ล้อมกรอบหรือมีกฏระเบียบอะไรมากมายทั้งที่มองเห็นบ้าง มองไม่เห็นบ้าง เอาละ นี่เป็นแค่ตัวอย่างนะครับ อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าใครที่มีอาการคล้าย นี้จะต้องเป็นเช่นนี้เสมอไป มันยังต้องพิจารณาอะไรอีกหลายตัวแปรนะครับ


"ตำแหน่งทางโลก" กับ "ตำแหน่งทางธรรม" นั้นต่างกัน อย่างไรบ้าง?


สุดท้ายที่ผมอยากเล่าให้ฟัง คือ ตำแหน่งทางโลกกับตำแหน่งทางธรรม นั้น "ไม่เหมือนกัน" เช่น แม่ของเราอาจมีบุญได้เลี้ยงดูเรา จนเราอายุได้ 30 ปี เราจะแต่งงานออกเรือน ไปอยู่ครอบครัวอื่น เป็นอันหมดกรรมของ เรากับแม่ ทว่า ถ้าแม่ของเราสร้างบารมีร่วมกับเราใหม่แล้วได้บารมีจะมา เป็น "พี่น้องกับเรา" อย่างนี้ เรากับแม่ ก็จะมีบุญกรรมเกี่ยวเนื่องกันได้อีก แต่ไม่ได้ในฐานะเดิมแล้ว "บุญกรรม" จะทำแต่งให้เหมือนเป็นพี่น้องกันก็ เท่านั้น คำว่า "แม่-ลูก" จึงเป็นแค่ "ตำแหน่งทางโลก" แต่แท้จริงแล้วใน "ตำแหน่งทางธรรม" เขาทั้งสองก็เป็น "พี่น้องกัน" อย่างนี้ ก็มีได้ เป็นได้ ครับ เหมือน "สามี-ภรรยา" คู่ไหนหมดบุญกรรมร่วมกันแล้ว จะมีเรื่องให้ อยากหย่าขาดกันไป แต่ถ้าสร้างบุญบารมีในปัจจุบันร่วมกันได้อีก ก็ต่อให้ มีเวลาอยู่ร่วมกันได้อีกแต่อาจจะในฐานะอื่นก็ได้ เช่น อยู่เหมือนเพื่อนกันก็ แค่นั้นเอง อันนี้ ท่านพอเข้าใจนะครับ เพราะผมคิดว่าหลายท่านน่าจะเคย มีประสบการณ์ชีวิต แบบนี้มาบ้าง ที่ใครบางคนมีสัมพันธภาพกับเราในรูป แบบที่ต่างไปจากเดิม (แต่ก็ยังคบกันได้) หรือการที่เรามี "ตำแหน่งสมมุติ ทางโลก" อย่างหนึ่ง แต่ทำไม วิถีชีวิตจริง บุญกรรมจึงทำให้เราต้องตกที่ นั่งอยู่ในอีก "สถานะหนึ่ง" เช่น เหมือนว่าเราได้เป็นเจ้านายใหญ่แต่ทำไม จึงเหมือนมี "ใครอีกคน" ที่ใหญ่กว่าคอยสั่งการเราได้ตลอด แบบนี้ ก็มีได้ ใช่ไหมครับ นั่นแหละ ที่ผมกำลังจะชี้ให้ท่านเห็นว่า "ตำแหน่งทางโลกกับ ตำแหน่งทางธรรม" นั้นไม่เหมือนกัน ตำแหน่งทางโลกเป็นของสมมุติ ซึ่ง อุปโลกขึ้นให้แก่เรา แต่ตำแหน่งทางธรรมนั้นเป็นของจริงจึงส่งผลต่อชีวิต เราจริงๆ เราจึงเรียกว่าเป็น "วิมุติธรรม" ที่ไม่ใช่ "ของสมมุติ" ไงละครับ!


ขอพลังแสงธรรมแห่งสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลาย จงส่องให้ท่านแจ้งโลก สวัสดี


29 ส.ค. 2555

"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย

 瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment