ทุกส่วนในบล็อกนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อุทิศแล้วเพื่อปวงชน. Powered by Blogger.
RSS

คนเราสามารถทำผิดหรือเลวได้ตามธรรมชาติ แต่ถ้าทำดีผิดธรรมชาติจะมืด

สวัสดีครับ วันนี้ มีเรื่องเล็กๆ มาคุยกันง่ายๆ สบายๆ ไม่ยากครับ เป็นเรื่องการทำความผิด, ความเลว (ในสายตาของคนบางคน) แต่มันไม่ผิดจริงตามธรรมชาติ มันเป็นอย่างไร? และการทำความดี, ทำถูก แต่ผิดธรรมชาติ มันเป็นอย่างไร? อ๊ะ ฟังดูงงๆ เอาละ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง


การทำผิดหรือเลว (ในสายตาของบางคน) อาจเป็นธรรมชาติภาคสว่าง?


อย่างแรกที่ท่านควรทราบคือ การทำผิดหรือเลว (ในสายตาของบางคน) นี้ มันอาจไม่ใช่ความผิด หรือความเลวที่แท้จริง มันเป็นเพียงแค่ธรรมชาติของสัตว์โลก ก็ได้ เช่น เสือที่ฆ่าสัตว์อื่นกิน ถามว่าเสือต้องถูกพิพากษาในข้อหา "ฆ่าสัตว์อื่นตายโดยเจตนา" หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ ใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเสือทำความดี ไม่ยอมฆ่าสัตว์อื่นกินละ มันก็ผิดธรรมชาติ ใช่มั้ย? นี่หละที่บอกว่าเป็น "ความดีที่ผิดธรรมชาติ" ทีนี้ เรามองสัตว์ในป่า มันง่าย ลองมามอง "สังคมมนุษย์" กันบ้าง มันยุ่งยาก และซับซ้อน กว่าที่เราจะเข้าใจได้ง่าย ผมอยากจะบอกว่าคนเราก็เหมือนสัตว์ในป่า คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนบางคนมีธรรมชาติแบบเสือ, คนบางคนมีธรรมชาติแบบวัว แต่เราจะมองว่าคนที่ดุเหมือนเสือ เป็นคนเลวหรือคนผิดไปเลยไม่ได้ และจะไปหลงคนที่เชื่องน่ารักแบบวัว ว่าเป็นคนดี ทำถูกและเลี้ยงง่าย ไม่ได้อีกเช่นกัน ก็ถ้าประเทศมีสงครามขึ้นมา ประเทศที่นิยมแต่คนประเภทวัว คงต้องสูญซึ่งเอกราชของชาติ เป็นแน่แท้ เอาละ ทีนี้ ท่านพอเข้าใจหรือยังว่าคนที่ทำผิดหรือเลว (ในสายตาทางโลกของคนบางคน) เขาอาจไม่ได้ผิด หรือว่าเลวจริงๆ ตามธรรมชาติหรอก เช่น ผู้ชายบางคนชอบผู้หญิงสองคนพร้อมกันมันไม่ผิดนะครับ ตามประเพณีไทยแต่เดิมมา ผู้ชายสามารถแต่งงานได้ถึงสองคน ไม่ผิดอะไรเลย เขาถึงมีคำว่าเมียหลวง เมียน้อย มาแต่บรรพบุรุษเราแล้ว มันคือ ประเพณีไทยนะครับ แต่เดี๋ยวนี้ มันแปลก มีคนหาว่าผู้ชายที่ชอบผู้หญิงสองคนพร้อมกัน เป็นคนเลว คนผิด คนเจ้าชู้ไป ซึ่งมันไม่ใช่เช่นนี้ ตามธรรมชาติแล้วมันไม่ผิดนะครับ แต่ถ้าเราไปว่าเขาเข้า มันก็ผิดจากประเพณีไทยได้ครับเพราะบรรพบุรุษเรา ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงได้มากกว่าหนึ่งคนครับ นี่ มันยังมี "ความผิด-ความเลว" ที่มันไม่จริง มันไม่เป็นธรรมชาติอีกมากที่ถูก "ปรุงแต่งขึ้น" ภายหลัง ท่านพอเข้าใจหรือยัง



การทำดีหรือถูก (ในสายตาของบางคน) อาจเป็นธรรมชาติของภาคมืด?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ การทำความดีหรือความถูกต้อง ในสายตาของคนบางคน ก็อาจเป็น "การฝืนธรรมชาติ-ผิดธรรมชาติ" ก็ได้ เช่น คนที่มีกรรมต้องมีภรรยาแต่ไม่เอา ฝืนธรรมชาติไปบวชพระเสีย อย่างนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็เป็นการฝืนกรรม ฝืนธรรมชาติ ใช่ไหมละครับ ทีนี้ การฝืนกรรม-ฝืนธรรมชาตินี้ มันอาจมีได้ทั้ง "สว่างและมืด" กล่าวคือ ท่านที่มีบารมีนั้นจะฝืนกรรม ฝืนธรรมชาติ "ในทางที่ดี" ได้ในระดับหนึ่งเท่าที่กำลังบารมีจะพอฝืนได้ แต่มากกว่านั้นเมื่อไร "จะกลายเป็นมืด" นะครับ ยกตัวอย่างเช่น หมอรักษาคนไข้ ฝืนกรรม ช่วยคนให้หายจากโรค แรกๆ หมอก็ยังมีความสว่างอยู่ เพราะบารมีมากพอฝืนกรรม ช่วยคนได้ แต่พอต้องทำงานทั้งชีวิต มันปฏิเสธคนไข้ไม่ได้ มันก็ต้องฝืนกรรมต่อไป จน "เกินบารมีจะรองรับได้" มันก็กลายเป็น "ภาคมืด" ได้นะครับ เพราะคนเราป่วย ก็ต้องมีวิบากกรรมทั้งนั้นจึงป่วยครับ ส่วนหมอที่ช่วยคนให้หาย แรกๆ อาจยังมีบารมีทำได้ แต่พอเกินบารมีจะรองรับได้แล้ว ทีนี้ มันจะมืดแล้วครับ มันจะไม่สว่างเหมือนเดิม จากเดิมที่เป็น "หมอดีมีอุดมการณ์ อุทิศตน สละตัว" ก็จะกลายเป็น "ขี้เกียจ เบื่อคนไข้ รำคาญนางพญาบาล" ฯลฯ และแอบเบียดบังเวลาราชการไปหากินในคลีนิคส่วนตัว หรือไม่ก็รับจ้อบโรงพยาบาลเอกชน เอาละ ทีนี้ ตื่นแจ้งมั้ยครับ ว่า "หมอมืด" น่ะ มันมืดได้ยังไง?



"จรรยาบรรณ" ในการทำงานของ "ทุกหน้าที่" ช่วยให้พ้นจากภาคมืด?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ การทำงานทางโลกทุกอย่าง ล้วนเสี่ยงที่จะถูกภาคมืดดึงไปได้ง่ายและสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ท่านทำงานได้อย่างปลอดภัยจากเงื้อมมือของภาคมืดได้ ก็คือ "จรรยาบรรณ" นะครับ มันไม่ใช่ "ศีล" เพราะมันไม่ได้เป็นข้อห้ามไม่ให้ทำไปเสียทีเดียว มันเป็น "กรอบล้อมเราไว้ให้เราทำได้ ในกรอบนั้นๆ ไม่เกินความพอดีไปครับ" สรุป คือ ตราบใดที่คุณยังมี "จรรยาบรรณในวิชาชีพของคุณ" ดีอยู่ คุณจะไม่ถูกภาคมืดครอบงำดึงไป แต่ถ้าคุณผิดจรรยาบรรณมากถึงจุดหนึ่ง มันจะเกินกว่าที่บารมีของคุณจะรองรับได้ เช่น การที่คุณเป็น "นักข่าว" คุณต้องมีอะไรที่เป็นจรรยาบรรณในการทำงานบ้าง? การที่เอาคนมาสัมภาษณ์ทะเลาะกันให้เป็นข่าวดัง แล้วพวกเขาก็มีชีวิต มีสังคมที่ต้องอยู่อาศัยแต่พวกเขาก็ถูกนำเสนอ "ออกข่าว ด้านเดียว เรื่องเดียว" คือ เรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันอยู่นั้น "ภาพลักษณ์ของเขาก็ถูกทำลาย คือ ถูกขายให้แก่รายการทีวี" รายการทีวีดังไป เร็ทติ้งขึ้น คนชอบดู สนใจแต่คนที่มาร่วมรายการ เขาจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง? อันนี้ ผมไม่ต้องพูดหรอก ท่านที่มีวิชาชีพในด้านนี้ ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว "ทุกอย่างดีกว่าผม" เสียอีก เอาละ ทว่า เมื่อท่านทำบ่อยๆ ท่านก็จะเข้าสู่ "ภาคมืด" ได้ในที่สุด เพราะท่านไม่เคารพใน "จรรยาบรรณ" ในวิชาชีพของท่านเอง ท่านก่อกรรมเกินกว่าบารมีจะรับได้



"ลูซิเฟอร์" จะครอบงำท่านด้วย "ความดีจอมปลอม" และใส่ร้ายผู้อื่น?

ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ ลูซิเฟอร์ ผู้นำแห่งภาคมืดจะหลอกลวงท่านให้เข้าใจผิดใน "ความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" เอาละ ต่อให้ผมรู้ว่าอะไรถูกผิดดีชั่วจริงๆ ผมก็จะ "ไม่ชี้นำคุณ" มันเป็นสิ่งที่เราควรเคารพ "มุมมองและความเชื่อส่วนตัวของแต่ละคน" อันเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเขา และรอจนกว่าเขาจะพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองหรือแนวคิดเอง โดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องรออยู่โดยไม่ทำอะไรเลย เราสื่อสารกับเขาได้ แต่ไม่ใช่การชี้นำครับการสื่อสารที่ไม่ใช่การชี้นำ แต่นำเสนอข้อมูลหรือความคิดเห็นของเราแล้วปล่อยให้เขาคิดพิจารณาเอง อันนี้ คือ "จรรยาบรรณของนักสื่อสาร" เช่น กัน เอาละ ทีนี้ในโลกของคุณจะมี "ความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" ที่มาจากมุมมองของคนมากมายรอบตัวคุณ เต็มไปหมด พวกเขาสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ "โดยไม่ใช้สื่อ" คือ สื่อสารตามธรรมชาติ แม้มีการชี้นำหรือการครอบงำกัน ก็ไม่นับว่าผิดหลักการใช้สื่อนะครับ (อันนี้ เฉพาะจรรยาบรรณของผู้ใช้สื่อเท่านั้น) ทว่า ท่านควรมีปัญญามากพอเท่าทันการถูกครอบงำโดยอะไรต่อมิอะไรให้มาก บางครั้ง "ความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" ที่ท่านได้รับรู้หรือถูกสอนมานั้น มันอาจจะไม่จริงเลยก็ได้ ในขณะเดียวกัน มันอาจตรงกันข้ามไปเลย เพราะท่านอาจได้รับรู้จากภาคมืดอยู่ พวกเขาย่อมมีมุมในการมองโลกที่ต่างไป เช่น การมองว่าคนติดยาเสพติด เป็นคนผิด คนเลวอะไรแบบนี้ หรือมองวัยรุ่นตีกันตายว่าผิดหรือเลว อะไรแบบนั้น ซึ่งแท้จริงแล้วมันอาจเป็นธรรมชาติปกติของมนุษย์ ที่จะได้รับการเรียนรู้ ไปจนถึงที่ "คุก" เลย แล้วกลับออกมาคิดได้ เข้าใจโลก ก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้น เขาก็อาจจะดิ้นรนทำความผิด ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ได้เข้าคุก แต่มันก็อาจจะไม่ผิดอะไร? นี่อาจเป็นธรรมชาติของบางคน ที่จะเรียนรู้โลกด้วยการผ่านคุก ก็อาจเป็นไป เอาละ ผมคงไม่ขอ "ตัดสิน" ว่าอะไร "ถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" นะครับ มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะไปทำเช่นนั้น มันขึ้นอยู่กับมุมมองครับ



การ "ตีตราบาป" ผู้อื่นด้วย "ความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว จอมปลอม" คืออะไร?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ การตีตราบาปให้ผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นถูกตีตราไปทั้งชีวิตว่าเป็นคน "ถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" เช่น คนนั้นคือคนเลว ทำลายประเทศเราฆ่ามันได้เลย ไม่ผิด เป็นการทำเพื่อประเทศชาตินะ เพื่อประเทศชาตินะจงฆ่ามันซะ อะไรแบบนี้ เป็นต้น คือ "อ้างว่าทำเพื่อประเทศ" แล้วตีตราคนที่มีภาพลักษณ์เสียหายหรือทำความผิด ว่ามันผิด ฆ่าได้ ไม่เป็นอะไร เพราะเป็นการทำเพื่อประเทศ อะไรแบบนั้น ถ้าเราทำเพื่อประเทศแบบนั้น แล้วจะมีประเทศเป็นแบบไหนละครับ ประเทศของเราก็มีแต่ความป่าเถื่อน, มีศาลเตี้ย หลอกใช้คนมีสีไปทำเพื่อประเทศชาติด้วยการให้ฆ่าประชาชน ทั้งๆ ที่ทหารเขามีไว้เพื่อรบกับ "อริราชศัตรู" ไม่ได้เอาไว้ใช้ฆ้าประชาชน หรือมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร ทว่า มันก็เกิดขึ้นได้ เมื่อมีการครอบงำแบบ "เบ็ดเสร็จเด็ดขาด" ครับ กระบวนการนี้ ก็จะเริ่มต้นจาก "การตีตรา" ก่อน คือ "ตีตราบาป" หมายหัวคนนั้นคนนี้ ว่าเป็น "พวกทำลายชาติ" ก็มีสมัยก่อนก็ตีตราบาปว่าเป็น "พวกคอมิวนิสต์" ก็ใช้ได้แล้ว ฆ่ากันตาย จนไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่ามันเลว มันเป็นคอมมิวนิสต์ ฆ่าแล้วไม่ผิด อะไรนี่ประเทศมันถึงเข้าสู่ "กลียุค" ไป นี่น่ะหรือการทำเพื่อประเทศ? มันเป็นการทำลายประเทศมากกว่า เอาละ ผมเริ่มจะลึกลงการเมืองมากไปแล้ว มันไม่ควรเข้าไปแตะเลย ประเทศนี้ อ่อนไหวทางการเมือง มากเกินไป ฮ่า ฮ่า ฮ่าเอาละ นับว่าผมเพียงแต่ "ยกตัวอย่าง" เท่านั้นเองว่า กระบวนการตีตรานี้มันจะนำไปสู่อะไรต่อไปได้ ซึ่งคุณเอาตัวเองออกมาจากมันได้ ถ้าเข้าใจว่า"เราไม่ควรไปตัดสินความถูก-ผิด-ดี-ชั่ว" ของใคร หรือการตีตราในรูปอื่นใดเช่น การตีตราว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์, เป็นโจรใต้, เป็นเสื้อแดง ฆ่าได้ไม่ผิดอะไร? เพราะทำเพื่อประเทศอะไรแบบนั้น อันนี้ จะนำไปสู่ "กลียุค" ครับ



การ "ใส่หัวโขน" ผู้อื่นและการ "ปั้นตัวละครให้เกิดใหม่" มัน คืออะไร?


ต่อไปที่ท่านควรทราบคือ นอกจากนี้ ลูซิเฟอร์ยังมีกลยุทธ์ในการสวมหัวโขนให้คนนั้นคนนี้ และยังปั้นให้เขา "เกิดเป็นสาธารณชน" อีกด้วย ให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักทั่วไป ทำเบื้องหน้าให้เลิศหรูอลังการเพื่อหลอกล่อให้คนอีกมากมาย อยากได้, อยากมี, อยากเป็น เช่นนั้นบ้าง ก็จะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป รอให้ลูซิเฟอร์สวมหัวโขนให้ ไม่ก็รอให้เขาปั้นแต่งให้เกิดใหม่เป็น "สาธารณชน" เรียกว่าถ้าคุณพร้อมจะ "ขายทั้งตัวและจิตวิญญาณ" และมีดีมากพอ ก็มาเลย เขาก็พร้อมจะปั้นแต่งให้มีเวที, มีอำนาจ, มีเงิน, มีชื่อเสียง, และได้เกิด ตามที่คุณต้องการละ แต่นี่ไม่ใช่ "การเกิดใหม่แบบภาคสว่าง" หรอกนะ? มันเป็นการเกิดใน ภพมืดต่างหากละ คุณเคยรู้จักคน "ผ่านสื่อ" มาแล้วมากมายใช่มั้ย พวกเขามีตัวตนใน "ความรู้จัก" ของพวกคุณ คุณรู้จักเขาผ่าน "ตัวตนที่สื่อปั้นให้นั้นๆ" ซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ หรอกแต่มันเป็น "ตัวตนที่ลูซิเฟอร์ปั้นให้" ทำให้เขาเกิดเป็นตัวตนนั้นๆ เช่น ตัวตนของฮีโร่, ตัวตนของผู้นำ, ตัวตนของพระอรหันต์ ฯลฯ เขาทำได้ทั้งนั้น เขาปั้นให้เกิดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไร แม้แต่ "พระเจ้า" เขาก็ปั้นให้เกิด ให้เป็นได้ เพราะถ้าคุณนั้นต้องการ "ตัวตนใดสักตัวตนหนึ่ง" ที่จะเป็นที่รู้จักในสาธารณชนละก็ นั่นแหละ สิ่งที่คุณจะต้องได้รับผ่าน "ลูซิเฟอร์" คุณควรเข้าใจคำว่า "บุคคลสาธารณะ" ที่แท้จริง และ "แบบสร้างได้-ปั้นได้" (ด้วยการสื่อสาร, การประชาสัมพันธ, การโฆษณา, การทำการตลาดให้ เป็นต้น) สองอย่างนั้นต่างกันสิ้นเชิง บุคคลสาธารณะในอดีต ไม่มีการปั้นแต่งด้วย "เครื่องมือสื่อสาร" ใดๆ นะครับ เขาสร้างคุณงามความดีจนเป็นที่ประจักษ์, จดจำ และตราตรึงใจผู้คนทั้งหลายเอง และมักจะมาภายหลังที่เขาตายแล้ว ยามที่มีชีวิตอยู่ ไม่ค่อยมีใครรู้จักมาก ไม่ค่อยได้รับการเหลียวแลจากใครครับ แต่เมื่อตายไปแล้ว "โลกจารึก" ให้เองครับ ภาคสว่าง เขาทำงานต่อให้ เพื่อจะยกขึ้นเป็น "แบบอย่างที่ดีจริงๆ" ให้ผู้อื่น คนอื่น เดินตามรอยเขานะครับ



คนเราจะทำผิดหรือเลวอะไร ก็ไม่ใช่สิทธิ์ของเราที่จะไปตัดสินใครได้?


สุดท้ายที่ท่านควรทราบคือ ใครเขาจะทำผิด, ทำชั่ว หรือทำดี, ทำถูกอะไร ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราจะไปตัดสินครับ ถ้าเราไปตัดสิน เราก็จะได้ความจงเกลียดจงชังคนที่ทำผิด ทำชั่ว หรือไม่ก็ได้รับความลุ่มหลงในคนดี, คนที่ถูกต้อง ไป นั่นไม่ใช่ "ทางหลุดพ้น" ทั้งสองทางเลย เรามาดู "ตัวเราเองดีกว่า" เมื่อใดที่คุณ "เลิกตัดสินคนอื่น" แล้วมองย้อนกลับมาที่ตัวคุณเอง นั่นแหละ คุณเริ่มต้นที่จะค้นพบ "เหตุ" ที่แท้จริงของทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณแล้วว่ามันไม่ได้มาจากสาเหตุ "เพราะใครผิด, ใครเลวต่อคุณ" แต่มันมาจาก "ตัวคุณเองเป็นต้นเหตุ" ทำให้คุณมีชีวิตอย่างไร? ในปัจจุบันนี้ มันก็มาจาก "เหตุภายในตัวคุณเอง" ทั้งนั้น และนี่จะเป็น "กุญแจ" ในการไขไปสู่ "ประตูแห่งการยกระดับตัวคุณเอง" ที่จะเริ่มต้นจากจุดนี้เองนะครับ แต่ถ้าคุณยัง "เพ่งจับผิดคนอื่น" อยู่เนืองๆ คุณจะไม่ได้อะไรเลย คุณจะเสียเวลเปล่าไปกับการเพ่งมองความผิดของคนอื่น โดยที่ "คุณจะไม่มีการเลื่อนระดับ" ตัวคุณขึ้นไปได้เลย โอเคมั้ย?


ขอพลังตัวตนภาคสว่างของคุณทั้งหลาย จงยกระดับจิตคุณขึ้นไป สวัสดี



25 ส.ค. 2555


"เสียงจากพระบุตร"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 comments:

Post a Comment